การสรรเสริญต่อพระผู้เป็นเจ้า
وكان من دعائه عليه السلام إذا ابتدأ بالدعاء بدأ بالتحميد لله عز وجل والثناء عليه فقال :
أَلْحَمْدُ للهِ الاوَّلِ بِلا أَوَّل كَانَ قَبْلَهُ، وَ الاخِر بِلاَ آخِر يَكُونُ بَعْدَهُ الَّذِي قَصُرَتْ عَنْ رُؤْيَتِهِ
أَبْصَارُ النَّاظِرِينَ، وَ عَجَزَتْ عَنْ نَعْتِهِ أَوهامُ اَلْوَاصِفِينَ ابْتَدَعَ بِقُدْرَتِهِ الْخَلْقَ اَبتِدَاعَاً، وَ
اخْتَرَعَهُمْ عَلَى مَشِيَّتِهِ اخترَاعاً، ثُمَّ سَلَكَ بِهِمْ طَرِيقَ إرَادَتِهِ، وَبَعَثَهُمْ فِي سَبِيلِ مَحَبَّتِهِ
لايَمْلِكُونَ تَأخِيراً عَمَا قَدَّمَهُمْ إليْهِ، وَلا يَسْتَطِيعُونَ تَقَدُّماً إلَى مَا أَخَّرَهُمْ عَنْهُ، وَ جَعَلَ لِكُلِّ
رُوْح مِنْهُمْ قُوتَاً مَعْلُوماً مَقْسُوماً مِنْ رِزْقِهِ لاَ يَنْقُصُ مَنْ زادَهُ نَاقِصٌ، وَلاَ يَزِيدُ مَنْ نَقَصَ
منْهُمْ زَائِدٌ ثُمَّ ضَرَبَ لَهُ فِي الْحَيَاةِ أَجَلاً مَوْقُوتاً، وَ نَصَبَ لَهُ أَمَداً مَحْدُوداً، يَتَخَطَّأُ إلَيهِ
بِأَيَّامِ عُمُرِهِ، وَيَرْهَقُهُ بِأَعْوَامِ دَهْرِهِ، حَتَّى إذَا بَلَغَ أَقْصَى أَثَرِهِ، وَ اسْتَوْعَبَ حِسابَ عُمُرِهِ،
قَبَضهُ إلَى ما نَدَبَهُ إلَيْهِ مِنْ مَوْفُورِ ثَوَابِهِ أَوْ مَحْذُورِ عِقَابِهِ، لِيَجْزِيَ الَّذِينَ أَساءُوا بِمَا عَمِلُوا
وَ يَجْزِىَ الَّذِينَ أَحْسَنُوا بِالْحُسْنَى عَدْلاً مِنْهُ تَقَدَّسَتْ أَسْمَآؤُهُ، وَتَظَاهَرَتْ ألاؤُهُ، لاَ يُسْأَلُ
عَمَّا يَفْعَلُ وَهُمْ يُسْأَلُونَ وَالْحَمْدُ للهِ الَّذِي لَوْ حَبَسَ عَنْ عِبَادِهِ مَعْرِفَةَ حَمْدِهِ عَلَى مَا أَبْلاَهُمْ
مِنْ مِنَنِهِ الْمُتَتَابِعَةِ وَأَسْبَغَ عَلَيْهِمْ مِنْ نِعَمِهِ الْمُتَظَاهِرَةِ لَتَصرَّفُوا فِي مِنَنِهِ فَلَمْ يَحْمَدُوهُ وَتَوَسَّعُوا
فِي رِزْقِهِ فَلَمْ يَشْكُرُوهُ، وَلَوْ كَانُوا كَذلِكَ لَخَرَجُوا مِنْ حُدُودِ الانْسَانِيَّةِ إلَى حَدِّ الْبَهِيمِيَّةِ،
فَكَانُوا كَمَا وَصَفَ فِي مُحْكَم كِتَابِهِ : ( إنْ هُمْ إلا كَالانْعَامِ بَلْ هُمْ أَضَلُّ سَبِيلا ) وَالْحَمْدُ لله
عَلَى مَا عَرَّفَنا مِنْ نَفْسِهِ وَأَلْهَمَنَا مِنْ شُكْرِهِ وَفَتَحَ لَنَا من أبوَابِ الْعِلْمِ بِرُبُوبِيّته وَدَلَّنَا عَلَيْهِ
مِنَ الاِخْلاَصِ لَهُ فِي تَوْحِيدِهِ وَجَنَّبَنا مِنَ الالْحَادِ وَالشَّكِّ فِي أَمْرِهِ، حَمْداً نُعَمَّرُ بِهِ فِيمَنْ
حَمِدَهُ مِنْ خَلْقِهِ ، وَنَسْبِقُ بِـهِ مَنْ سَبَقَ إلَى رِضَاهُ وَعَفْوِهِ حَمْداً يُضِيءُ لَنَا بِهِ ظُلُمَاتِ
الْبَرْزَخِ وَيُسَهِّلُ عَلَيْنَا بِهِ سَبِيلَ الْمَبْعَثِ وَيُشَرِّفُ بِهِ مَنَازِلَنَا عِنْدَ مَوَاقِفِ الاشْهَادِ يَوْمَ تُجْزَى
كُلُّ نَفْس بِمَا كَسَبَتْ وَهُمْ لا يُظْلَمُونَ (يَوْمَ لاَ يُغْنِي مَوْلىً عَنْ مَوْلىً شَيْئاً وَلاَ هُمْ يُنْصَرُونَ(
حَمْداً يَرْتَفِعُ مِنَّا إلَى أَعْلَى عِلِّيِّينَ فِي كِتَاب مَرْقُوم يَشْهَدُهُ الْمُقَرَّبُونَ، حَمْداً تَقَرُّ بِهِ عُيُونُنَا
إذَا بَرِقَت الابْصَارُ وَتَبْيَضُّ بِهِ وُجُوهُنَا إذَا اسْوَدَّتِ الابْشَارُ، حَمْداً نُعْتَقُ بِهِ مِنْ أَلِيمِ نَارِ اللهِ
إلَى كَرِيمِ جِوَارِ اللهِ، حَمْداً نُزَاحِمُ بِهِ مَلاَئِكَتَهُ الْمُقَرَّبِينَ وَنُضَامُّ بِـهِ أَنْبِيآءَهُ الْمُـرْسَلِيْنَ فِي
دَارِ الْمُقَامَةِ الَّتِي لا تَزُولُ وَمَحَلِّ كَرَامَتِهِ الَّتِي لاَ تَحُولُ ، وَالْحَمْدُ للهِ الَّذِي اخْتَارَ لَنَا مَحَاسِنَ
الْخَلْقِ ، وَأَجرى عَلَيْنَا طَيِّبَاتِ الرِّزْقِ وَجَعَلَ لَنَا الفَضِيلَةَ بِالْمَلَكَةِ عَلَى جَمِيعِ الْخَلْقِ، فَكُلُّ
خَلِيقَتِهِ مُنْقَادَةٌ لَنَا بِقُدْرَتِهِ، وَصَآئِرَةٌ إلَى طَاعَتِنَا بِعِزَّتِهِ. وَالْحَمْدُ لله الَّذِي أَغْلَقَ عَنَّا بَابَ
الْحَّاجَةِ إلاّ إلَيْهِ فَكَيْفَ نُطِيقُ حَمْدَهُ أَمْ مَتَى نُؤَدِّي شُكْرَهُ؟!، لا، مَتى؟ وَالْحَمْدُ للهِ الَّذِي رَكَّبَ
فِينَا آلاَتِ الْبَسْطِ، وَجَعَلَ لَنَا أدَوَاتِ الْقَبْضِ، وَمَتَّعَنا بِاَرْواحِ الْحَياةِ ، وَأثْبَتَ فِينَا جَوَارِحَ
الاعْمَال ، وَغَذَّانَا بِطَيِّبَاتِ الرِّزْقِ ، وَأغْنانَا بِفَضْلِهِ ، وَأقْنانَا بِمَنِّهِ ، ثُمّ أَمَرَنَا لِيَخْتَبِرَ
طاعَتَنَا، وَنَهَانَا لِيَبْتَلِيَ شُكْرَنَا فَخَالَفْنَا عَنْ طَرِيْقِ أمْرِهِ وَرَكِبْنا مُتُونَ زَجْرهِ فَلَم يَبْتَدِرْنا
بِعُقُوبَتِهِ ، وَلَمْ يُعَاجِلْنَا بِنِقْمَتِهِ بَلْ تَانَّانا بِرَحْمَتِهِ تَكَرُّماً، وَانْتَظَرَ مُراجَعَتَنَا بِرَأفَتِهِ حِلْماً
وَالْحَمْدُ للهِ الَّذِي دَلَّنَا عَلَى التَّوْبَةِ الَّتِي لَمْ نُفِدْهَا إلاّ مِنْ فَضْلِهِ، فَلَوْ لَمْ نَعْتَدِدْ مِنْ فَضْلِهِ إلاّ بِهَا
لَقَدْ حَسُنَ بَلاؤُهُ عِنْدَنَا، وَ جَلَّ إحْسَانُهُ إلَيْنَا وَ جَسُمَ فَضْلُهُ عَلَيْنَا، فَمَا هكذا كَانَتْ سُنَّتُهُ فِي
التَّوْبَةِ لِمَنْ كَانَ قَبْلَنَا لَقَدْ وَضَعَ عَنَّا مَا لا طَاقَةَ لَنَا بِهِ، وَلَمْ يُكَلِّفْنَا إلاّ وُسْعاً، وَ لَمْ يُجَشِّمْنَا
إلاّ يُسْراً وَلَمْ يَدَعْ لاَحَـد مِنَّا حُجَّةً وَلاَ عُذْراً، فَالْهَالِكُ مِنَّا مَنْ هَلَكَ عَلَيْهِ وَ السَّعِيدُ مِنَّا مَنْ
رَغِبَ إلَيْهِ وَ الْحَمْد للهِ بِكُلِّ مَا حَمِدَهُ بِهِ أدْنَى مَلائِكَتِهِ إلَيْهِ وَ أَكْرَمُ خَلِيقَتِهِ عَلَيْهِ، وَأرْضَى
حَامِدِيْهِ لَدَيْهِ، حَمْداً يَفْضُلُ سَآئِرَ الْحَمْدِ كَفَضْلِ رَبِّنا عَلَى جَمِيعِ خَلْقِهِ ثُمَّ لَهُ الْحَمْدُ مَكَانَ
كُلِّ نِعْمَة لَهُ عَلَيْنَا وَ عَلى جَمِيعِ عِبَادِهِ الْمَاضِينَ وَالْبَاقِينَ عَدَدَ مَا أَحَاطَ بِهِ عِلْمُهُ مِنْ جَمِيعِ
الاشْيَآءِ، وَ مَكَانَ كُلِّ وَاحِدَة مِنْهَا عَدَدُهَا أَضْعافَاً مُضَاعَفَةً أَبَداً سَرْمَداً إلَى يَوْمِ الْقِيَامَةِ،
حَمْداً لاَ مُنْتَهَى لِحَدِّهِ وَ لا حِسَابَ لِعَدَدِهِ وَ لاَ مَبْلَغَ لِغَايَتِهِ وَ لا انْقِطَاعَ لاَمَدِهِ، حَمْدَاً يَكُونُ
وُصْلَةً إلَى طَاعَتِهِ وَعَفْوِهِ، وَ سَبَباً إلَى رِضْوَانِهِ وَذَرِيعَةً إلَى مَغْفِرَتِهِ وَ طَرِيقاً إلَى جَنَّتِهِ،
وَخَفِيْراً مِنْ نَقِمَتِهِ، وَ أَمْناً مِنْ غَضَبِهِ، وَ ظَهِيْراً عَلَى طَاعَتِهِ، وَ حَاجِزاً عَنْ مَعْصِيَتِهِ وَ
عَوْناً عَلَى تَأدِيَةِ حَقِّهِ وَ وَظائِفِهِ، حَمْداً نَسْعَدُ بِهِ فِي السُّعَدَاءِ مِنْ أَوْلِيَآئِهِ وَنَصِيرُ بِهِ فِي نَظْمِ
الشُّهَدَآءِ بِسُيُوفِ أَعْدَائِهِ إنَّهُ وَلِيٌّ حَمِيدٌ .
1- การสรรญเสริญเป็นเอกสิทธิ์ของอัลลอฮ์ ผู้ทรงเป็นที่หนึ่งที่ไม่มีจุดเริ่มต้น เป็นองค์สุดท้ายที่ไม่มีจุดสิ้นสุด
2 – พระองค์ผู้ซึ่งสายตาทั้งหลายไม่สามารถมองเห็นพระองค์ อีกทั้งความคิดของผู้คนก็ไม่สามารถอธิบายคุณลักษณะของพระองค์ได้
3 – พระองค์ทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลายด้วยพลังอำนาจของอีกทั้งทำให้สรรพสิ่งทั้งหลายบังเกิดขึ้นมาด้วยพระประสงค์ของพระองค์เอง
4 – หลังจากนั้น พระองค์ก็ได้ชี้นำพวกเขาไปในทางที่พระองค์ทรงประสงค์ นำทางไปสู่หนทางแห่งความรักของพระองค์ สรรพสิ่งทั้งหลายไม่สามารถเดินช้าหรือก้าวล้ำไปเกินจากขอบเขตที่พระองค์ทรงกำหนดไว้ให้ได้
5 – พระองค์ทรงกำหนดปัจจัยยังชีพสำหรับทุกชีวิตไว้ให้แล้ว ใครก็ไม่สามารถลดทอนในสิ่งที่พระองค์ทรงให้ไว้แล้วได้ และก็ไม่มีใครสามารถเพิ่มเติมในสิ่งที่พระองค์ทรงมิได้ให้ไว้ได้ด้วย
6 – หลังจากนั้น ได้ทรงกำหนดช่วงเวลาและอายุขัยให้กับทุกสิ่ง และปล่อยให้ทุกสิ่งก้าวเดินไปตามช่วงอายุขัยของตัวเอง จนถึงก้าวสุดท้ายและถึงเวลาหมดอายุขัยของมัน
พระองค์จะปลิดวิญญาณและนำพวกเขาไปสู่ผลรางวัลหรือการลงโทษอันน่าสะพรึงกลัว เพื่อให้คนที่ทำชั่วได้รับผลการกระทำของเขา และคนทำดีได้ก็ได้รับผลรางวัลตอบแทน
7 – นี่เป็นการแสดงถึงความยุติธรรมของพระองค์ พระนามของพระองค์บริสุทธิ์และสมบูรณ์แบบยิ่งนัก ความโปรดปรานของพระองค์เป็นที่ชัดเจนยิ่ง พระองค์จะไม่ถูกตรวจสอบในสิ่งที่พระองค์ได้ทรงกระทำไว้ ส่วนผู้อื่นจะถูกตรวจสอบทั้งหมด
8 – และการสรรญเสริญเป็นเอกสิทธิ์ของอัลลอฮ์ ผู้ที่ถ้าหากพระองค์ไม่ทรงสอนให้รู้จักการสรรญเสริญต่อความโปรดปรานและการให้ที่ชัดเจนที่พระองค์ทรงประทานให้กับปวงบ่าว แน่นอนพวกเขาจะใช้ประโยชน์จากความโปรดปรานอีกทั้งได้พบกับปัจจัยยังชีพที่มากมายเหล่านั้นโดยไม่ได้ขอบคุณพระองค์เลย
9 – ถ้าเป็นเช่นนี้ (การที่มนุษย์ไม่ได้ขอบคุณ) พวกเขาก็จะหลุดพ้นออกจากการเป็นมนุษย์และตกไปอยู่ในกลุ่มของสัตว์เดรัจฉาน เหมือนกับที่อัลลอฮ์ทรงตรัสไว้ในคัมภีร์อันมั่นคงของพระองค์ว่า พวกเขาเป็นเช่นสัตว์สี่เท้า หรือบางครั้งต่ำกว่านั้น
10 – และการสรรเสริญเป็นเอกสิทธิ์ของอัลลอฮ์ ที่พระองค์ทรงได้แนะนำตัวของพระองค์เองให้กับเรา และได้สอนวิธีการขอบคุณพระองค์ให้กับเรา อีกทั้งทรงเปิดประตูความรู้ไปสู่การเป็นผู้อภิบาลของพระองค์ให้กับเรา ได้ทรงชี้นำให้เราไปสู่ความการแสดงความบริสุทธิ์ใจต่อเอกานุภาพของพระองค์และปกป้องเราให้พ้นจากความเคลือบแคลงสงสัย
11 – เป็นการสรรญเสริญที่ทำให้เราได้เข้าไปอยู่ในกลุ่มผู้ที่ทำการสรรญเสริญพระองค์ตลอดเวลา และเป็นการสรรเสริญที่ทำให้เราเดินก้าวล้ำหน้าบรรดาคนที่เคยก้าวนำหน้าพวกเราในเรื่องของการขอความพึงพอใจและขออภัยโทษต่อพระองค์
12 – เป็นการสรรญเสริญที่ให้แสงสว่างกับเราในนรกอันมืดมน อีกทั้งทำให้หนทางในวันแห่งการฟื้นคืนชีพราบรื่น และทำให้เราได้รับความสูงส่งและมีเกียรติเมื่ออยู่ต่อหน้าบรรดาพยาน ในวันที่ทุกคนจะได้รับผลตอบแทนและไม่มีใครกดขี่ใครได้อีก และในวันที่ไม่มีเพื่อนคนใดจะสามารถช่วยเหลือเพื่อนของตัวเองได้ อีกทั้งจะไม่มีใครช่วยใครได้เลย
13 – เป็นการสรรญเสริญที่ถูกเขียนไว้ในบัญชีการกระทำของเราให้เราได้ไปถึงตำแหน่ง อะอ์ลาอิลลียีน (อันสูงส่งที่สุด) อีกทั้งให้บรรดาทูตสวรรค์ผู้ใกล้ชิดได้เป็นสักขีพยาน
14 – เป็นการสรรเสริญที่ทำให้ดวงตาของเราพบกับแสงสว่างในวันที่ดวงตาทั้งหลายต้องตะลึงงันกับความน่าสะพรึงกลัวของวันกิยามะฮ์ (วันแห่งการตัดสิน) และทำให้ใบหน้าของเราผ่องใสในวันที่ใบหน้าทั้งหลายต้องหมองหม่น
15 – เป็นการสรรญเสริญที่ทำให้เราได้รอดพ้นจากไฟนรกอันเจ็บปวดและได้เข้าไปอยู่เคียงข้างความโปรดปรานอันไม่มีที่สิ้นสุดของพระองค์
16 – เป็นการสรรญเสริญที่ทำให้เราได้อยู่ร่วมกับบรรดาทูตสวรรค์ผู้ใกล้ชิดพรองค์ ในสถานพำนักอันเป็นนิรันดร์ที่จะคงอยู่ต่อไปตราบนานเท่านาน ให้เราได้อยู่ในสถานที่ที่เต็มไปด้วยความโปรดปรานอันไม่มีวันจบสิ้นอีกทั้งได้อยู่ร่วมกับบรรดาศาสดาของพระองค์
17 – การสรรญเสริญเป็นเอกสิทธิ์ของอัลลอฮ์ ผู้ที่ได้ทรงเลือกสรรความสวยงามของบรรดาสรรพสิ่งทั้งหลายให้ไว้สำหรับเรา และได้ทรงประทานปัจจัยยังชีพที่บริสุทธิ์ให้กับเรา
18 – และทรงทำให้เราอยู่เหนือและมีคุณสมบัติพิเศษกว่าสรรพสิ่งถูกสร้างทั้งหลาย และหลังจากนั้นพระองค์ทรงให้ทุกสรรพสิ่งอยู่ภายใต้คำสั่งของเรา และทรงทำให้สรรพสิ่งที่หลายเชื่อฟังพวกเรา
19 – การสรรญเสริญเป็นเอกสิทธิ์ของอัลลอฮ์ ผู้ที่ได้ปิดประตูแห่งความต้องการอื่นให้กับเรายกเว้นประตูไปสู่พระองค์เท่านั้น แล้วเราจะขอบคุณพระองค์อย่างไรเล่า แล้วเมื่อไหร่เราจะแสดงความขอบคุณต่อพระองค์ได้ ไม่มีทางเลย เมื่อไหร่กันหรือ?
20 – การสรรเสริญเป็นเอกสิทธิ์ของอัลลอฮ์ ผู้ที่ทรงประกอบเครื่องมือในการเปิดและเครื่องมือในการปิดไว้ในร่างกายของเรา และได้มอบพลังในการใช้ประโยชน์กับช่วงชีวิตที่มีอยู่ให้กับเราด้วย อีกทั้งพระองค์ทรงสร้างร่างกายสำหรับการทำงานให้กับเราด้วย และยังให้เราได้ดื่มด่ำกับปัจจัยยังชีพอันบริสุทธิ์และด้วยกับความประเสริฐของพระองค์ทำให้เรามีพละกำลังอีกทั้งทรงมอบความโปรดปรานต่าง ๆ ของพระองค์ให้เป็นต้นทุนในการใช้ชีวิตอีกด้วย
21 – และหลังจากนั้นพระองค์ทรงบัญชาสั่งให้เราในกิจการต่าง ๆ เพื่อทดสอบความภักดีของเรา และยังสั่งห้ามเราในกิจการต่าง ๆ เพื่อทดสอบการขอบคุณของเรา เมื่อเราขัดขืนคำสั่งของพระองค์และขึ้นขี่บนหลังความดื้อรั้นต่อพระองค์ แต่พระองค์ก็มิได้รีบร้อนที่จะลงโทษและตอบแทนการกระทำของเราเลย ด้วยกับความยิ่งใหญ่และความเมตตาของพระองค์ทรงผ่อนผันให้กับเรา และด้วยความอดทนและความปราณีของพระองค์ทรงให้โอกาสกับเรา และรอคอยการกลับตัวกลับใจของเราเสมอ
22 – การสรรเสริญเป็นเอกสิทธิ์ของอัลลอฮ์ ผู้ที่ชี้นำเราไปสู่หนทางแห่งการเตาบะฮ์หนทางที่เราจะไม่เข้าถึงมันได้นอกจากความปราณีของพระองค์เท่านั้น
23 – วิถีการตอบรับการเตาบะฮ์ของอัลลอฮ์ต่อชนรุ่นก่อนมิได้เป็นเช่น (สมัย) นี้ (ในชนยุคเรา) พระองค์ทรงมองข้ามสิ่งที่เราไม่มีความสามารถที่จะกระทำมันได้ พระองค์ทรงกำหนดหน้าที่ให้กับเราตามความสามารถที่เรามี มิได้ทรงบังคับเรา นอกจากในสิ่งที่ง่ายดายสำหรับเรา และพระองค์ก็มิได้ปล่อยให้เราได้มีข้ออ้างอีกด้วย
24 – ดังนั้นในหมู่พวกเราคนที่จะพินาศคือ คนที่ขัดขืนคำสั่งของอัลลอฮ์ คนที่จะพบกับความผาสุกคือ คนที่ผินหน้าเข้าหายังพระองค์
25 – ขอสรรเสริญอัลลอฮ์ ด้วยการสรรเสริญที่บรรดาทูตสวรรค์ผู้ใกล้ชิดได้สรรเสริญพระองค์ และด้วยการสรรเสริญที่ผู้ที่มีเกียรติที่สุดในหมู่สรรพสิ่งทั้งหลายได้สรรเสริญพระองค์ไว้
26 – เป็นการสรรเสริญที่สูงส่งเหนือการสรรเสริญใด ๆ เสมือนกับที่พระองค์สูงส่งเหนือสรรพสิ่งทั้งหลาย
27 – และฉันขอสรรเสริญพระองค์แทนความโปรดปรานที่ทรงประทานให้เรารวมทั้งบรรดาปวงบ่าวรุ่นก่อนและปัจจุบัน และฉันขอสรรเสริญพระองค์ตามจำนวนความรู้ของพระองค์ที่มีต่อสรรพสิ่งทั้งหลาย และสรรเสริญแทนทุกความโปรดปรานของพระองค์ทั้งหมด
28 – เป็นการสรรเสริญที่ไม่มีจุดสิ้นสุดจนกว่าจะถึงวันกิยามะฮ์ เป็นการสรรเสริญที่ไม่มีขอบเขตจำกัดและไม่สามารถนับคำนวนได้อีกทั้งต่อเนื่องไม่มีวันขาดตอน
29 – เป็นการสรรเสริญที่เป็นสื่อนำทางไปสู่การเชื่อฟังและการขออภัยโทษต่อพระองค์ และเป็นแรงจูงใจไปสู่การได้รับความพึงพอใจและการได้รับการอภัยโทษจากพระองค์ อีกทั้งเป็นหนทางไปสู่สวนสวรรค์ เป็นที่พำนักในวันแห่งการตอบแทน เป็นทางรอดพ้นจากความโกรธกริ้ว เป็นผู้ช่วยเหลือในการเชื่อฟังพระองค์ เป็นผู้คอยช่วยห้ามมิให้ไปสู่การขัดขืนต่อคำสั่งของพระองค์ และเป็นผู้ช่วยเหลือในการปฏิบัติตามคำสอนของพระองค์
30 – เป็นการสรรเสริญที่ยกให้เราขึ้นไปอยู่กับบรรดาผู้ใกล้ชิดที่มีแต่ความผาสุก และเป็นการสรรเสริญที่ทำให้เราได้อยู่ในแถวของบรรดาผู้เสียชีวิตด้วยคมดาบของศัตรูของพระองค์ แท้จริงพระองค์คือเจ้านายแห่งปวงศรัทธาชน และคือผู้ที่ควรค่าแด่การสรรเสริญ
แปลโดย เชคมุฮัมมัด อะลี ประดับญาติ