ท่านอะลี อักบัร เจ้าชายแห่งตระกูลฮาชิม เป็นบุตรชายวัย 18 ปี ของอิมามฮุเซน (อ.) ที่เกิดจากภรรยาคนหนึ่งของท่านชื่อลัยลา บินติ อะบูมุรรอ นางเป็นลูกพี่ลูกน้องกับยะซีด และเสียชีวิตไปก่อนเหตุการณ์กัรบะลา
ท่านอะลี อักบัร เป็นชายหนุ่มในตระกูลวงศ์แห่งอะฮ์ลุลบัยต์ที่มีใบหน้าละม้ายคล้ายกับท่านศาสดามุฮัมมัด(ศ.) มากที่สุด จนได้รับฉายานามว่า "อะห์มัด ษานี" หรือ มุฮัมมัดคนที่สอง
เหตุการณ์แห่งความกล้าหาญของท่านอะลี อักบัรในสมรภูมิกัรบะลาอ์
หลังจากท่านอับบาส ก็ถึงเวลาของอะลี อักบัร ที่จะออกสู่สนามรบ เสียงกลองรบจากฝ่ายศัตรูระรัวดังขึ้นเรื่อยๆ มีรายงานว่า เด็กหนุ่มวัย 18 ปีผู้นี้ เป็นที่รักยิ่งของทุกคนที่อยู่ในกระโจมค่ายพักแห่งนั้น จนเรื่องราวของเขาตอนอำลาจากกับน้า, อา, พี่สาวน้องสาว, พี่ชายน้องชาย และญาติมิตรคนอื่นๆ ออกสู่สนามรบ เป็นความเศร้าสะเทือนใจจนทำให้ไม่มีใครสามารถกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้
เมื่ออิมามฮุเซน(อ.) ส่งอะลี อักบัร ออกสู่สนามรบนั้น ท่านได้เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าแล้วกล่าวว่า
"โอ้พระผู้อภิบาล! ข้าพระองค์ขอส่งผู้ที่ละม้ายเหมือนกับท่านศาสดามุฮัมมัดมากที่สุดผู้นี้ไปในหนทางของพระองค์ เมื่อใดก็ตามที่เราปรารถนาจะได้เห็นใบหน้าของท่านศาสดาที่จากเราไปแล้ว เราจะมองที่ใบหน้าของเด็กหนุ่มคนนี้...
โอ้ พระผู้อภิบาล! ฮุเซนมีอะลี อักบัร คนเดียว และเขาจะถูกส่งออกไปเป็นการสละพลีต่อพระองค์ และหากข้าพระองค์จะมีคนอย่างเขาอีกมากเพียงใด ข้าพระองค์ก้ยังจะส่งพวกเขาออกไปในหนทางของพระองค์แบบนี้เช่นกัน"
นี่ไม่ใช่การพลีถวายที่น่ายอมรับต่ออัลลลอฮ์มากกว่าที่ศาสดาอิบรอฮีมพลีถวายโดยปิดตาไว้กระนั้นหรือ? สิ่งนี้คือการเชือดพลีที่ยิ่งใหญ่กว่าการเชือดพลีอิสมาอีลมิใช่หรือ?
เมื่ออะลี อักบัร ออกสู่สนามรบ เผชิญหน้ากับเหล่าศัตรูด้วยความกล้าหาญที่ได้รับสืบทอดมาจากปู่ของท่าน คืออิมามอะลี(อ.) มีรายงานว่ากองทัพของศัตรูตื่นตะลึงกับความเหมือนของเขากับท่านศาสดา(ศ.) จนบางคนที่เคยได้พบท่านศาสดา(ศ.) มาก่อนนึกว่าท่านศาสดา(ศ.) ได้ปรากฏตัวบนโลกนี้อีกครั้งเพื่อมาช่วยอิมามฮุเซน(อ.) หลานสุดที่รักของท่าน คนเหล่านั้นอยากจะเห็นใบหน้าอันงดงามของเด็กหนุ่มผู้นี้มากจนบางคนที่ยืนอยู่ข้างหลังต้องขึ้นไปยืนบนหลังม้าหรือหลังอูฐเพื่อจะได้มองเห็นบุตรชายของอิมามฮุเซน(อ.) ผู้ที่ไม่มีใครเหมือน
อะลี อักบัร ได้เตือนเหล่าศัตรูว่า บิดาของท่าน คืออิมามฮุเซน(อ.) ได้ใช้เวลาตลอดชีวิตของท่านอยู่ในหนทางแห่งอัล-อิสลาม และไม่เคยทำอันตรายใดต่อพวกเขา การหลั่งเลือดของท่านจะทำให้ท่านศาสดา(ศ.) เสียใจยิ่ง
อุมัร อิบนิ สะอัด บอกกับกองทหารของเขาว่าอย่าไปฟังอะลี อักบัร และสั่งให้พวกเขาเข้าโจมตีทันที
อะลี อักบัร ต่อสู้กับพวกเขาตัวต่อตัวด้วยความช่ำชอง และสังหารพวกเขาไปได้เป็นจำนวนมาก แม้ท่านจะได้รับบาดแผลหลายแห่งและเสียเลือดไปมากก็ตาม ในที่สุด เมื่อความอ่อนเพลียและความหิวกระหายเพิ่มมากขึ้นจนไม่อาจจะทานทนได้ ในชั่วขณะนั้น ท่านปรารถนาจะได้เห็นคนที่ท่านรักเป็นครั้งสุดท้าย
อะลี อักบัร หันม้ากลับไปทางกระโจมที่พัก ท่านได้พบบิดาวัย 57 ปี ของท่านยืนอยู่ที่ทางเข้ากระโจม เฝ้ามองการต่อสู้ระหว่างบุตรชายสุดที่รักผู้กระหายน้ำกับเหล่าศัตรู อิมามฮุเซน (อ.) แสดงความยินดีกับบุตรชายของท่านและกล่าวว่า "พ่อเสียใจที่พ่อไม่มีน้ำให้เจ้าเลย"
อะลี อักบัร ได้อำลากับทุกคนในครอบครัวของท่าน พวกเขาทั้งหมดร้องไห้น้ำตานองหน้า เพราะพวกเขารู้ว่าเมื่ออะลี อักบัร กลับออกไปสู่สนามรบคราวนี้ท่านจะไม่กลับมาในสภาพที่มีชีวิตอีกแล้ว
ไม่นานหลังจากนั้น อิมามฮุเซน(อ.) ก็ได้ยินเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดมาจากสนามรบ อะลี อักบัร ตกจากหลังม้าด้วยบาดแผลสาหัสที่หน้าอกของท่าน ท่านได้ร้องเรียกบิดาของท่านให้มาหาท่านโดยเร็ว อิมามฮุเซน(อ.) รีบมุ่งออกไปหาบุตรชายและพบว่าท่านนอนจมกองเลือดของตัวเองอยู่ ท่านประคองบุตรของท่านไว้ในอ้อมแขนแล้วกล่าวว่า
"พ่ออยู่นี่แล้วลูกรัก พูดกับพ่อสิ"
อะลี อักบัร เจ็บปวดมากด้วยบาดแผลฉกรรจ์ หอกหักอยู่ที่อกของท่าน เลือดไหลทะลักออกมาไม่หยุด และท่านเป็นชะฮีดจากไปในอ้อมแขนของบิดา อัลลอฮ์เท่านั้นที่รู้ว่าหัวใจของอิมามฮุเซน(อง) มีความอดทนมากเพียงใด ท่านไม่ยอมแพ้เหตุการณ์ร้ายแรงใดๆ แม้แต่การสูญเสียบุตรชายไปอย่างนี้
อิมามฮุเซน(อ.) ลุกขึ้นยืนมองบุตรชายเสียชีวิตไปต่อหน้า และแหงนมองท้องฟ้า พลางกล่าวว่า
"โอ้พระผู้อภิบาล มันจะเป็นการเพียงพอแล้วสำหรับฮุเซนของพระองค์ ถ้าหากพระองค์จะทรงยอมรับการเชือดพลีนี้ และถ้าหากพระองค์จะทรงพึงพอพระทัยกับการพลีถวายด้วยความนอบน้อมครั้งนี้"
อิมามฮุเซน(อ.) ประคองร่างของอะลี อักบัร ด้วยความระมัดระวัง ราวกับจะปกป้องท่านไม่ให้ได้รับความเจ็บปวดไปมากกว่านี้ ท่านร้องไห้ตลอดทางที่กลับสู่กระโจมที่พัก
ขอขอบคุณเว็บไซต์อะฮ์ลุลบัยต์อะคาเดมี
source : alhassanain