พลิงพยาบาท
"เกิดเหตุอันใดหรือนี่!" ชายชาวอรับคนหนึ่งอุทานขึ้นด้วยความตกใจเมื่อเหลือบไปเห็นชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่งก้าวเดินอย่างรีบเร่งด้วยสีหน้าเหี้ยมเกรียม โดยไม่คิดยี่หระสนใจผู้คนที่ยืนรายล้อมทั่วบริเวณที่กำลังตะลึงจังงังกับพฤติกรรมของพวกเขา ในมือของชายกลุ่มนี้มีคบเพลิงที่ลุกโชนคล้ายกับนัยน์ตาของพวกเขาที่เต็มไปด้วยไฟพยาบาท เป้าหมายที่ชายกลุ่มนี้จ้องเขม็งคือบ้านหลังเล็กๆหลังหนึ่งที่อยู่ในตรอกซอยอันคดเคี้ยวนี้ ผู้คนต่างซักถามกันเสียงเซ็งแซ่ไปทั่วบริเวณว่าชายฉกรรจ์กลุ่มนี้คือใคร? ถือคบเพลิงมาเพื่ออะไร? บ้านหลังเล็กๆเบื้องหน้านี้คือบ้านของผู้ใด? แต่ไม่ทันที่ผู้ที่มามุงดูเหตุการณ์จะทราบปริศนาดังกล่าว ความร้อนระอุจากคบเพลิงที่ลุกโชติช่วงก็ปะทะใบหน้าผู้มามุงดูจนต้องก้าวถอยออกไปห่างๆโดยไม่รู้ตัว
ตำนานแห่งเด็กหญิงผู้อารีย์
ย้อนกลับไปเมื่อราวๆสิบเก้าปีก่อน พระองค์อัลลอฮ์ทรงประทานบุตรีผู้มีนามว่า"ฟาฏิมะฮ์"แด่ท่านนบีหลังจากที่ท่านเดินทางกลับจาก"เมี้ยะอ์รอญ"ตามคำบัญชาของพระองค์ ระหว่างที่ท่านหญิงคอดีญะฮ์ภรรยาของท่านตั้งครรภ์อยู่นั้น เด็กน้อยฟาฏิมะฮ์ในครรภ์คือผู้เดียวที่คอยพูดคุยให้กำลังใจมารดาท่ามกลางเสียงก่นด่าประณามต่างๆนานาของสตรีชาวอรับ ที่จ้องแต่จะตำหนิท่านหญิงคอดีญะฮ์ที่เลือกสมรสกับมุฮัมมัดผู้ไม่ร่ำรวย หลังจากที่เด็กน้อยฟาฏิมะฮ์ถือกำเนิดท่ามกลางความปลื้มปีติของบุพการี ชีวิตครอบครัวของท่านนบีก็พบกับความรื่นรมย์มากขึ้นทวีคูณแม้ต้องเผชิญอุปสรรคนานัปการในหนทางแห่งการประกาศศาสนา วันเวลาผ่านไป จนกระทั่งในวันหนึ่ง โศกนาฏกรรมอันยิ่งใหญ่ก็เกิดขึ้นในบ้านท่านนบี ซึ่งเป็นวันที่ท่านหญิงคอดีญะฮ์ได้พรากจากท่านนบีและเด็กน้อยฟาฏิมะฮ์ไปอย่างนิรันดร์ ความระทมทุกข์ถูกอัดแน่นในจิตใจของท่านนบีและเด็กน้อยฟาฏิมะฮ์ จากนี้เป็นต้นไป ภาระกิจการปรนนิบัติผู้เป็นบิดาถูกถ่ายทอดสู่เด็กหญิงตัวน้อยคนนี้ เธอผู้ที่ยังคงมีแววตาเศร้าหมองจากการสูญเสียผู้เป็นที่รักไปอย่างขมขื่น แต่ก็ได้ซัมซับความเสียสละและความอดทนจากมารดาไว้แล้วอย่างเต็มเปี่ยม
สายลมร้อนพัดปะทะวิหารกะอ์บะฮ์อย่างบ้าคลั่ง เป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่เหล่ากุฟฟารมุชริกีนร่วมกันกลั่นแกล้งท่านนบีอย่างบ้าระห่ำ
"ปังๆๆๆ" เสียงรัวเคาะประตูบ้านดังขึ้นอย่างไม่ปรานีปราศัย ฟาฏิมะฮ์น้อยรีบก้าวเดินไปเปิดประตูด้วยความตื่นตระหนก ชายอรับผู้มีอาการเหนื่อยหอบรีบกล่าวด้วยน้ำเสียงแหบแห้งว่า"มุฮัมมัด พ่อของหนูกำลังถูกพวกกุเรชรุมรังแกขณะก้มลงแนบใบหน้ากับพื้นดิน(สุญูด)" เด็กน้อยฟาฏิมะฮ์รีบวิ่งออกไปตามคำบอกเล่าของชายผู้นั้นอย่างไม่รอช้าจนกระทั่งถึงลานกว้างบริเวณกะอ์บะฮ์ เธอแลเห็นอบูญะฮัลพร้อมด้วยสหายของมันจำนวนหนึ่งยืนกอดอกหัวร่อท้องแข็งด้วยความหยิ่งผยองในสิ่งที่พวกตนกระทำไปเมื่อชั่วครู่ เมื่อฟาฏิมะฮ์ลดสายตาลง ก็พบบิดาที่เนื้อตัวเปรอะเปื้อนซากพุงแกะน่าเหม็นของพวกมัน เด็กน้อยไม่สามารถกลั้นน้ำตาไว้ได้อีกต่อไป เธอจ้องมองใบหน้าอิดโรยของพ่อด้วยความสงสารจับใจ หยาดน้ำตาอุ่นๆที่เคล้าคลอบนขอบตาดุจน้ำค้างใสที่เกลือกกลิ้งบนใบบอน บัดนี้ใหลพรั่งพรูผ่านแก้มน้อยๆมาบรรจบกันที่ปลายคางก่อนจะร่วงลงสู่พื้นดินทีละหยดๆอย่างน่าเวทนา ภาพเด็กหญิงกำลังปัดซากพุงแกะเน่าจากเบื้องบ่าของพ่อด้วยน้ำตา สะกดความรู้สึกของผู้ที่พบเห็นเป็นอย่างยิ่ง เธอเช็ดน้ำตาป้อยๆด้วยมือน้อยๆของเธอก่อนจะหันกลับมาจ้องหน้าอบูญะฮัลเขม็ง พร้อมกับกล่าวประณามอย่างกล้าหาญเด็ดเดี่ยวโดยไม่เกรงบารมีล้นฟ้าของพวกมัน ลิ้นน้อยๆของเธอได้ทำหน้าที่ต่อกรกับความอำมหิตของเหล่าเดรัจฉานชนประดุจเรียวดาบที่คมกริบอย่างองอาจ
ตะวันคล้อยลงจนลับเส้นขอบฟ้า คงไว้เพียงท้องฟ้าเปลี่ยวเปล่าสีแดงแสดชวนเศร้าหมอง ทว่าแววตาของท่านนบียังคงส่องประกายบ่งบอกถึงความเมตตาต่อมนุษยชาติท่ามกลางความมืดมิดแห่งยุคญาฮิลียะฮ์ มรสุมอุปสรรคต่างๆที่เกิดขึ้นกับท่านนบี ทำให้ฟาฏิมะฮ์น้อยสัมผัสถึงความยิ่งใหญ่ของผู้เป็นบิดาที่ได้บรรจงมอบความจำเริญให้แก่มนุษยชาติมาโดยตลอด เสียงนกในรวงรังอันอบอุ่นขับขานเจื้อยแจ้วเรื่อยไปคล้ายจะปลอบประโลมสองพ่อลูกให้คลายความทุกข์โศก เพื่อพร้อมจะก้าวเดินในหนทางแห่งภารกิจศาสนาต่อไปในวันพรุ่ง
สู่วัยครองเรือน
วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วดุจฝูงม้าตะบึงฝีเท้าทะยานผ่านทะเลทราย ฟาฏิมะฮ์ เด็กน้อยแสนกตัญญูในวันวานเจริญวัยด้านร่างกายควบคู่ไปกับการพัฒนาขีดความสูงส่งทางจิตวิญญาณ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานั้น ฟาฏิมะฮ์น้อยปรนนิบัติท่านศาสดาผู้เป็นพ่อด้วยความรักและทะนุถนอมเรื่อยมาไม่ต่างจากความห่วงใยของมารดาที่มีต่อบุตรน้อยกลอยใจ ด้วยเหตุนี้เองที่ท่านนบีได้ขนานนามบุตรีสุดที่รักของท่านว่า"อุมมุอบีฮา" หรือ"มารดาแห่งบิดาของเธอ"อย่างภาคภูมิ
สายลมเอื่อยๆพัดพากลิ่นหอมของช่อบุปผาฟุ้งไปทั่วบริเวณ หมู่ภมรแมลงผึ้งพากันบินว่อนจากทั่วทุกสารทิศด้วยหลงใหลในกลิ่นหอมเย็นของบุปผาแรกแย้มที่งดงาม บัดนี้ ฟาฏิมะฮ์ถึงวัยที่หนุ่มๆชาวมะดีนะฮ์พากันหมายปองต้องใจจะสู่ขอมาเป็นศรีภรรยาแล้ว สิ่งที่รบเร้าจิตใจชายหนุ่มเหล่านี้มิไช่เพียงรูปร่างหน้าตาอันเป็นสิ่งที่ไม่จีรังยั่งยืน เพราะแม้ฟาฏิมะฮ์จะได้รับมรดกความงดงามจากดวงหน้าของบิดาและมารดาผู้สูงเกียรติ แต่เธอก็ได้สืบทอดความงดงามเลอค่าทางจริยธรรมและศีลธรรมขั้นสูงสุดจากบุพการีทั้งสองอีกด้วย ท่านนบีได้สอนทุกหลักจริยธรรมที่มนุษยชาติพึงบรรลุ และฟาฏิมะฮ์ก็ได้ซึมซับและนำสู่การปฏิบัติทุกกระเบียดนิ้ว จึงไม่น่าแปลกใจเลยหากท่านรอซูลจะกล่าวถึงท่านหญิงว่า "ฟาฏิมะฮ์ คือส่วนหนึ่งจากฉัน ใครก็ตามที่รังแกเธอ เท่ากับว่าเขากำลังรังแกฉันด้วย"
ดวงตะวันทอแสงสีทองผ่านปุยเมฆขาวละมุนละไมยามรุ่งอรุณ ยังความสดชื่นแก่ดอกไม้ใบหญ้าที่ส่ายลำต้นพริ้วใหวตามจังหวะสายลมที่พัดแผ่วเบา บรรดาสหายของท่านนบีคนแล้วคนเล่าผลัดกันมาเยี่ยมเยือน"บ้าน"ของท่านนบีเพื่อทำการสู่ขอท่านหญิงฟาฏิมะฮ์เพื่อเป็นเกียรติแก่วงศ์ตระกูลตนสืบไป บ้างมีทรัพย์สินเงินทองมากมาย บ้างมียศถาบรรดาศักดิ์เป็นที่นับหน้าถือตาของอรับเผ่าต่างๆ ท่านนบีให้การต้อนรับผู้มาสู่ขอบุตรสาวทุกครั้งเป็นอย่างดี ทว่าท่านมิได้ตอบตกลงกับสหายท่านใดแม้แต่คนเดียว สายตาของท่านจับจ้องที่ฟากฟ้าอันกว้างใหญ่ไพศาลเสมือนรอคอยสิ่งใดบางอย่าง
"การตัดสินใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ขึ้นอยู่กับพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า" ท่านตอบผู้มาสู่ขอด้วยสีหน้ายิ้มแย้มและน้ำเสียงอันอ่อนโยน ก่อนที่จะแหงนมองท้องฟ้าด้วยความหวังเต็มเปี่ยมอีกครั้ง บรรดาสหายคนแล้วคนเล่าจากลา"บ้าน"ของท่านนบีมาโดยมิได้มีความน้อยเนื้อต่ำใจที่ท่านศาสดาไม่ตอบตกลงต่อความจำนงของพวกเขา "ข้ารู้อยู่ก่อนแล้วว่าบุตรีของท่านศาสดาสูงส่งเกินกว่าจะร่วมชายคากับคนอย่างข้า แต่ที่ข้าดำเนินการสู่ขอไปก็เพื่อให้เป็นเกียรติแก่ตัวข้าเท่านั้นเอง ที่ครั้งหนึ่งข้าได้ทำการสู่ขอสมาชิกแห่งวงศ์วานนบี" สหายนบีคนหนึ่งกล่าวแก่เพื่อนฝูงอย่างภาคภูมิใจโดยไร้ร่องรอยความผิดหวังบนใบหน้า ผู้ที่กลับจากการสู่ขอบุตรีท่านนบีบางคนเลือกที่จะเดินผ่านสวนอินทผลัมแห่งหนึ่ง และกวาดสายตามองหาชายผู้หนึ่ง ในที่สุด พวกเขาก็พบชายคนนั้นกำลังขะมักขะเม้นกับการพรวนดินทำสวนอย่างขยันขันแข็ง
อลี ราชสีห์ผู้ขวยเขิน
"อลี ทำไมท่านจึงไม่รีบเร่งทำการสู่ขอบุตรีของท่านนบีดังเช่นคนอื่นๆล่ะ?" พวกเขาตะโกนถามเชิงชักชวนให้ท่านทำการสู่ขอเช่นสหายนบีคนอื่นๆ อลี อิบนิ อบีฏอลิบ สหายที่เติบโตใน"บ้าน"ของท่านนบี และเป็นผู้ที่ติดสอยห้อยตามท่านนบีแทบทุกชั่วยาม อีกทั้งเป็นสหายคนเดียวที่กล้ามัดจำลมหายใจของท่านรอซูลด้วยชีวิตตนเองในค่ำคืนฮิจญเราะฮ์ เมื่อครั้งที่กาเฟรมุชริกีนกรูกันเข้ามาในบ้านท่านนบีหมายปลิดชีพท่าน แต่พวกมันก็จำใจต้องเสียบดาบลงฝักอย่างหัวเสียเมื่อพบชายหนุ่มนามอลีนอนแทนที่เพื่อสยบแผนการของพวกมัน
"อลี! ท่านว่าอย่างไรล่ะ?" สหายที่กำลังรอคำตอบตะโกนย้ำคำถามอีกครั้ง ชายหนุ่มร่างกำยำหยุดพักชั่วครู่ ก่อนที่จะวางจอบบนดินพร้อมกับปาดเหงื่อที่ผุดขึ้นมาดั่งน้ำค้างใสยามราตรี มันหาเป็นเหงื่อที่ไหลด้วยความเหนื่อยล้าจากการงานไม่ ทว่าพวยผุดจากความขวยเขินเมื่อได้ยินคำแนะนำให้ทำในสิ่งที่เขาเองก็มีความปราถนาอยู่ก่อนแล้ว ทว่าความขวยเขินในหัวใจและความน่าเกรงขามของท่านนบีเมื่อรวมกันเป็นหนึ่งเดียวแล้ว ก็เปรียบประดุจปราการสูงตระหง่านไม่เอื้ออำนวยให้สามารถพิชิตได้โดยง่ายดังเช่นป้อมปราการแห่งค็อยบัร
พายุทะเลทรายพัดกระหน่ำต้นอินทผลัมสูงลิบตาโคลงเคลงไปมา จนกระทั่งไม่สามารถซ่อนเร้นผลไม้หวานหยาดเยิ้มที่สุกเต็มที่ได้อีกต่อไป ในที่สุด อลีก็ตัดสินใจปฏิบัติตามคำแนะนำของเพื่อนศอฮาบะฮ์หลังจากถูกคะยั้นคะยอครั้งแล้วครั้งเล่า เขาก้าวเดินเรื่อยไปกระทั่งมาหยุดอยู่ที่หน้าประตูบ้านท่านนบีโดยแทบไม่รู้สึกตัว อลี อิบนิ อบีฏอลิบตัดสินใจเคาะประตู"บ้าน"ด้วยใจที่เต้นรัว ประตูถูกเปิดออกโดยท่านนบี ท่านยิ้มที่มุมปากพลางเชื้อเชิญให้เข้าไปในบ้านเสมือนรอคอยอาคันตุกะพิเศษผู้นี้มานานแสนนาน ชายร่างกำยำนั่งลงอย่างเหนียมอาย ผู้ที่เคยยืนตระหง่านประกาศศักดาต่อหน้ากาเฟรมุชริกีนในสมรภูมิครั้งแล้วครั้งเล่า บัดนี้ทำได้เพียงนั่งเงียบกริบพลางก้มหน้าด้วยความเหนียมอายเท่านั้น
"ดูเหมือนเจ้าจะมีธุระนะ อลี จึงได้มาที่นี่?" ท่านนบีทำลายความเงียบพร้อมรอยยิ้มอย่างเป็นกันเอง แม้จะทราบดีว่าชายหนุ่มร่างกำยำเบื้องหน้ามีจุดประสงค์ใดในการมาเยือนบ้านของท่าน แต่ชายหนุ่มผู้นี้มิอาจเอ่ยตอบคำถามท่านนบีได้ กลับเลือกก้มหน้าด้วยความเหนียมอายที่จะเปิดเผยความปราถนาของตนแทน
"เจ้าคงต้องการจะมาสู่ขอฟาฏิมะฮ์สินะ?" ท่านนบีรุกถามเพื่อเค้นความปราถนาในหัวใจของอลีออกมา จนผู้ถูกถามรู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งตัว
"ครับ ผมมาเพื่อจุดประสงค์ดังกล่าว" อลีกล่าวตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาดุจกระซิบ ท่านนบีขยับตัวเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า " โอ้ อลี จงรู้ไว้เถิดว่า ก่อนที่เจ้าจะมาสู่ขอฟาฏิมะฮ์ในวันนี้นั้น มีชายมากมายทะยอยกันมาทำการสู่ขอฟาฏิมะฮ์คนแล้วคนเล่า แต่ทุกครั้งที่ฉันเดินเข้าไปแจ้งแก่ฟาฏิมะฮ์ เธอจะแสดงทีท่าไม่พอใจผู้มาสู่ขอทุกคนไม่เว้นแม้แต่คนเดียว เจ้าจงรอสักครู่ ฉันจะเข้าไปสอบถามความเห็นของฟาฏิมะฮ์แล้วจึงจะออกมาแจ้งให้เจ้าทราบอีกครั้ง"
ท่านก้าวเดินไปยังห้องที่บุตรสาวนั่งอยู่ พร้อมกับกล่าวสาธยายถึงความดีงามของอลีผู้ที่พิชิตเหล่ากุฟฟารมุชริกีนจอมอหังการ์ในยามกลางวัน และหลั่งรินน้ำตาใสบริสุทธิด้วยความยำเกรงพระผู้เป็นเจ้าในยามค่ำคืน ท่านนบีกล่าวทิ้งท้ายด้วยความห่วงใยบุตรสาวว่า
"พ่อต้องการจะทำการสมรสลูกกับบุรุษผู้สูงส่งที่สุดในหมู่ประชาชาติทั้งมวล ลูกมีความเห็นอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือ?" ฟาฏิมะฮ์ก้มหน้าเงียบกริบด้วยความจริตแห่งความเป็นกุลสตรี เวลาผ่านไปครู่ใหญ่ แต่ฟาฏิมะฮ์ก็ยังคงก้มหน้าเงียบกริบเหนียมอายต่อไป โดยมิได้แสดงอากัปกิริยาใดๆอันบ่งบอกถึงท่าทีปฏิเสธเฉกเช่นกรณีของชายหนุ่มรายอื่นๆก่อนหน้านี้ เมื่อเห็นดังนี้ ท่านนบีจึงได้กล่าวอุทานด้วยความความปลื้มปีติสุดบรรยายว่า "อัลลอฮุอักบัร! ความเงียบสงบของนางเปรียบประดุจเสียงตอบรับของนาง" ภายหลังจากที่ท่านรับทราบความพึงพอใจของบุตรสาวเป็นที่เรียบร้อย ท่านนบีก็ได้ทำการอ่านอักดฺนิกาฮ์ให้แก่บุคคลทั้งสอง และจัดงานวลีมะฮ์อย่างเรียบง่ายสมกับเป็นสมาชิกวงศ์วานที่เป็นแบบฉบับสำหรับมนุษย์ทุกชนชั้นในทุกเสี้ยวประวัติศาสตร์อย่างแท้จริง
ความเรียบง่าย สารัตถะแห่งชีวิตคู่
ช่อบุปผาแห่งท้องทุ่งอันกว้างใหญ่แย้มกลีบขาวนวลเผยเกสรเหลืองอร่ามตา สายลมแผ่วเบาพัดชโลมท้องทุ่งอย่างนุ่มนวล พัดพาอณูเกสรเหลืองอร่ามนั้นปลิวละล่องเรื่อยไปกระทั่งผ่านขุนเขาอันคดเคี้ยว บุปผางามที่ชูช่อเบื้องหลังม่านทิวเขาพริ้วใหวตามแรงลมเอื่อย คล้ายกำลังแสดงการต้อนรับอณูเกสรเหลืองอร่ามด้วยความปรีดา ก่อเกิดผลไม้หวานชื่นหอมหวนสืบต่อไปชั่วกาลนาน วันเวลาผ่านไปกระทั่งผลแห่งดวงใจของอลีและฟาฏิมะฮ์เจริญวัยในบ้านอันอบอุ่น ฮะซัน ฮุเซน ซัยนับ อุมมุกุลษูม ล้วนได้รับการเลี้ยงดูอย่างทะนุถนอมมาโดยตลอด เด็กๆเหล่านี้ได้รับการปลูกฝังจรรยามารยาทอันงดงามและโลกทัศน์อันกว้างไกลจากท่านตาและบิดามารดาอย่างต่อเนื่อง
ภายในบ้านน้อยๆหลังนี้มักไม่มีอาหารหลากหลายประเภทตั้งเรียงรายในสำรับอาหารเฉกเช่นสำรับอาหารของผู้มีอิทธิพลทั่วไป บ่อยครั้งที่ท่านนบีต้องทนพิษความหิวโหยเคียงบ่าเคียงใหล่เหล่าสหายผู้ยากไร้ของท่าน บ่อยครั้งที่ฟาฏิมะฮ์ต้องเพียรพยายามกล่อมลูกน้อยให้หลับนอนด้วยท้องอันว่างเปล่าอย่างน่าเวทนา
ภารกิจในครอบครัวได้ถูกแบ่งสรรไว้อย่างลงตัวด้วยคำแนะนำของท่านนบี ภารกิจภายนอกบ้านเป็นของอลี ส่วนภารกิจภายในบ้านอยู่ในความรับผิดชอบของฟาฏิมะฮ์ แม้จะมีฟิฏเฏาะฮ์ หญิงรับใช้จากกาฬทวีปเข้ามาช่วยแบ่งเบาภาระในบ้านไปบ้าง แต่ฟาฏิมะฮ์ยังยืนยันที่จะทำหน้าที่เท่าเทียมกับหญิงรับไช้ดุจเพื่อนสนิทของเธอคนหนึ่ง
วันเวลาผ่านไป จนกระทั่งถึงช่วงเวลาที่ ฮะซัน และฮุเซนล้มป่วยลง อลี,ฟาฏิมะฮ์และสมาชิกในบ้านรวมทั้งสาวใช้ฟิฏเฏาะฮ์ได้ทำการนะซัรต่อพระองค์ว่า หากเด็กทั้งสองมีอาการดีขึ้น จะร่วมกันถือศีลอดเป็นระยะเวลาสามวันติดต่อกัน หลังจากนั้นไม่นาน เด็กๆก็เริ่มมีอาการดีขึ้นกระทั่งหายป่วยไข้เป็นปลิดทิ้ง ด้วยความภาคภูมิใจที่พระองค์ทรงตอบรับนะซัรครั้งนี้ สมาชิกในครอบครัวเริ่มตระเตรียมตัวเองเพื่อถือศีลอดในวันรุ่งขึ้นอย่างพร้อมเพรียง ฟาฏิมะฮ์และสาวใช้ฟิฏเฏาะฮ์ช่วยกันตระเตรียมแป้งสำหรับทำขนมปังโดยแบ่งแป้งที่มีอยู่จำกัดออกเป็นสามส่วนเท่าๆกันสำหรับการละศีลอดสามวันติดต่อกัน
บทความโดย มุญาฮิด ฮาริซี
source : alhassanain