กรณีศึกษาจากการสะแอในพิธีฮัจย์
ان الصفا و المروة من شعائر الله فمن حج البيت او اعتمر فلا جناح عليه ان يطوف بهما
แท้จริงภูเขาเศาะฟา และภูเขามัรวะฮ์นั้น เป็นส่วนหนึ่งจากสัญญลักษณ์ทั้งหลายของอัลลอฮ์ ดังนั้นผู้ใดประกอบพิธีอัจญ์หรืออุมเราะฮ์ ณ บัยตุลลอฮ์ก็ไม่มีบาปใด ๆ แก่เขาที่จะเดินวนเวียนไปมา ณ ภูเขาทั้งสองนั้น และผู้ใดประกอบความดีโดยสมัครใจแล้ว แน่นอนอัลลอฮ์นั้นคือผู้ทรงขอบใจ และผู้ทรงรอบรู้
การกระทำของกาฟิรมุชริกีนต่างจากมุอ์มินอย่างไร
คำถาม : ในสมัยญาฮิลียะฮ์(ยุคก่อนอิสลาม)บรรดากาฟิรมุชริกีนก็ประกอบพิธีกรรมสะแอระหว่างเขาศอฟาและมัรวะฮ์เหมือนกับมุสลิม แล้วจะมีความแตกต่างใดเล่าระหว่างการกระทำของมุสลิมและกาฟิร?
ตอบ : เหนียตหรือการตั้งเจตนาคือมาตรวัดคุณค่าของการกระทำ บรรดากาเฟรมุชริกีนประกอบพิธีสะแอก็เพื่อแสวงหาความจำเริญจากการแตะรูปปั้นที่ประดิษฐานอยู่รายรอบในยุคญาฮิลียะฮ์
แต่บรรดามุสลิมประกอบพิธีกรรมสะแอเพื่อแสวงหาความใกล้ชิดกับพระองค์อัลลอฮ์เท่านั้น
การกระทำหลายอย่างมีความคล้ายคลึงกัน แต่ในแง่ของเป้าหมายกลับแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ยกตัวอย่างเช่น การวิ่งของท่านนบียูสุฟและการวิ่งของซุไลคอ(ภรรยาคหบดีที่หลงรักท่านนบียูสุฟ)โดยผิวเผินก็คือการก้าวเท้าวิ่งซึ่งไม่แตกต่างกัน แต่ในแง่ของเจตนาและเป้าหมาย การวิ่งของสองคนนี้แตกต่างกันสิ้นเชิง
ท่านนบียูสุฟวิ่งหนีจากซุไลคอเพราะไม่ต้องการตกอยู่ภายใต้อารมณ์ไฝ่ต่ำที่ชักชวนสู่การทำบาป ส่วนซุไลคอวิ่งไล่ตามนบียูสุฟเพราะต้องการจะทำบาป(ผิดประเวณี)
จากตัฟซีรนู้ร ประพันธ์โดยเชคมุฮ์ซิน กิรออะตี
source : alhassanain