จอมราชันย์แห่งโคราซาน จักรพรรดิแห่งอาหรับและอะญัม (ตอนจบ)
ชาวอิหร่านได้ผูกจิตใจกับบรรดาลูกหลานนบีอย่างลึกซึ้ง ดังนั้นเหตุผลอันหนึ่งที่ประชาชาติอิหร่านมีความเข้มแข็งจนถึงทุกวันนี้ เพราะความรักต่ออะฮฺลุลบัยต(ฺอ) แหละสิ่งนี้อันดับแรกก็เกิดมาจากการ เดินทางของท่านอิมามริฎอ(อ) และการเดินทางของท่านหญิงมะอฺศูมะฮฺ(อ) เป็นลำดับที่สอง และการเดินทางของลูกหลานชั้นล่างๆลงเรื่อยมา ที่ถูกฝั่งเรียงรายอยู่ในแผ่นดินอิหร่าน ซึ่งบรรดานักประวัติศาสตร์ได้ทำการบันทึกว่ามีเกือบสองพันหลุมศพของลูกหลานนบีที่อยู่ในอิหร่าน และประมานสองพันกว่าหลุมศพที่ฝังอยู่นั้นมีกะรอมัตเกือบทั้งหมด แน่นอนสิ่งเหล่านี้เกิดจากการเดินทางของท่านอิมามริฎอ(อ) เพื่อที่ จะรวมดวงใจของชาวอิหร่านทั้งหมด ชูภารกิจอันยิ่งใหญ่ก่อนการปรากฏของท่านอิมามมะฮฺดี(อ) นี่คือภารกิจหนึ่งของท่านอิมามริฎอ(อ)
ใครก็ตามที่เป็นชีอะฮฺแต่ปฏิเสธอิหร่าน ใครก็ตามที่เป็นชีอะฮฺแต่ไม่ยอมรับสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่าน คนเหล่านั้นได้ทรยศต่อภารกิจของท่านอิมามริฎอ(อ) ซึ่งรายละเอียดในเรื่องนี้มีอย่างสมบูรณ์ เพราะท่านอิมามริฎอ(อ) มาเพื่อภารกิจอันนี้! ดังนั้นไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ท่านจึงยอมรับสภาพต่างๆทั้งหมด
ในวันที่จดหมายเทียบเชิญของมะอฺมูน อัรรอชีด ไปถึงทีมะดีนะฮฺ ท่านอิมามริฎอ(อ) ก็ไปยังสุสานของท่านรอซูลุลลอฮฺ(ศ็อลฯ) เข้าไป ซิยารัตอำลา เหมือนกับที่ท่านอิมามฮูเซน(อ) ได้อำลาก่อนออกเดินทางไปสู่แผ่นดินกัรบาลาอฺ ท่านอิมามริฎอ(อ) ได้ร้องไห้ต่อหลุมฝังศพของท่านรอซูลุลลอฮฺ(ศ็อลฯ) แล้วก็เดินออกมาสักพักแล้วก็เดินกลับเข้าไป จากนั้นทำการซิยารัต ร้องไห้โอบกอดหลุมฝังศพของรอซูลุลลอฮฺ(ศ็อลฯ) เดินออกมาก็เดินกลับเข้าไป จนทำให้บรรดาสาวก ที่อยู่ใกล้ชิดกับท่านถามว่า โอ้ บุตรของรอซูลิลละฮฺ เกิดอะไรขึ้นหรือ ? ท่านกำลังทำอะไรหรือ ? ทำไมท่านเหมือนกับจะออกจากท่านนบีไม่ได้ ท่านอิมามริฎอ(อ) ได้กล่าวตอบว่า พวกเจ้าไม่รู้หรอกว่านี่คือการซิยารัตครั้งสุดท้าย ของฉัน หลังจากนี้ฉันไม่มีโอกาสที่จะกลับมาเยี่ยมกุโบร์ของท่านตาของฉันได้อีกต่อไป ท่านอิมาม(อ) รู้ล่วงหน้าอยู่แล้วว่านี่คือการเดินทางครั้งสุดท้าย การเดินทางมุ่งสู่โคราซานซึ่งจะไม่มีวันที่จะกลับมายังแผ่นดินของท่านตาอีกต่อไป
ดังนั้นเมื่อร่ำลากุโบร์ของรอซูลุลลอฮฺ(ศ็อลฯ) ท่านก็ไปยังหมู่บ้านของบนีฮาชิม เรียกเด็กๆและลูกหลานทั้งหมดมาอำลา ที่แปลกไปกว่านั้นท่านอิมามริฎอ(อ) เรียกทุกคนมาอำลาและบอกว่า พวกเจ้าทั้งหลายจงร้องไห้เถิด ฉันกำลังเดินทางไปสู่อีกแผ่นดินหนึ่ง บางคนก็ได้คัดค้าน ว่า ยับนา รอซูลิลละฮฺ ทำไมท่านสั่งให้ฉันร้องไห้ เราเคยได้ยินฮาดิษจากท่านรอซูลุลลอฮฺ(ศ็อลฯ) ที่ได้กล่าวว่า ถ้ามีการเดินทางอย่าร้องไห้ คือผู้ที่ไปส่งนั้นอย่าร้องไห้ในการไปส่งบุคคลผู้เดินทางเพราะมันอาจจะเป็นลางสังหรณ์ที่ไม่ดีและอาจทำให้โชคร้ายสำหรับคนที่จะเดินทาง ท่าน อิมามริฎอ(อ) ก็ให้คำตอบว่าแต่การเดินทางครั้งนี้นั้น พวกท่านทั้งหลายจงร้องไห้เถิดเพราะพวกท่านจะไม่ได้เห็นฉันอีกต่อไปหลังจากวันนี้
แต่ละคนก็ได้เข้ามาร่ำลาท่านอิมามริฎอ(อ) จากนั้นท่านได้ออกเดินทางโดยไม่มีเครือญาติคนใดติดตามท่าน และวันนั้นก็มาถึงเมื่อ มะอมูน อัรรอชีด ได้ยื่นถาดองุ่น ในเบื้องต้นท่านอิมามริฎอ(อ) ได้ปฏิเสธที่จะกินองุ่นนั้น แต่มะอฺมูน อัรรอชีด ก็ได้บอกว่าท่านจะต้องกินองุ่นนี้ หากมิฉะนั้นแล้ว เราก็จะทำการสับท่านให้เป็นชิ้นๆ ท่านก็ต้องเลือกว่าจะถูกสับเป็นชิ้นๆหรือว่าจะกินองุ่นนี้ อิมาม(อ) รู้ว่าในองุ่นนั้นมียาพิษ แต่เมื่อถึงเวลาตามที่อัลลอฮฺ(ซบ)กำหนดก็ต้องปฏิบัติไปตาม วิถีทางธรรมชาติ
ในริวายัตได้บอกว่าท่านอิมามริฎอ(อ) ได้กินองุ่นเพียงสามเม็ดเท่านั้น เพียงแค่องุ่นสามเม็ดที่ท่านกินไป แต่เป็นองุ่นสามเม็ดที่ไม่รู้ว่ายาพิษนั้นมันร้ายแรงขนาดไหน เราอาจจะเคยฟังท่านอิมามฮาซัน อัลมุจตาบา(อ)ได้ดื่มนมไปแก้วหนึ่งและพิษของนมแก้วนั้นได้ทำลายอวัยวะของท่านอิมามฮาซัน อัลมุจฺตาบา(อ) จนท่านบ้วนออกมาเป็นก้อนเนื้อชิ้นๆอยู่ในกระโถนที่ท่านหญิงซัยหนับ(อ) ได้แอบดู
องุ่นสามเม็ดนั้นที่ท่านอิมามริฎอ(อ) ได้กินเข้าไปนั้น นักบันทึก ฮะดิษได้กล่าวว่า เมื่อท่านอิมามริฎอ(อ) กลับมาถึงที่บ้าน ท่านได้ล้ม ตัวลงและตัวของท่านนั้นบิดไปบิดมาเหมือนกับงู
องุ่นแค่สามเม็ด แต่พิษของมันนั้นทำให้ท่านอิมาม(อ) ต้องบิดไปมาเหมือนกับงู บางริวายัตได้กล่าวว่า เนื้อของท่านนั้นแหลกเหลวเหมือนกับน้ำ และท่านก็ได้ร้องว่า “ยาญะวาดุล อะอิมมะฮฺ” โอ้ญะวาดของพ่อ เจ้าอยู่ที่ไหน และท่านอิมามญะวาดก็ได้ปรากฏตัวที่บ้านของท่านอิมามริฎอ (อ) ในโคราซาน เพื่อที่จะทำการรับร่างของบิดาของตัวเอง
ในริวายัตได้กล่าวว่า ก่อนที่ท่านอิมามริฎอ(อ) จะเสียชีวิตท่านได้อยู่ในอ้อมกอดลูกรักของท่านคือท่านอิมามญะวาด(อ) วิญญาณของท่านได้ออกจากร่างในขณะที่อยู่อ้อมกอดของลูกชายสุดที่รัก
ถึงแม้ว่าท่านอิมาม(อ) จะโดดเดี่ยวสักขนาดไหนก็ยังมีลูกมารับในวันท่านเสียชีวิต
แต่ที่กัรบาลาอฺ ยาอบาอับดิลละฮฺ วันที่ร่างของท่านอิมามฮูเซน(อ)ได้ล้มลง ณ แผ่นดินแห่งนั้น ไม่มีผู้ใดมารับร่างของท่าน ไม่มีการจัดพิธีศพใดๆให้กับอบาอับดิลละฮฺ ร่างของท่านได้ถูกฝั่งโดยปราศจากศีรษะ
ในริวายัตได้รายงานว่าร่างของท่านอิมามริฎอ(อ) นั้นถูกฝังอย่างสมเกียรติ แต่อบาอับดิลละฮฺ ผู้เป็นปู่ของท่านอิมามริฎอ(อ)นั้น ร่างอยู่ในดิน แต่ศีรษะถูกเสียบอยู่บนปลายหอก แห่แหนไปยังเมืองต่างๆ ศีรษะนั้นไม่ได้อยู่ที่ปลายหอกเพียงอย่างเดียว ยังต้องตกเป็นเป้าอิฐและก้อนหินต่างๆที่ขว้างปาจากทุกหัวเมือง แต่พี่น้อง แม้นว่าศีรษะ จะรับก้อนอิฐก้อนหินต่างๆ ไปทุกหัวเมือง แต่ร่างของท่านก็ไม่ได้แตกต่างกันมาก เมื่อท่านอิมาม ซัยนุลอาบีดีน ถึงเรือนร่างอันไร้วิญญาณของท่านอิมาม ฮูเซน(อ) จึงได้บอกกับชาวเผ่าที่อยู่ในบริเวณกัรบาลาอฺว่า ขอผ้าให้ฉันสักหนึ่งชิ้นได้ไหม ชาวเผ่าตรงนั้นถามว่า ท่านจะเอาผ้าทำอะไรหรือ ได้ยินมาว่าบรรดาว่าชะฮีดเขาไม่ต้องใช้ผ้ากะฝันในการฝัง ท่าน อิมาม ซัยนุลอาบีดีน(อ) บอกว่า ถ้าร่างนี้เราไม่ใส่ลงในผ้า ก็ไม่สามารถที่จะยกเขาได้ด้วยมือเปล่า เราต้องใส่ผ้าห่อถึงจะยกเขาได้ เพราะร่างนี้นั้นได้ถูกสับเป็นชิ้น
โดย ฮุจญตุลอิสลามวัลมุสลีมีน ซัยยิดสุไลมาน ฮูซัยนี
ขอขอบคุณเว็บไซต์ Syedsulaiman