ไทยแลนด์
Saturday 23rd of November 2024
0
نفر 0

ความยิ่งใหญ่ของท่านหญิงฟาฏิมะฮฺ ผู้เป็นแก้วตาดวงใจแห่งศาสดา ตอนที่ 6

ความยิ่งใหญ่ของท่านหญิงฟาฏิมะฮฺ ผู้เป็นแก้วตาดวงใจแห่งศาสดา ตอนที่ 6

ความยิ่งใหญ่ของท่านหญิงฟาฏิมะฮฺ ผู้เป็นแก้วตาดวงใจแห่งศาสดา ตอนที่ 6

 

 

ท่านหญิงฟาฏิมะฮฺ(อ) คือแบบฉบับของนักต่อสู้ทางการเมือง

 

หลังจากการปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่าน ท่านอิมามโคมัยนี(รฎ)ได้นำเอามะรีฟัตอันนี้ เติมเต็มลงไปในประชาชาติอิหร่าน หากจะพูดให้เข้าใจง่าย ท่านอิมามได้พูดลักษณะนี้ก่อนการปฏิวัติประมาณ 30 ปี หลังจากห้วงเวลา 30 ปีผ่านไป การปฏิวัติก็ได้เกิดขึ้น เห็นได้ว่า ท่านอิมามได้ทำให้สตรีชาวอิหร่าน รู้จักว่า “ฟาฏิมะฮฺคือใคร”

 

ท่านอิมามโคมัยนี(รฎ)ทำให้สตรีชาวอิหร่านเข้าใจได้แล้วว่า การเป็นมุฮิบบีนของท่านหญิงฟาฏิมะฮฺนั้นต้องเป็นอย่างไร…เมื่อสตรีแห่งอิหร่านทำความเข้าใจการเป็นมุฮิบบีนได้แล้ว หลังจากนั้นประมาณ 20-30 ปี การปฏิวัติจึงเกิดขึ้น

 

ในมุมหนึ่งเราอาจจะพูดกันอยู่เสมอ ว่า การปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่านที่ได้ประสพความสำเร็จด้วยเหตุผลหลัก คือจิตวิญญานของท่านอิมามฮุเซน(อ) ได้ถูกสูบฉีดเข้าไปในมวลมนุษยชาติ แต่ยังเหลืออีกมุมหนึ่งหรืออีกครึ่งหนึ่งซึ่งยังไม่ได้พูดอย่างสมบูรณ์ ก็คือสตรีชาวอิหร่านได้ถูกสูบฉีดพลังทางจิตวิญญาณของท่านหญิงฟาฏิมะฮฺ(อ)เข้าไปด้วยเช่นกัน

 


 ปรากฏการณ์สตรีที่เป็นมุฮิบบีนของท่านหญิงฟาฏิมะฮฺ(อ)

 

เบื้องต้น สตรีชาวอิหร่านต้องเป็นฟาฏิมะฮฺก่อน เมื่อพวกนางพิสูจน์การเป็นฟาฏิมะฮฺสำเร็จ ขั้นต่อไปจึงจะสร้าง ฮะซัน  ฮูเซนและซัยหนับได้ ดังนั้น เมื่อสตรีชาวอิหร่านได้พิสูจน์ตัวตนว่า เป็นมุฮิบบีนของท่านหญิงเข้าไปแล้ว พวกนางจึงผลิตฮะซัน ฮูเซน และซัยหนับให้เกิดขึ้นมาในแผ่นดินอิหร่าน และหลังจากการปฏิวัติสำเร็จ ท่านอิมามโคมัยนี(รฎ.)ได้บอกว่า “การปฏิวัติครั้งนี้ เป็นหนี้บรรดาแม่แม่ของสตรีชาวอิหร่าน”

 

เราเคยรู้เคยฟังมาว่า การปฏิวัติช่วงที่กว่าจะประสบความสำเร็จ กว่าจะได้สถาปนารัฐอิสลามขึ้นมาได้นั้น มีผู้คนทั้งบุรุษและสตรี แต่ส่วนมากเป็นบุรุษล้มตายเป็นชะฮีดจำนวนถึง 200,000 คน

 

ถามว่า เพื่อให้เกิดการปฏิวัติอิสลามครั้งยิ่งใหญ่นี้ ในสองแสนคนที่เป็นชะฮีดนั้น มาจากการเสียสละของผู้ใด แน่นอนมาจากการเสียสละของบรรดาสตรีที่เป็นมุฮิบบีนของท่านหญิงฟาฏิมะฮฺ(อ) อัลฮัมดุลิลละฮฺ เพราะท่านอิมามโคมัยนี ทำให้เห็นฟาฏิมะฮฺ และซัยหนับ ปรากฏเป็นฟาฏิมะฮฺและซัยหนับแห่งยุคสมัย

 

ท่านทำให้สตรีชาวอิหร่านเป็นฟาฏิมะฮฺในภาคปฏิบัติ ด้วยการทำให้รู้จักและถูกสูบฉีดจิตวิญญาณของท่านหญิง จนทำให้สตรีชาวอิหร่านให้กำเนิดบุตรชายอย่างอิมามฮาซัน(อ) อิมามฮูเซน(อ) และท่านหญิงซัยหนับ(อ)

 


 การปรากฏตัวของฟาฏิมะฮฺและซัยหนับแห่งยุคสมัย

 

หลังการปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่าน ในช่วงสงคราม จะเห็นฟาฏิมะฮ์ในภาคปฏิบัติเต็มไปหมด เช่น แม่มาส่งลูก ภรรยามาส่งสามีอยากภาคภูมิใจ


 อิมามโคมัยนีเป็นลูกท่านหญิงฟาฏิมะฮฺ(อ) ทั้งโดยสายเลือดและจิตวิญญาณ

 

เมื่อก่อน ช่วงที่เราไม่เคยไปอิหร่าน ไม่เคยได้ไปเรียนที่อิหร่าน ก็เคยได้ยินมาว่า ท่านหญิงได้ถอดแหวน ถอดสร้อยมาบ้าง แต่เมื่อเราในที่นี้หมายถึงนักเรียนรุ่นแรกๆ ที่ไปเรียน ถือเป็นรุ่นจปร 1 จปร 2 (ถ้าศัพท์เรียก จปร1,จปร 2 ในที่นี้ไม่ใช่จบนักเรียนนายร้อยอย่างที่กล่าว แต่เป็นคำเปรียบเทียบเปรียบเปรย เพื่อให้เข้าใจได้ง่ายและเห็นภาพได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น)

 

หากจะท้าวความ เมื่อ 20-30 ปีที่แล้ว เรา(ซัยยิดสุไลมานและญาติพี่น้องรวมผองเพื่อน) ไม่ได้ไปอิหร่านในช่วงการปฏิวัติ แต่ไปเรียนที่อิหร่านในช่วงที่มีสงคราม จึงได้เห็นสิ่งต่างๆเหล่านี้ และในสิ่งที่เห็น คือ ท่านหญิงฟาฏิมะฮฺ(อ)ในภาคปฏิบัติเต็มไปหมด ทั้งๆที่ในช่วงของสงครามก็มีประชาชนล้มตายเป็นชะฮีดกันไปถึง 200,000 คน

 

ทว่าในสิ่งที่เราสัมผัสด้วยตนเองนั้น คือ การได้เห็นบรรยากาศภรรยามาส่งสามี มารดามาส่งบุตรชาย อีกทั้งมารดาและภรรยาเหล่านั้น บ้างช่วยกันให้กำลังใจด้วยการผูกผ้าที่เขียนด้วยนามอันประเสริฐ อาทิ อัลลอฮุอักบัร,ยารอซูลุลลอฮฺ,   ยาอาลี, ยาฟาฏิมะฮฺ,ยาซะฮฺรอ,ยาฮูเซน,ยาซัยหนับฯลฯ บนศรีษะของบรรดาบุรุษอันเป็นที่รักของนาง เราเห็นภาพมารดาจูบแก้มร่ำลากัน เพื่อส่งบุตร ให้บุตรได้ไปยังสนามรบด้วยจิตใจที่เร่าร้อน ฮึกเหิมและภาคภูมิใจ


เราได้เห็นฟาฏิมะฮฺแห่งยุคสมัย…
เราได้เห็นซัยหนับแห่งยุคสมัย…

 

เราเห็นภาพนั้นตรึงตา เราได้เห็นแบบฉบับที่สมบูรณ์แบบที่สุด ที่สตรีที่ประเสริฐที่สุดได้มอบมรดกอันล้ำค่าให้กับมนุษยชาติ ไม่เพียงเท่านั้น ตามที่เกริ่นไปแล้วว่าในห้วงที่เราไปเรียนอิหร่าน ช่วงนั้นเป็นช่วงสงคราม อิหร่านถูกบอยคอตทุกประเภท แม้จะมีอุปสรรคต่างๆที่คอยขวางกั้นการพัฒนาของประเทศ ที่ส่งผลทำให้ความช่วยเหลือจากที่อื่นเข้ามาไม่ได้

 

ด้วยเหตุนี้ อิหร่านจึงต้องขอบริจาคจากประชาชน และทุกๆครั้งที่เรานมาซวันศุกร์เสร็จ เมื่อออกมาจากมุศ็อลลา จากประสพการณ์ เราพบว่า สถานที่นมาซรวมที่ใหญ่สุดของเมืองกุม เมืองเตหะราน จะมีประชาชนเข้าร่วมนมาซเป็นหมื่นเป็นแสนคนในทุกอาทิตย์ สตรีบางคน บ้างถอดสร้อยข้อมือทองคำ บ้างถอดสร้อยคอทองคำ สตรีคนแล้วคนเล่า ต่างช่วยกันหย่อนของมีค่าลงไปในถุงบริจาคเพื่อนำไปใช้ในสนามรบ ความรู้สึกนี้ทำให้นึกถึงเรื่องราวของท่านหญิงฟาฏิมะฮฺ(อ)

 

ถามว่า..ถ้าไม่มีเรื่องราวของท่านหญิง จะมีสตรีคนไหนที่กล้าถอดสร้อยคอทองคำของตัวเองส่งไปในถุงบริจาค…เพราะมนุษย์ส่วนมากเมื่อพูดเรื่องบริจาคจะคุ้ยหาเศษสตางค์ แต่เมื่อมีท่านหญิงฟาฏิมะฮฺ(อ) สตรีผู้ที่บริจาคชุดเจ้าสาวในวันแต่งงาน สตรีผู้ที่บริจาคสร้อยที่เป็นมรดกชิ้นสุดท้ายของมารดา โดยที่ไม่ได้ยี่หระต่อคุณค่าทางจิตใจ ซึ่งในขณะที่สตรีบางคนยังผูกติดกับเรื่องนี้ จินตนาการเอง หลอกกันเองกันมานานว่า บริจาคของชิ้นนี้ไม่ได้ เพราะเป็นสมบัติชิ้นเดียวที่แม่ให้มา ถึงแม้ดูไม่มีราคาอะไร แต่มีคุณค่าทางจิตใจ

 

ครั้นเมื่อย้อนไปดูเรื่องราวของท่านหญิง บทบาททางการเมืองของท่านหญิง กลับเป็นการเติมเต็มสำหรับสตรี ในเมื่อเรามีแบบอย่างที่สมบูรณ์แบบ อีกทั้งการปกป้องศาสนา ถือเป็นหน้าที่ของทุกคนด้วย

 

ดังนั้น เมื่อจำเป็น ทุกบริบทของชีวิตต้องเปลี่ยนแปลงได้ พร้อมบริจาคได้ พร้อมพลีสามีและบุตรได้ ไม่เคยออกจากบ้านก็ต้องออกมาเพื่ออิสลามได้ แม้จะถูกหมิ่นเกียรติ หรืออะไรก็ตาม ต้องรับได้ทั้งหมด ถ้าสิ่งเหล่านี้เพื่อปกป้องศาสนา

 

กลับมา ประเด็น “การบริจาค” การบริจาคแบบนี้ เคยปรากฏขึ้นมาแล้ว โดยบริบทแรกมาจากเรื่องราวของท่านหญิงฟาฏิมะฮฺ(อ) บริบทต่อมาเราได้รับรู้ในเหตุการณ์กัรบาลา กับเรื่องราวของท่านหญิงซัยหนับ(อ)ที่ได้ส่ง(พลี)ลูกชายไปสนามรบ ตามด้วยท่านหญิงคนนั้น คนนี้ รวมถึงอุมมุลวะฮาบ ได้ส่งลูกชายไปยังสนาบรบ จึงไม่แปลกหากในอิหร่านจะเกิดการพลีลักษณะนี้อีกครั้งหนึ่ง

 


 สตรี คือ พลังเบื้องหลัง

 

จำได้ว่า ช่วงที่ไปเรียน จังหวะนั้น บริเวณหน้าโรงเรียนเวลาใครจะส่งลูกไปสงคราม จะต้องผ่านหน้าโรงเรียน เพราะโรงเรียนที่เราเรียน คือโรงเรียนที่ใหญ่เป็นอันดับสองของเมืองกุม ด้วยเหตุนี้ขบวนพาเหรดทั้งหมด ที่จะไปสงคราม หรือประท้วงอะไรก็ตาม จะต้องผ่านหน้าโรงเรียนก่อน เราจึงมีโอกาสได้ออกมายืนดูบรรยากาศมารดามาส่งบุตรด้วยความยิ้มแย้ม จูบแก้ม ผูกผ้าให้ ภรรยามาส่งสามี ด้วยความรัก มีการกอดกัน พร้อมทั้งหลั่งน้ำตา ถือเป็นเรื่องธรรมดา แต่ทุกคนก็พร้อมที่จะส่งตรงนี้ บ่งชี้ถึง ท่านหญิงฟาฏิมะฮฺ(อ) และท่านหญิงซัยหนับ(อ)ได้ปรากฎขึ้นแล้ว

 

เราเพียงจะบอกว่า สตรี คือ พลังเบื้องหลังที่สำคัญที่สุด ซึ่งท่านอิมามโคมัยนี(รฎ)ได้เคยกล่าวไว้ว่า…

“การปฏิวัติของเราได้ประสบความสำเร็จก็เพราะสตรีชาวอิหร่าน คือ ฟาฏิมะฮฺและซัยหนับแห่งยุคสมัย”

 

ชี้ให้เห็นว่า การปฏิวัติของท่านอิมามโคมัยนี(รฎ) คือ การการปฏิวัติที่เกิดมาจากความรักที่มีต่ออะฮฺลุลเบต(อ)โดยตรง ท่านอิมามได้ทำให้เรื่องราวของท่านหญิงฟาฏิมะฮฺ(อ) เรื่องราวของท่านอิมามฮุเซน(อ)ปรากฎในภาคปฏิบัติ ทำให้เราได้เห็นกอเซ็ม เห็นฮะบีบบินมะซอเฮร เห็นท่านหญิงไซหนับ เห็นอุมมุลวะฮาบ เห็นบรรดาวีรชนต่างๆ แห่งยุคสมัย

ด้วยกับการปฏิวัติอันนี้ ท่านอิมามได้นำเหตุการณ์ในสมัยของท่านหญิงซัยหนับ(อ) ในสมัยของท่านอิมามฮุเซน(อ)ที่กัรบะลาให้ได้เกิดขึ้นจริงในอิหร่านอีกครั้ง

 

ในปัจจุบันเห็นชัดแจ้งแล้วว่าในอิหร่าน และเลบานอน มีฟาฏิมะฮฺและซัยหนับแห่งยุคสมัยเป็นจำนวนมาก อินชาอัลลอฮฺ หลังจากเรื่องราวของอะฮฺลุลเบต(อ)ได้เผยแพร่ให้ชาวโลก เราจะได้เห็นฟาฏิมะฮฺและซัยหนับแห่งยุคสมัยเกิดขึ้นทั่วทั้งโลก

 

และนี่คือเหตุผลประการหนึ่ง ที่วันเกิดของท่านอิมามโคมัยนี(รฎ) จึงต้องตรงกับวันประสูติของท่านหญิงฟาฏิมะฮฺ(อ)ความจริงแล้วยังมีฮิกมะฮฺอื่นอีกมากมาย ซึ่งหากจะเข้าไปในรายละเอียด ในค่ำคืนนี้คงไม่เพียงพอที่จะอธิบายถึงเนื้อหาได้อย่างสมบูรณ์

 


 ภารกิจของผู้ศรัทธา

 

ขอปิดท้ายด้วยการฝากนาศิฮัตอีกหนึ่งประการ ประเด็น “สถานการณ์โลก” จากวิกฤติต่างๆที่กำลังเกิดขึ้น ขอให้ถือเป็นหน้าที่ของเราทุกคนที่จะต้องปกป้องการปฏิวัติอันนี้และปกป้องระบบที่ท่านอิมามโคมัยนี(รฎ)นำมาด้วยชีวิตของเรา

 

ขอให้พี่น้องพิเคราะห์ดูว่า ณ วันนี้มีเหตุการณ์ทางการเมือง โลกปัจจุบันมียะฮูดี มีอเมริกาเป็นแบบนี้ เช่นนี้แล้ว เราต้องปกป้องรัฐอิสลามแห่งอิหร่านของเรา อย่าอนุญาต อย่ายอมให้ผู้ที่เนรคุณทั้งหลาย ได้พูดในสิ่งที่เป็นอื่นต่อหน้า ไม่ว่ามันผู้นั้นจะเป็นใคร ไม่ว่าจะใส่อะมาม่าสีอะไรด้วย จงอย่าได้ติดยึดกับสีอะมาม่าบนหัว ไม่ว่าจะสีดำหรือสีขาว ถ้าเขาผู้นั้นพูดไม่ตรงกับความเป็นจริงเอามันออกไป อย่าเปิดโอกาสให้มันได้พูด อย่าไปสุงสิงกับมัน อย่าไปยิ้มให้มัน อย่าไปร่วมโต๊ะกับพวกมัน

 

เหล่านี้คือหน้าที่ของเรา เพราะในขณะนี้มีการทุ่มสรรพกำลัง เพื่อที่จะทำลายการปฏิวัติทั้งทางด้านจิตวิญญานและทางด้านกายภาพอันนี้

“ทางด้านจิตวิญญาน” คือ การทำลายความเชื่อมั่นของพวกเรา ซึ่งตอนนี้มันได้พยายามทำลายจิตวิญญานนี้ไปยังชีอะฮฺทั่วทั้งโลก (ตรงนี้เวลามีไม่พอและไม่สะดวกที่จะพูดถึงรายละเอียด)

 

เราทุกคนมีหน้าที่ที่จะต้องปกป้อง จำไว้ว่า ถ้าเราไม่สามารถที่จะชี้นำพวกเขาได้ ก็จงอย่ายิ้ม อย่าคุย อย่าเป็นมิตรให้กับคนที่ต่อต้านระบบวิลายะตุลฟะกีย์

เพราะมีรายงานยืนยันว่าการปฏิวัตินี้ คือ การปฏิวัติของอะฮฺลุลเบต(อ) เป็นการปฏิวัติของลูกของซะฮฺรอ “ฉบับปฐมฤกษ์” อีกทั้งท่านอิมามโคมัยนี(รฎ) คือ ลูกของท่านหญิงฟาฏิมะฮฺ(อ) ทั้งโดยสายเลือดและจิตวิญญาน

 

นัยยะนี้เราจะบอกว่า หากเป็นแค่โดยสายเลือดก็เป็นได้เพียงซัยยิดท่านหนึ่งเท่านั้น เพราะมากมายของบรรดาซัยยิดที่ต่อต้านการปฏิวัติ ทว่าที่เราย้ำเตือนเพื่อให้ตระหนัก ในประโยค “ท่านอิมามโคมัยนี(รฎ)เป็นลูกของท่านหญิงทั้งโดยสายเลือดและจิตวิญญาณ”

 

ดังนั้น ผลพวงที่ท่านได้ลุกขึ้นมาปฏิวัติ ส่งผลทำให้ชาวอิหร่านได้เสียสละเลือดและชีวิต ประชาชนเกือบครึ่งล้านชีวิตได้ลุกขึ้นมาเพื่อรับใช้ลูก(อิมามมะฮฺดี(อ)ของท่านหญิงฟาฏิมะฮฺ(อ) ชัดแจ้งว่า ทุกการพลีต่างๆเป็นการพลีเพื่อรองรับการปรากฏตัว ของท่านอิมามมะฮฺดี(อ) มหาบุรุษที่โลกรอคอยนั่นเอง

 

ขอสำทับอีกครั้ง ด้วยการเน้นให้พี่น้องทุกคนหยุดความอ่อนแอทางจิตวิญญาณ เราต้องจัดการกับบรรดาบุคคลที่พูดให้เห็นเป็นอื่นเกี่ยวกับการปฏิวัติอันนี้ และที่พูดให้เป็นอื่นเกี่ยวกับระบอบวิลายะตุลฟะกีย์

 

ฉะนั้น ขอให้ทุกคนช่วยกันปกป้องในทุกรูปแบบที่เราสามารถจะกระทำได้ เราจะต้องปิดโอกาสในสิ่งต่างๆเหล่านี้ที่มันจะทำลาย อย่าลืมว่าศัตรูคิดทุกแผนที่จะทำลายอิสลาม

หากมีคำถามว่า ท่านอิมามโคมัยนี(รฎ)ได้จากโลกนี้ไปเป็นระยะ 20 กว่าปีแล้ว เหตุใดจึงยังพูดถึงท่านอยู่ ขอตอบตรงนี้ว่า ตราบเท่าที่ยังมีวันประสูติของท่านหญิงฟาฏิมะฮฺ(อ)
ตราบนั้นท่านอิมามโคมัยนี(รฎ)ก็ยังคงถูกพูดถึงและไม่มีวันถูกลืม เพราะขบวนการของท่าน การปฏิวัติของท่าน แรงบันดาลใจต่างๆของท่าน คือ การสร้างจิตวิญญาณที่นำไปสู่การปฏิวัติแห่งศรัทธาเพื่อพระเจ้าองค์เดียว

 

ฉะนั้น ขอให้พวกเราทุกคน มั่นคงกับแนวทางและอุดมการณ์อันนี้ เหมือนกับดุอาอฺที่เราได้อ่านหลังนมาซ ความว่า……

 

خدایا  خدایا تا انقلاب مهدی از نهضت خمینی محافظت بفرما ، خامنه ای رهبر به لطف خود نگه دار، رزمندگان اسلام نصرت عطا بفرما ،دیدار روی مهدی نصیب ما بگردان ، امین یا رب العالمین

 

คำอ่าน : คุดอยอ คุดอยอ ทอเองเกลอเบมะฮดีย์ อัซ เนฮ์ซะเท โคมัยนี มุฮอเฟซัต เบฟัรมอ คอเมเนอีย์ เยเราะฮบัร เบลุตเฟคุด เนกะฮ์ดอร รัสมันเดะกอเนอิสลอม นุสร้ตอะทอเบฟัรมอ ดีดอรเรรูเย มะห์ดี นะซีบเบะมอเบะฆารดอน อามีน ยารอบบัลอาลามีน

 

ความหมาย : โอ้อัลลอฮฺ โอ้อัลลอฮฺ จนกว่าจะถึงการปฏิวัติของอิมามมะฮฺดี โปรดรักษาขบวนการของอิมามโคมัยนีด้วยเถิด
คอเมเนอี คือ ผู้นำ โปรดคุ้มครอง ท่านด้วยความเมตตาของพระองค์ และโปรดช่วยเหลือ ทหารหาญของอิสลาม(ให้ได้รับชัยชนะ) โปรดให้พวกเราได้ประสบพบเจอกับอิมามมะฮฺดี ด้วยเถิด โอ้องค์อภิบาลขอทรงให้เป็นเช่นนี้ด้วยเถิด

 

ศอละวาต


บรรยายพิเศษโดย ฮุจญตุลอิสลาม ซัยยิด สุไลมาน ฮุซัยนี

0
0% (نفر 0)
 
نظر شما در مورد این مطلب ؟
 
امتیاز شما به این مطلب ؟
اشتراک گذاری در شبکه های اجتماعی:

latest article

ประวัติย่อของอิมามมุฮัมมัด ...
คุณสมบัติของอัล-กุรอาน
สานสัมพันธ์กับอิมามซะมาน
...
...
...
...
อิมามญะอฺฟัรกับวิทยาศาสตร์
ผู้ป่วยแห่งกัรบาลาอฺ (ตอนที่2)
อิมามริฎอ คือ ผู้ค้ำประกันกวาง

 
user comment