ไทยแลนด์
Monday 25th of November 2024
0
نفر 0

อาลัยภรรยาสุดที่รัก

วาระสุดท้ายของบุตรีศาสดา ..เธอได้ส่งคนไปเรียก"อุมมุ รอฟิอ์"หญิงรับใช้ในบ้านท่านนบีมาช่วยรินน้ำเพื่อเธอจะได้อาบน้ำตามศาสนบัญญัติเป็นคราสุดท้าย (เนื่องจากท่านหญิงฟาฎิมะฮ์ล้มป่วยไร้เรี่ยวแรงจากเหตุการณ์คืนวิปโยคที่เศาะฮาบะฮ์กลุ่มหนึ่งคุกคามเธอ)
อาลัยภรรยาสุดที่รัก

วาระสุดท้ายของบุตรีศาสดา
..เธอได้ส่งคนไปเรียก"อุมมุ รอฟิอ์"หญิงรับใช้ในบ้านท่านนบีมาช่วยรินน้ำเพื่อเธอจะได้อาบน้ำตามศาสนบัญญัติเป็นคราสุดท้าย (เนื่องจากท่านหญิงฟาฎิมะฮ์ล้มป่วยไร้เรี่ยวแรงจากเหตุการณ์คืนวิปโยคที่เศาะฮาบะฮ์กลุ่มหนึ่งคุกคามเธอ)

เธอเลือกสวมอาภรณ์ที่ใหม่และสวยงามทั้งที่ก่อนหน้านี้เธอสวมอาภรณ์สีดำเพื่อไว้อาลัยการจากไปของบิดาสุดที่รัก รอซูลุลลอฮ์ มาโดยตลอด ประหนึ่งเธอกำลังจะหลุดพ้นจากห้วงแห่งความเศร้าและกำลังจะได้พบบิดาผู้เป็นที่รักในอีกไม่นาน

เธอได้กล่าวแก่อุมมุ รอฟิอ์ว่า "ช่วยปูที่นอนให้ฉันกลางห้องทีจ่ะ"

แล้วเธอก็นอนอย่างสงบโดยผินหน้าไปยังทิศกิบละฮ์ .. เพื่อเฝ้ารอวาระสุดท้าย

เวลาผ่านไป..เวลาผ่านไป


เธอค่อยๆหลับตาลงจากโลกนี้ และค่อยๆลืมตาขึ้นอีกมิติหนึ่ง..ไช่แล้ว เธอลืมตาขึ้นเพื่อได้จับจ้องใบหน้าบิดาผู้เป็นที่รักที่รอคอยการมาของเธออย่างถวิลหา




..แล้วเสียงสะอื้นไห้ก็ดังขึ้นจากบ้านหลังเล็กๆของอิมามอลี..


อลีสุดอาลัย
เปลวเทียนแห่งความทุกข์ระทม ได้ดับลงแล้วในบ้านอิมามอลี เหลือเพียงราชสีห์ผู้เดียวดาย และลูกๆที่สะอื้นไห้ปริ่มใจจะขาด


ก่อนเธอจะจากไป เธอขอให้อิมามอลีทำการฝังศพในยามราตรี และไม่ให้ใครล่วงรู้ถึงสุสานของเธอ..และอิมามอลีได้ปฏิบัติตามที่เธอประสงค์..


จวบจนทุกวันนี้ก็ไม่มีใครทราบว่า สุสานของเธออยู่ที่ใด?


..ในบ้านของเธอ...หรือสุสานบากีอ์..หรือสถานที่อื่น..



แต่ที่ทราบแน่นอนคือ ..ค่ำคืนแห่งความอาดูรนั้น อิมามอลีนั่งใกล้สุสานภรรยาสุดที่รัก..อย่างรวดร้าว


ความมืดมิดยามราตรีได้กลืนนครมะดีนะฮ์ บรรดามุสลิมและเหล่าศอฮาบะฮ์ล้วนกำลังนอนหลับอย่างสงบ

..มีเพียงความเงียบสงัดยามราตรีเท่านั้นที่ตั้งใจฟังเสียงรำพึงรำพันของอิมามอลี



อิมามอลีบัดนี้คือรูปจำแลงของความเดียวดาย .. เดียวดายในนครมะดีนะฮ์ .. เดียวดายในบ้าน

ไร้แล้วซึ่งนบี ..ไร้แล้วซึ่งฟาฏิมะฮ์


บัดนี้ท่านอิมามอลีนั่งลงใกล้สุสานภรรยา..ดุจภูผาแห่งความโศกสลดเคียงข้างทะเลที่ไร้เกลียวคลื่น



ราตรีแห่งมะดีนะฮ์ยังสดับรับฟังถ้อยคำที่ฉ่ำด้วยความอาดูร ...ถ้อยคำที่อิมามอลีเอ่ยเอื้อนด้วยใจที่ช้ำระบม


ใต้ธรณีมะดีนะฮ์สว่างไสวและปรีดา ส่วนบนธรณีเล่า..มีแต่ความอัปโชคและการบิดพริ้วของผู้คน


..สุสานตื่นขึ้น แต่บ้านเรือนยังหลับใหล..



ลมเอื่อยๆยามราตรีพัดพาถ้อยคำของอิมามอลี ณ สุสานภรรยาสุดที่รัก .. ไปยังบ้านและสุสานศาสดาที่เงียบสงัด


"ขอความสันติจงมีแด่ท่าน จากฉัน และจากบุตรสาวของท่าน ซึ่งบัดนี้ถลาลงเคียงข้างท่าน และเข้าพบท่านอีกในไม่ช้า"


"โอ้รอซูลุลลอฮ์ ความอดทนของฉันและความเข้มแข็งของฉันพร่องลงแล้ว..เนื่องด้วยการจากไปของแก้วตาดวงใจของท่าน ..ทว่า...ยังมีความอดทนหลงเหลืออยู่แม้ต้องผ่านการสูญเสียท่านไปอย่างเจ็บช้ำ"


"ฉันเคยนำร่างของท่านลงสู่หลุมฝังศพ (ก่อนหน้านี้)ท่านสิ้นลมบริเวณระหว่างลำคอและอกของฉัน ..อินนาลิลลาฮิวะอินนาอิลัยฮิรอญิอูน.."


"ผู้ที่ท่านฝากฝังไว้กับฉันได้ถูกพรากไปจากฉันแล้ว ...ทว่า...ความระทมของฉันจะยังคงอยู่ชั่วนิรันดร์ ส่วนยามราตรีก็มิอาจข่มตาหลับลงได้ ตราบจนวันที่พระองค์จะลิขิตให้ฉันได้ก้าวสู่บ้านหลังเดียวกับที่ท่านพำนักอยู่"


"อีกไม่นาน บุตรสาวของท่านจะสาธยายให้ท่านทราบว่า กลุ่มชนของท่านขานรับเป็นเสียงเดียวกับเหล่าผู้ที่รังแกเธอ ขอท่านจงถามเธอในทุกเรื่องที่เกิดขึ้น"


"..และทั้งหมดก็เกิดขึ้น ทั้งที่วันเวลาของท่านเพิ่งจะผ่านพ้นไปไม่นาน และความทรงจำเกี่ยวกับท่านยังไม่จางหายไป"


"ขอความสันติจงประสบแด่ท่านทั้งสอง การสลามอำลาจากผู้ที่มิได้แค้นเคือง และมิได้อ่อนเปลี้ย"



...และท่านนิ่งเงียบชั่วครู่ ประหนึ่งว่าความเหนื่อยล้าทั้งชีวิตกำลังถาโถมเข้าใส่หัวใจท่านอย่างไม่ปราณี..

ประหนึ่งแต่ละถ้อยคำที่ผุดขึ้นจากเบื้องลึกของวิญญาณของท่านกำลังทิ่มแทงความรู้สึกให้เจ็บปวดแทบขาดใจ


ท่านยืนอยู่เดียวดาย...ต่อไปนี้จะเป็นอย่างไร จะกลับบ้านหรือ? .. แล้วจะทิ้งฟาฏิมะฮ์ให้อยู่ลำพังได้อย่างไร?

จะกลับบ้านตัวคนเดียวได้อย่างไร?...



มะดีนะฮ์ในยามนี้เปรียบเสมือนอสูรกายที่พรางตัวในความมืดยามราตรี ... ที่กำลังรอขย้ำท่านอิมามอลีด้วยเล่ห์กลและความไร้ยางอายอย่างใจจดใจจ่อ


ต่อไปนี้ ท่านจะวางตัวอย่างไร?..ลูกๆของท่านเล่า?..แล้วข้อเท็จจริงเล่า? อีกทั้งประชาชนที่จ้องมอง?



....ยามที่ต้องจากลาสุสานภรรยาสุดที่รัก ท่านกล่าวประหนึ่งอธิบายให้ภรรยาทราบถึงเหตุผลว่า "หากฉันต้องจากเธอไป มิไช่เพราะเหนื่อยล้าจากการอยู่เคียงข้างเธอ และหากฉันจะอยู่ที่นี่ต่อไป ก็มิไช่เพราะฉันมีอคติต่อมรรคผลที่พระองค์จะทรงตอบแทนผู้อดทน"





จากหนังสือ ฟาฏิมะฮ์คือ..ฟาฏิมะฮ์
ดร.อลี

แปลและเรียบเรียงโดย กัมบัร


source : alhassanain
0
0% (نفر 0)
 
نظر شما در مورد این مطلب ؟
 
امتیاز شما به این مطلب ؟
اشتراک گذاری در شبکه های اجتماعی:

latest article

...
การเป็นศาสดาคนสุดท้ายของโลก
ความโลภคือรากของความชั่วร้าย
...
...
ทำไมอิสลามห้ามดื่มสุรา
บทเรียนจากตัฟซีรเนะฮ์มูเนะฮ์ ...
อิมามฮะซัน อัสการีย์(อ) ...
อิมามอะลี ...
"ฝน"ในอัลกุรอาน

 
user comment