ในหนังสือ “อัลอะมาลี” เชคฏูซี ได้บันทึกริวายะฮ์ (คำรายงาน) บทหนึ่งว่า อับดุลลอฮ์ บินซัลมาน ได้ถามท่านอิมามมุฮัมมัดบากิร (อ.) เกี่ยวกับวิธีการซิยาเราะฮ์กุโบร ท่านกล่าวว่า
:
إذَا كَانَ یَوْمُ الْجُمُعَةِ فَزُرْهُمْ، فَإنَّهُ مَنْ كَانَ مِنْهُمْ فِی ضَیْقٍ وُسِّعَ عَلَیْهِ مَا بَیْنَ طُلُوعِ الْفَجْرِ إلَی طُلُوعِ الشَّمْسِ ؛ یَعْلَمُونَ بِمَنْ أَتَاهُمْ فِی كُلِّ یَوْمٍ، فَإذَا طَلَعَتِ الشَّمْسُ كَانُوا سُدًی.قُلْتُ: فَیَعْلَمُونَ بِمَنْ أَتَاهُمْ فَیَفْرَحُونَ بِهِ؟قَالَ: نَعَمْ، وَ یَسْتَوْحِشُونَ لَهُ إذَا انْصَرَفَ عَنْهُمْ
“เมื่อวันศุกร์มาถึง ดังนั้นเจ้าก็จงไปซิยาเราะฮ์พวกเขาเถิด เพราะแท้จริงผู้ใดก็ตามจากพวกเขาที่อยู่ในความคับแค้น มันก็จะถูกทำให้เกิดความกว้างขวางแก่เขา ในระหว่างรุ่งอรุณจนถึงดวงอาทิตย์ขึ้น พวกเขาจะรับรู้ถึงบุคคลที่ไปหาพวกเขาในทุกวัน แต่เมื่อดวงอาทิตย์ขึ้นแล้ว พวกเขาก็จะถูกปล่อยไว้อย่างเดียวดาย”
ผู้รายงานกล่าวว่า : ฉันถามว่า “พวกเขาจะรับรู้ถึงผู้ที่ไปยังพวกเขา แล้วพวกเขาจะดีใจต่อสิ่งนั้นใช่ไหม?” ท่านอิมาม (อ.) กล่าวว่า “ใช่แล้ว! และพวกเขาจะรู้สึกเสียใจและว้าเหว่เดียวดาย เมื่อเขาได้จากพวกเขาไป” (1)
การซิยาเราะฮ์ (เยี่ยม) ชาวกุโบรนั้นมีคุณประโยชน์อย่างมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการซิยาเราะฮ์หลุมฝังศพของบรรดานักวิชาการศาสนา (อุละมาอ์) บรรดาชะฮีด (ผู้สละชีพในทางของพระเจ้า) และบรรดาวะลียุลลอฮ์ (ผู้ใกล้ชิดพระเจ้า) และการซิยาเราะฮ์หลุมฝังศพของบรรดาอิมาม (อ.) จะเป็นสื่อทำให้ตัวเราเกิดความสะอาดบริสุทธิ์จากความแปดเปื้อนและบาปทั้งมวลได้
ท่านศาสดามุฮัมมัด (ซ็อลฯ) ได้กล่าวว่า :
زُرِ القُبُورَ تُذَكّرُ بِهَا الآخرِةَ
“จงไปเยี่ยมสุสานเถิด มันจะทำให้รำลึกถึงปรโลก” (2)
และในอีกวจนะหนึ่ง ท่านกล่าวว่า :
زُورُوا قُبُورَ مَوْتَاكُمْ وَ سَلِّمُوا عَلَیْهِمْ فَإِنَّ لَكُمْ فِیهِمْ عِبْرَةً
“ท่านทั้งหลายจงไปเยี่ยมหลุมฝังศพของผู้ตายของพวกท่านเถิด และจงให้สลามแก่พวกเขา เพราะแท้จริงในตัวพวกเขานั้นจะมีอุทาหรณ์และบทเรียนสำหรับพวกท่าน” (3)
ท่านศาสนทูตของอัลลอฮ์ (ซ็อลฯ) ยังได้กล่าวอีกว่า :
مَنْ زَارَ قَبْرَ أَبَوَیْهِ أَوْ أَحَدِهِمَا فِی كُلِّ جُمُعَةٍ غُفِرَ لَهُ وَ كُتِبَ بَرّا
“ผู้ใดที่ไปเยี่ยมหลุมฝังศพของบิดามารดาของเขา หรือคนหนึ่งคนใดจากทั้งสองในทุกวันศุกร์ เขาจะได้รับการอภัยโทษและจะถูกบันทึกว่าเป็นลูกที่ดี (ผู้กตัญญูกตเวทีต่อพ่อแม่)” (4)
นอกจากนี้ยังมีรายงานอีกว่า ดุอาอ์ ณ หลุมฝังศพของพ่อแม่นั้นจะถูกตอบรับ และท่านศาสนทูตของอัลลอฮ์ (ซ็อลฯ) กล่าวว่า “ผู้ใดก็ตามที่จะไปเยี่ยมหลุมฝังศพของฉัน ในวันแห่งการฟื้นคืนชีพ การให้การอนุเคราะห์ (ชะฟาอัต) แก่เขาจะเป็นวาญิบ (หน้าที่จำเป็น) เหนือตัวฉัน”
ท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ อัซซะฮ์รอ (อ.) จะไปซิยาเราะฮ์ (เยี่ยม) หลุมฝังศพของท่านฮัมซะฮ์และชะฮีดคนอื่นๆ สัปดาห์ละครั้ง และจะวิงวอนขอความเมตตาและการอภัยโทษจากอัลลอฮ์ให้แก่ชะฮีดเหล่านั้น
เนื่องจากผลของการซิยาเราะฮ์ คือการติดต่อสัมพันธ์กับดวงวิญญาณของผู้ตาย และผู้ทำการซิยาเราะฮ์จะวิงวอนขอผ่านดวงวิญญาณนั้น ดังนั้นยิ่งดวงวิญญาณของผู้ตายมีความสะอาดบริสุทธิ์และสูงส่งมากเท่าใด ผู้ทำการซิยาเราะฮ์ก็จะได้รับประโยชน์มากขึ้นเพียงนั้น
เป็นที่รับรู้กันดีว่า ณ หลุมฝังศพของบรรดาผู้มีความรู้ (อุละมาอ์) นั้น ดุอาอ์และความต้องการ (ฮาญัต) จะถูกตอบรับมากกว่า และโดยพื้นฐานแล้วในสถานที่ต่างๆ ที่บรรดาวะลียุลลอฮ์ (ผู้เป็นที่รักของพระเจ้า) ถูกฝังนั้นจะมีรัศมี (นูร) มากกว่า และสามารถสัมผัสได้ว่าสถานที่เหล่านั้นจะมีความสว่างไสว ความร่มรื่นและความกว้างขวางเป็นพิเศษ และจะไม่มีความอึดอัดและความมืดมนใดๆ ตรงข้ามกับหลุมฝังศพของบรรดากุฟฟาร (ผู้ปฏิเสธศรัทธา) ที่มืดมน ไร้ความร่มรื่น น่าเบื่อหน่ายและจะก่อให้เกิดการหดหู่ใจและความอึดอัด
…………..
แหล่งอ้างอิง :
(1) บิฮารุ้ลอันวาร, เล่มที่ 6, หน้าที่ 256
(2) นะฮ์ญุลฟะซอหะฮ์, หน้าที่ 510
(3) บิฮารุ้ลอันวาร, เล่มที่ 79, หน้าที่ 64
(4) บิฮารุ้ลอันวาร, เล่มที่ 86, หน้าที่ 359
บทความโดย : เชคมุฮัมมัดนาอีม ประดับญาติ
ขอขอบคุณเว็บไซต์ islamicstudiesth