وَلَوْ شَاءَ اللَّهُ لَجَعَلَهُمْ أُمَّةً وَاحِدَةً وَلَٰكِنْ يُدْخِلُ مَنْ يَشَاءُ فِي رَحْمَتِهِ ۚ وَالظَّالِمُونَ مَا لَهُمْ مِنْ وَلِيٍّ وَلَا نَصِيرٍ
“และหากว่าอัลลอฮฺทรงประสงค์ แน่นอนจะทรงทำให้พวกเขาเป็นประชาชาติเดียวกัน แต่พระองค์จะทรงให้ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์เข้าสู่ความเมตตาของพระองค์ ส่วนบรรดาผู้อธรรมนั้น พวกเขาไม่มีผู้คุ้มครอง และไม่มีผู้ช่วยเหลือ”
อธิบายอายะห์ที่ 8 ซูเราะห์อัชชูรอ
ถ้าหากพระองค์ทรงประสงค์ที่จะบันดาลให้มนุษย์ทุกคนมีความศรัทธาต่อพระองค์และเป็นผู้กระทำความดีงาม พระองค์ก็บันดาลได้ แต่ถว่า มันจะไม่มีความหมายใดๆ เมื่อมนุษย์ถูกกำหนดให้เป็นเช่นนั้น มนุษย์เป็นสิ่งถูกสร้างที่ประเสริฐที่สุด มนุษย์มีอิคติยาร (อิสระในการเลือก) ด้วยกับอิสระอันนี้แหละที่พระองค์ประทานให้ ถ้าหากมนุษย์มีความศรัทธาและประพฤสิ่งดีงามจะทำให้มนุษย์สูงส่งกว่าสรรพสิ่งอื่นๆทั้งหมด และเขาจะได้รับความเมตตาของอัลลอฮ์ ความเมตตาที่เฉพาะสำหรับผู้ศรัทธา (ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์) ส่วนมนุษย์ผู้ปฏิเสธศรัทธาและก่อความอธรรมบนหน้าแผ่นดินนั้นพวกเขาต่ำต้อยและไร้ค่าในทัศนะของพระองค์ เพราะพวกเขาไม่ได้ยึดพระผู้สร้างสากลโลกมาเป็นผู้คุ้มครอง(วะลีย์) เขาด้วยเหตุนี้สำหรับเขานั้นในวันกิยามัตจะไม่มีผู้คุ้มครองและจะไม่ได้รับการช่วยเหลือใดๆทั้งสิ้น
9 أَمِ اتَّخَذُوا مِنْ دُونِهِ أَوْلِيَاءَ ۖ فَاللَّهُ هُوَ الْوَلِيُّ وَهُوَ يُحْيِي الْمَوْتَىٰ وَهُوَ عَلَىٰ كُلِّ شَيْءٍ قَدِيرٌ
“หรือว่าพวกเขาได้ยึดถือเอาผู้อื่นนอกจากพระองค์เป็นผู้ปกครอง แต่อัลลอฮฺคือผู้ปกครอง และพระองค์คือผู้ทรงให้ชีวิตแก่คนตาย และพระองค์คือผู้ทรงอานุภาพเหนือทุกสิ่งทุกอย่าง”
อธิบายอายะห์ที่ 9 ซูเราะห์ อัชชูรอ
อัลลอฮ์(ซบ.) เป็นวะลีย์ (ผู้ปกครอง ,ผู้คุ้มครอง) ที่แท้จริงและสมบูรณ์ที่สุดในอายะห์นี้พระองค์ได้พิสูจอำนาจความเป็นวะลีของพระองค์ไว้ว่า พระองค์สามารถทำให้ผู้ที่ตายไปแล้วฝื้นขึ้นมาใหม่ได้ พระองค์ทรงอนุภาพเหนือทุกสรรพสิ่ง แล้วเหตุใดเล่ามนุษย์ผู้โง่เขล่าจึงไปยึดวะลีผู้คุ้มครองที่จอมปลอมที่ไม่ได้มาจากพระองค์ เพราะอำนาจทั้งหมดเป็นของพระองค์แต่เพียงผู้เดียว
10 وَمَا اخْتَلَفْتُمْ فِيهِ مِنْ شَيْءٍ فَحُكْمُهُ إِلَى اللَّهِ ۚ ذَٰلِكُمُ اللَّهُ رَبِّي عَلَيْهِ تَوَكَّلْتُ وَإِلَيْهِ أُنِيبُ
“และสิ่งใดที่พวกเจ้าขัดแย้งกันในเรื่องราวต่างๆ ดังนั้นการชี้ขาดตัดสินย่อมกลับไปหาอัลลอฮฺเช่นนั่นแหละคืออัลลอฮฺพระผู้อภิบาลของฉัน แด่พระองค์เท่านั้นที่ฉันขอมอบหมายและยังพระองค์เท่านั้นที่ฉันจะกลับไปหา”
อธิบายอายะห์ ที่10 ซูเราะห์ อัชชูรอ
คุณลักษณหนึ่งของวิลายัต(อำนาจการปกครอง) คือ อำนาจ ในการขจัดปัญหาความขัดแย้งในหมู่ผู้ใต้ปกครอง และนี้คือตำแหน่งวะลีที่แท้งจริงและอำนาจนี้พระองค์ได้ทรงประทานให้แก่ท่านศาสดา(ศ) และลูกหลานอันบริสุทธิ์ของท่าน อำนาจในการปกครองอำนาจในการตัดสิน เมื่อมนุษย์มีการขัดแย้งกันในเรื่องต่างๆ เเละเมื่อเขานำกลับไปหา อัลลอฮ์ รอซูลและบรรดาอิมาม(อ) พวกเขาจะได้รับการชี้นำที่ถูกต้อง เพราะว่าในโลกนี้นั้นมีปัญหาความขัดแย้งอยู่มากมายและบางเรื่องเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนเป็นอย่างมาก มนุษย์โดยลำพังเขาไม่สามรถที่จะแก้ไขปัญหาต่างๆได้หมด จึงจำเป็นที่เขาจะต้องตะวักกัล(มอบหมาย)ไปยังพระองค์ และการตะวักกัลนั้น คือการที่มนุษย์จะต้องปฏิบัติตามคอลีฟะตุลลอฮ์อย่างแท้จริง จะทำให้ปัญหาความขัดแย้งต่างๆจะหมดไป เพราะเราเป็นกรรมสิทธิ์ของพระองค์และยังพระองค์เราจะกลับไป จงอย่าใช้ชีวิตที่ละเลยต่อคำสั่งของพระองค์
11 فَاطِرُ السَّمَاوَاتِ وَالْأَرْضِ ۚ جَعَلَ لَكُمْ مِنْ أَنْفُسِكُمْ أَزْوَاجًا وَمِنَ الْأَنْعَامِ أَزْوَاجًا ۖ يَذْرَؤُكُمْ فِيهِ ۚ لَيْسَ كَمِثْلِهِ شَيْءٌ ۖ وَهُوَ السَّمِيعُ الْبَصِيرُ
“พระองค์ผู้ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน พระองค์ทรงทำให้มีคู่ครองแก่พวกเจ้าจากตัวของพวกเจ้าเอง และจากปศุสัตว์ทรงให้มีคู่ตัวผู้ตัวเมีย ด้วยเหตุนี้พระองค์ทรงแพร่พันธุ์พวกเจ้าให้มากมาย ไม่มีสิ่งใดเสมอเหมือนพระองค์ และพระองค์เป็นผู้ทรงได้ยิน ผู้ทรงเห็นเสมอ”
อธิบายอายะห์ที่11 ซูเราะห์ อัชชูรอ
ในอายะห์นี้พระองค์ได้ทรงบอกถึงซีฟัต(คุณลักษณ์)ของพระองค์และการสร้างของพระองค์ พระผู้สร้างชัั่นฟ้าและเเผ่นดิน ไม่มีสิ่งใดเสมอเหมือนพระองค์ (ليس كمثله شيء)
อายะห์นี้ยังบ่งบอกให้มุนษย์ได้รับรู้ว่า จงอย่าเปรียบเทียบพระองค์กับสิ่งใดๆที่ถูกสร้าง พระองค์ไม่ใช่วัตถุ พระองค์ไม่มีรูปร่าง ไม่มีสถานที่ ไม่อยู่ในขอบเขตุของเวลา ไม่มีจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุด พระองค์ดำรงอยู่ด้วยตัวของพระองค์ และเป็นต้นกำเนิดของทุกๆสรรพสิ่ง การเปรียบเทียบพระองค์กับสิ่งถูกสร้างถือเป็นบาปที่ร้ายเเรง ไม่ว่าจะกล่าวว่า พระองค์มีอวัยวะ ต่างๆ หรือ พระองค์ ทรงมีบุตร ฯลฯ ทุกการเปรียบเทียบ คือการตั้งภาคีต่อพระองค์
ด้วยกับคำว่า ليس كمثله شيء (ไม่มีสิ่งใดเหมือนพระองค์) เป็นการปิดประตูความคิดและการจินตนาการของมนุษย์ในซาต(แก่นแท้)ของพระองค์
