ไทยแลนด์
Friday 19th of April 2024
0
نفر 0

อะมั้ล (การกระทำ) ที่ประเสริฐที่สุด

อะมั้ล (การกระทำ) ที่ประเสริฐที่สุด

อะมั้ล (การกระทำ) ที่ประเสริฐที่สุด
  การกระทำและพฤติกรรมต่างๆ ของคนเราเมื่อพิจารณาในด้านความสวยงาม และความน่าเกลียดของมันย่อมไม่เท่าเทียมกัน ความสวยงามและความน่าเกลียดดังกล่าวมันได้ถูกกำหนดไว้ในตัวของสิ่งต่างๆ พร้อมกับการกระทำทั้งหลาย

ตัวอย่างเช่น : “การจงรักภักดี” (ฎออะฮ์) ต่ออัลลอฮ์ โดยตัวของมันคือความดีงามและเป็นสิ่งที่สวยงาม ส่วน “การละเมิดฝ่าฝืน” (มะอ์ซิยะฮ์) ต่ออัลลอฮ์ โดยธรรมชาติของมันก็คือสิ่งที่น่าเกลียด หรืออีกตัวอย่างหนึ่ง “ความยุติธรรม” (อะดาละฮ์) โดยตัวของมันคือสิ่งสวยงาม ในทางตรงกันข้าม “ความอธรรม” (ซุลม์) โดยธรรมชาติแล้วมันคือสิ่งที่น่าเกลียด ไม่จำเป็นต้องมีผู้ใดมากำหนดหรือบอกกล่าว

มีคนบางกลุ่มพยายามที่จะปฏิเสธความหมายข้างต้น และพวกเขาพยายามที่จะกล่าวว่าความดีงามและความเลวร้ายหรือความน่าเกลียดของทุกๆ สิ่ง และการกระทำต่างๆ ของมนุษย์ สามารถรับรู้ได้โดยผ่านข้อบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้าเพียงเท่านั้น พวกเขากล่าวว่า “ความยุติธรรม” (อะดาละฮ์) ที่เรายอมรับว่ามันเป็นสิ่งที่ดีงามได้นั้น เพราะอัลลอฮ์ (ซบ.) ทรงตรัสว่า มันเป็นสิ่งดีงาม และ “ความอธรรม” (ซุลม์) ที่เรายอมรับว่ามันเป็นสิ่งน่ารังเกียจก็เป็นเพราะอัลลอฮ์ (ซบ.) ทรงบัญญัติห้าม มิเช่นนั้นแล้วสติปัญญาของมนุษย์เราไม่อาจรับรู้ได้ ทัศนะเช่นนี้ถูกปฏิเสธโดยสิ้นเชิงในมุมมองของเราชาวชีอะฮ์ อิษนาอะชะรียะฮ์

ยิ่งไปกว่านั้น ระดับของความสวยงามและความน่าเกลียด ความมากและความน้อยของมันก็สามารถรับรู้และค้นหาได้ในตัวของสิ่งต่างๆ เหล่านั้นเช่นกัน “ความดี” “ดีกว่า” หรือ “ดีที่สุด” และ “ความเลว” “เลวกว่า” หรือ “เลวที่สุด” เราก็สามารถตัดสินได้บนพื้นฐานดังกล่าว นั่นคือสติปัญญาของมนุษย์คือตัวตัดสิน

    อย่าดูถูกความดีงามที่เล็กน้อย

ความดีงามทั้งมวล แม้ว่าบางสิ่งจากมันจะเป็นเรื่องเล็กน้อยสักเพียงใดก็ตาม แต่ก็ถือได้ว่ามันเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่และมากมายด้วยคุณค่า ดังเช่นที่ท่านอะมีรุลมุอ์มินีน อะลี อิบนิอบีฏอลิบ (อ.) ได้ชี้ให้เห็นในคำสอนอันทรงคุณค่าของท่านว่า

“จงทำความดี และจงอย่าดูถูกดูแคลนสิ่งใจจากมัน เพราะแท้จริงแล้วความดีนั้นไม่ว่าจะมีขนาดเล็กและมีปริมาณน้อยสักเพียงใดก็ตาม มันคือสิ่งที่มากมาย (ด้วยคุณค่า) และผู้กระทำมันคือผู้ที่ได้รับความรัก (จากพระผู้เป็นเจ้า)”

แต่กระนั้นก็ตาม ในมุมมองของอิสลามและในหลักคำสอนของคัมภีร์อัล กุรอาน ได้แบ่งระดับความดีงาม ความสวยงาม และความประเสริฐของการกระทำ (อะมั้ล) ทั้งหลายไว้ บ่าวของอัลลอฮ์ (ซบ.) คนใดที่มุ่งแสวงหาและปฏิบัติในสิ่งที่ดีงามกว่าและสวยงามกว่า เขาก็จะได้รับความพึงพอพระทัยจากอัลลอฮ์ (ซบ.) และผลตอบแทนจากพระองค์มากกว่ายิ่งๆ ขึ้นไป

ด้วยเหตุนี้เราจึงได้ยินคำพูดของบรรดาผู้ทรงความรู้ทางศาสนาได้กล่าวว่า “การกระทำ (อะมั้ล) ที่ประเสริฐที่สุด คือการกระทำที่มีความยากลำบากที่สุด”

นั่นเป็นเพราะว่า “อะมั้ล” หรือการกระทำความดีใดๆ ก็ตามของมนุษย์ที่มีผลในการขจัดอารมณ์ใฝ่ต่ำ ความลุ่มหลง และความรักในความสะดวกสบายของมนุษย์ได้มากว่า มันก็ย่อมส่งผลในการชำระขัดเกลาจิตวิญญาณและสร้างความสวยงามและความสมบูรณ์ให้กับจิตวิญญาณของมนุษย์ได้มากกว่านั่นเอง (โดยธรรมชาติแล้ว (อะมั้ล) การกระทำที่ยากลำบากนั้นจะมีลักษณะเช่นนี้) และนี่คือบรรทัดฐานประการหนึ่งในการวัดคุณค่าของอะมั้ล (การกระทำ) ต่างๆ

บางทีเราอาจกล่าวถึงบรรทัดฐานอีกประการหนึ่งที่จะใช้วัดหรือรับรู้ถึงคุณค่าที่มากกว่าหรือความประเสริฐที่มากกว่าของอะมั้ล (การกระทำ) ต่างๆ ได้ นั่นคือ ทุกๆ อะมั้ล (การกระทำ) ที่มนุษย์กระทำโดยมุ่งหวังความพึงพอพระทัยจากอัลลอฮ์ (ซบ.) สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ลักษณะคือ

   1.อะมั้ล (การกระทำ) ซึ่งผลของมันย้อนกลับมาหาตัวผู้กระทำอะมั้ลนั้นๆ โดยเฉพาะ โดยที่ผู้อื่นไม่ได้รับประโยชน์จากการกระทำ (อะมั้ล) ดังกล่าวเลย

อะมั้ล (การกระทำ) ในลักษณะเช่นนี้เปรียบได้ดั่งอาหารอันโอชะ และจะให้พละกำลังแก่มนุษย์ ซึ่งบุคคลที่บริโภคมันเข้าไปก็จะได้รับความอิ่มเอม ได้รับกำลังวังชา และมีสุขภาพพลานามัยที่สมบูรณ์ ตัวอย่างเช่น : การทำอิบาดะฮ์ต่างๆ ที่เกิดจากความบริสุทธิ์ใจ การนมาซตะฮัจญุด และการอดหลับอดนอนในยามค่ำคืนเพื่อทำอิบาดะฮ์ ซึ่งมันจะเสริมสร้างพลังแห่งความศรัทธา (อีหม่าน) และความยำเกรง (ตักวา) และจะสร้างความสวยงามและความสมบูรณ์ให้แก่ผู้กระทำมัน โดยสื่อจากการกระทำอะมั้ลดังกล่าวจะทำให้เขาได้รับประโยชน์ในด้านจิตวิญญาณได้มากกว่า สามารถสัมผัสและรับรู้ถึงรสชาดของความหวานชื่นแห่งโลกหน้าได้มากกว่าหากเขาได้ปฏิบัติมัน

แต่ทว่าเสียงรำพึงรำพัน (มุนาญาต) และน้ำตาที่เขาหลั่งมันออกมาในยามค่ำคืนอันดึกสงัด มันไม่อาจบรรเทาความเจ็บปวด ความหิวกระหาย และเสียงคร่ำครวญของบรรดาผู้ยากไร้และผู้อ่อนแอคนอื่นๆ ได้เลย

อะมั้ล (การกระทำ) ประเภทนี้ แม้จะมีความจำเป็นต่อการเพิ่มพลัง ทำนุบำรุงและขัดเกลาจิตวิญญาณของมนุษย์ ซึ่งเปรียบได้ดังอาหารที่ร่างกายของเรามีความต้องการมัน แต่ทว่าอะมั้ล (การกระทำ) ประเภทนี้เป็นอะมั้ลที่มีเพียงด้านเดียว หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง มันคือการกระทำ (อะมั้ล) ส่วนตัว ซึ่งผลของมันเกิดขึ้นเฉพาะกับตัวผู้ที่ปฏิบัติมัน ส่วนบุคคลอื่นๆ ไม่มีส่วนร่วมในผลของอะมั้ลเหล่านี้

   2.อะมั้ล (การกระทำ) ซึ่งความดีงามและประโยชน์ของมันนอกจากจะย้อนกลับมาสู่ผู้ที่ปฏิบัติมัน และทำให้จิตวิญญาณของเขาเกิดความสะอาดบริสุทธิ์แล้ว บุคคลอื่นๆ ยังได้รับประโยชน์จากการกระทำอันดีงามของเขาอีกด้วย การกระทำของเขาสามารถบรรเทาความทุกข์ยากและความเจ็บปวดแก่ผู้อื่นได้ การกระทำ (อะมั้ล) ลักษณะนี้เราเรียกว่า “การกระทำที่ให้ผลต่อส่วนรวม” หรือ “การกระทำ (อะมั้ล) ที่มีสองด้าน”

อะมั้ล (การกระทำ) เหล่านี้เปรียบเหมือนดั่งตะเกียงหรือคบเพลิงที่บุคคลหนึ่งจุดมันขึ้น ซึ่งนอกจากตัวเขาเองจะได้รับแสงสว่างแล้ว ขณะเดียวกันบุคคลอื่นๆ ก็ได้รับแสงสว่างนั้นด้วย และภายใต้แสงสว่างนี้เองที่ทำให้บุคคลอื่นๆ สามารถขจัดภัยอันตรายให้หมดไปจากตัวเองได้

   3.อะมั้ล (การกระทำ) ซึ่งประโยชน์ทางด้านวัตถุของมันเกิดขึ้นกับผู้อื่นทั้งร้อยเปอร์เซ็นต์ โดยที่ผู้ปฏิบัติจะไม่ได้รับสิ่งใดนอกจากความเจ็บปวด ความทุกข์ยาก และความทุกข์ทรมานทางด้านร่างกาย เป็นเพราะความรักและความผูกพันที่เขามีต่อความดีงามและคุณธรรมความดีเพียงเท่านั้นที่เป็นตัวบังคับเขาสู่การกระทำเช่นนั้น และเป้าหมายที่เขากระทำสิ่งเหล่านี้ก็เพื่อแสวงหาความพึงพอพระทัยจากพระผู้เป็นเจ้า มุ่งหวังในพระเมตตาธิคุณจากพระองค์ และบางครั้งเขากระทำสิ่งเหล่านี้ด้วยความบริสุทธิ์ต่อพระผู้เป็นเจ้า โดยมิได้หวังการยกย่องชมเชย และการขอบคุณใดๆ จากผู้อื่น ดังแบบอย่างของอะฮ์ลิลบัยต์ (อ.) ของท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ (ศ็อลฯ) ที่อัลลอฮ์ (ซบ.) ได้ทรงยกตัวอย่างให้เห็นในคัมภีร์ของพระองค์ โดยทรงตรัสว่า

   “และพวกเขาให้อาหารแก่คนอนาถา เด็กกำพร้าและเชลยศึก (โดยพวกเขากล่าวว่า) แท้จริงเราให้อาหารแก่พวกท่านโดยความบริสุทธิ์ใจต่ออัลลอฮ์ เรามิได้หวังการตอบแทนและการขอบคุณใดๆ จากพวกท่าน” (ซูเราะฮ์ อัล อินซาน/โองการที่ 8-9)

อะมั้ล (การกระทำ) ลักษณะเช่นนี้เรียกได้ว่าเป็นการกระทำเพื่อพระผู้เป็นเจ้าโดยแท้จริง และมันคือ “อะมั้ลที่ประเสริฐที่สุด” (อัฟฎอลุ้ลอะอ์มาล)

อะมั้ล (การกระทำ) ลักษณะเช่นนี้เราสามารถพบเห็นได้อย่างมากมายในหลักคำสอนอันสูงส่งของอิสลาม ในแบบฉบับ (ซุนนะฮ์) ของท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ (ศ็อลฯ) และบรรดาอะฮ์ลิลบัยต์ (อ.) ของท่าน

บรรดาผู้ศรัทธาและเป็นผู้ที่ยึดมั่นในแนวทางของท่านผู้บริสุทธิ์เหล่านี้ ต้องตระหนักอยู่ตลอดเวลาว่า การเลือกปฏิบัติสิ่งต่างๆ ที่เป็นคุณธรรมความดีนั้น เราจะต้องไม่หยุดอยู่เฉพาะในอะมั้ล (การกระทำ) ที่มีเพียงด้านเดียวเท่านั้น ซึ่งประโยชน์ของมันจะเกิดขึ้นเฉพาะตัวผู้ปฏิบัติเพียงอย่างเดียว แต่จงเรียนรู้แบบอย่างและคุณธรรมอันสูงส่งจากบรรดาอะฮ์ลิลบัยต์ (อ.) ผู้บริสุทธิ์ และนำสู่การปฏิบัติในชีวิตจริงของเราทุกคน

และท้ายที่สุดนี้ขอนำแบบอย่างอันสูงส่งอีกตัวอย่างหนึ่งจากท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ (ศ็อลฯ) มาเสนอ เพื่อจุดประกายความคิด และเป็นการตระหนักถึงอะมั้ลที่มีคุณค่ายิ่งที่เรียกว่า “อัฟฎอลุ้ลอะอ์มาล” (การกระทำที่ประเสริฐที่สุด) โดยที่ท่านอิมามฮุเซน (อ.) ได้อ้างคำพูดของท่านศาสนทูต (ศ็อลฯ) ผู้เป็นตาของท่าน ซึ่งท่านได้กล่าวว่า

“ส่วนหนึ่งจากบรรดาอะมั้ล (การกระทำ) ที่ประเสริฐที่สุด ณ อัลลอฮ์ ผู้ทรงเกริกเกียรติ ผู้ทรงเกรียงไกร คือการทำให้บรรดาตับไตรุ่มร้อน (จากความกระหาย) นั้นเย็นลง และการทำให้บรรดาผู้หิวโหยได้รับความอิ่มเอม ขอสาบานต่อพระผู้ซึ่งชีวิตของมุฮัมมัดอยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์ว่า จะยังไม่ศรัทธาต่อฉัน การที่บ่าวคนหนึ่งนอนหลับในยามค่ำคืนในสภาพที่อิ่มหนำ ในขณะที่พี่น้องของเขา (หรือเพื่อนบ้านของเขา) ซึ่งเป็นมุสลิมอยู่ในความหิวโหย

0
0% (نفر 0)
 
نظر شما در مورد این مطلب ؟
 
امتیاز شما به این مطلب ؟
اشتراک گذاری در شبکه های اجتماعی:

latest article

...
...
มองเห็นอัลลอฮ์?!
ทำไมต้องอ่าน ...
คำว่า ฟิตนะฮ์ ในอัลกุรอาน
ตัฟซีร ซูเราะฮ์อัลอัลอิคลาศ ...
...
จุดประสงค์ของคำว่า “บุรูจญ์” ...
สนทนากับอิมามอะลี (อ) หัวข้อ ...
ดุอาเดือนรอญับ

 
user comment