ไทยแลนด์
Saturday 23rd of November 2024
0
نفر 0

อัลกุรอานตามความเชื่อของชีอะฮ์

ชีอะฮ์มีความเชื่อว่า อัลกรุอาน มิได้ถูกดัดแปลงหรือตัดทอน และตัดตอน หรือถูกจับขึ้นมาเรียงใหม่ เพราะว่าเหตุผลหนึ่งในการยืนยันถึงสภาวะการเป็นนบีของท่านศาสดามุฮัมมัด คือ ความสมบูรณ์ของอัลกุรอาน ถ้าหากว่าอัลกุรอานถูกดัดแปลงแล้ว แ
อัลกุรอานตามความเชื่อของชีอะฮ์

ชีอะฮ์มีความเชื่อว่า อัลกรุอาน มิได้ถูกดัดแปลงหรือตัดทอน และตัดตอน  หรือถูกจับขึ้นมาเรียงใหม่ เพราะว่าเหตุผลหนึ่งในการยืนยันถึงสภาวะการเป็นนบีของท่านศาสดามุฮัมมัด คือ ความสมบูรณ์ของอัลกุรอาน ถ้าหากว่าอัลกุรอานถูกดัดแปลงแล้ว แน่นอนที่สุด เหตุผลดังกล่าวจะเกิดความคลุมเคลือในการพิสูจน์ถึงสภาวะการเป็นนะบูวะฮ์ของท่านนบีทั้งสิ้น เพราะฉนั้น อัลกุรอานฉบับปัจจุบัน จึงเป็น อัลกุรอานฉบับสมบูรณ์อย่างแท้จริง

มุฟตีวะฮาบีย์ ชาวซาอุดิอาระเบีย ที่ชื่อว่า เชคอับดุลลอฮ์ บิน ญิบรีน เขียนไว้ในหนังสือ อัลลุอ์ลุอุลมักกี มิน ฟะตาวา เชคญิบรีน ว่า

มีอยู่สี่เหตุผลหลักที่ทำให้ชีอะฮ์คือ คนปฏิเสธ (กาฟิร) และตัวของเขาเป็นนะยิส (หมายถึง สิ่งสกปรกที่ต้องห้ามในบทบัญญัติ)

ประการแรก ก็คือ ชีอะฮ์มีความเชื่อว่า อัลกรุอานมีการดัดแปลงหรือถูกดัดแปลง ไม่สมบูรณ์

ประการที่สอง ก็คือ ชีอะฮ์มิได้ปฏิบัติตามซุนนะฮ์ของนบีมุฮัมมัด เพราะว่า พวกเขาไม่ยอมรับในตำราศอเฮียะบุคอรีและมุสลิม

ประการที่สาม กล่าวคือ ชีอะฮ์ไม่ให้เกียรติต่อบรรดาศอฮาบะฮ์ผู้ทรงเกียรติทั้งหลาย อีกทั้งยังกล่าวสาปแช่งพวกเขาเหล่านั้นอีก

ประการสุดท้าย กล่าวคือ ชีอะฮ์ยกสถานะภาพของอะฮ์ลุลบัยต์เกินความเป็นจริงหรือเรียกทางภาษาว่า ฆุลูอ์


คำตอบ : กล่าวคือ

ชีอะฮ์มีความเชื่อเกี่ยวกับอัลกุรอานว่า มิได้ถูกดัดแปลงหรือแต่งเติมแต่อย่างใด เพราะชีอะฮ์มีความเชื่อว่า อัลกุรอานถูกรวบรวมในสมัยของท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลฯ กล่าวคือ ตั้งแต่ตัวอักษร บาอ์ ในบิสมิลลาฮ์ จนกระทั่ง อักษรซีนในซูเราะฮ์อัลนาซ และไม่มีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเลย ทั้งหมดนั้น ถูกรวบรวมโดยศอฮาบะฮ์ของท่านนบีในสมัยของท่าน

ส่วนประเด็นที่กล่าวหาว่า อัลกุรอานของชีอะฮ์มีการดัดแปลงหรือต่อเติมนั้น มิได้เป็นจริง ยกตัวอย่างเช่น คำกล่าวหาที่ว่า มีซูเราะฮ์หนึ่งที่ชื่อว่า ซูเราะฮ์อัลวิลายะฮ์ หรือ ในซูเราะฮ์อัลมาอิดะฮ์ ที่กล่าวว่า

ياايها الرسول بلغ ماانزل اليك من ربك (في علي) فان لم تفعله فما بلغت رسالته والله يعصمك من الناس

หรือประเด็นที่กล่าวหาว่า ชีอะฮ์มีอัลกุรอานที่นอกเหนือจากอัลกุรอานฉบับนี้ ซึ่งขณะนี้อยู่กับอิมามมะฮ์ดี ที่พวกเขาเรียกว่า มุศฮับอะลีหรืออัลกุรอานอะลี จะอธิบายรายละเอียดในตอนต่อไป

ชีอะฮ์ถูกกล่าวหาว่า มิได้ปฏิบัติตามจริยวัตร หรือ ซุนนะฮ์ของท่านนบี เพราะว่าพวกเขาไม่ยอมรับในตำราฮะดีษที่สำคัญของอิสลาม อย่าง ศอเฮียะบุคอรีและมุสลิม

จะกล่าวได้ว่า ผู้เขียนหรือนักประพันธ์ตำราฮะดีษบุคอรี เป็นผู้ที่ไม่ความยุติธรรมอยู่ เพราะว่า เขาไม่ยอมรับว่า ท่านอะลี อิบนุ อะบี ฏอลิบ คือ เคาะลีฟะฮ์ท่านที่สี่ ในขณะที่พี่น้องอะฮ์ลิสซุนนะฮ์ วัลญะมาอะฮ์ ต่างเห็นพร้องต้องกันว่า ท่านอะลี คือ เคาะลีฟะฮ์คนที่สี่ หลังจากอุสมาน บิน อัฟฟาน แล้วชีอะฮ์จะยอมรับในสายรายงานฮะดีษของบุคอรีได้อย่างไรกันเล่า? ในขณะเดียวกัน เขากับยอมรับว่า มุอาวียะฮ์ บิน อะบีซุฟยาน คือ เคาะลีฟะฮ์คนที่สี่หลังจากการเสียชวิตของอุสมาน หากว่าเราได้ศึกษาประวัติศาสตร์ จะเห็นได้อย่างชัดว่า สมัยของมุอาวียะฮ์ มีการแต่งฮะดีษของท่านนบีมุฮัมมัดขึ้นมาใหม่ หลังจากที่สมัยของบรรดาเคาะลีฟะฮ์ก่อนหน้าเขา กล่าวคือ อะบูบักร อุมัร ได้ห้ามการรายงานฮะดีษของท่านนบี จนกระทั่งมาถึงยุคสมัยของอุสมาน เขาได้ทำการเก็บรวบรวมฮะดีษมาและเอาฮะดีษทั้งหมดที่ถูกบันทีกจากท่านนบีไปเผาไฟทั้งหมด และเช่นกัน เขาก็เรียกหาอัลกุรอานจากบรรดาศอฮาบะฮ์ทุกคน ที่พวกเขาเหล่านั้นจดบันทึกอัลกุรอานจากท่านนบี ขณะที่ต่างคนต่างคิดกันว่า อุสมานจะเอาอัลกุรอานนั้นไปทำอะไร แต่สิ่งที่เขาทำ เป็นสิ่งที่พวกเขาเหล่านั้นคิดกันไม่ถึงก็คือ ผู้ที่เรียกตนเองว่า เป็นเคาะลีฟะฮ์แห่งอิสลาม จะกระทำการเยี่ยงนี้ นั่นคือ อุสมานเขาได้ทำการเผาอัลกุรอานที่บรรดาศอฮาบะฮ์ได้นำมา และนำเอาอัลกุรอานที่ไม่มีการบันทึกถ้อยคำหรือวจนะของท่านนบี หรือ ที่รู้จักกันดีว่า การอรรถธิบายอัลกุรอานเลย คงเหลืออัลกุรอานที่มีเพียงตัวบทอย่างเดียว

อัลกุรอานของอะลี เป็นอย่างไร? อัลกุรอานของอะลี คือ อัลกุรอานที่ท่านอะมีรุลมุมินีน อะลีได้ทำการจดบันทึกรายละเอียด ที่มาที่ไป เหตุผลการประทานของโองการอัลกุรอาน ทุกๆโองการ จากวจนะของท่านนบี เมื่อครั้งที่ท่านได้กล่าวอรรถาธิบายให้กับบรรดาศอฮาบะฮ์ของท่าน

ดังนั้น ขณะที่บุคอรีเขาไม่ยอมรับท่านอะลีเป็นเคาะลีฟะฮ์ของประชาชาติอิสลามแล้วไซร้ จะให้เราชีอะฮ์ยอมรับการรายงานของบุคอรีได้อย่างไรกันเล่า ขณะที่การเป็นเคาะลีฟะฮ์คนที่สี่ของท่านอะลีนั้น เป็นที่ยอมรับของพี่น้องอะฮ์ลิสซุนนะฮวัลญะมาอะฮ์ แต่ทำไมบุคอรีเขาจึงไม่ยอมรับท่านอะลี เป็นเคาะลีฟะฮ ดังนั้นเขาจึงเป็นคนที่ไม่มีความยุติธรรม ซึ่งการสายงานฮะดีษจะเป็นที่เชื่อถือได้ ผู้รายงานฮะดีษจะต้องเป็นผู้ที่มีความยุติธรรม

ด้วยเหตุนี้ ชีอะฮ์จึงไม่ยอมรับบุคลิกภาพของบุคอรีและตำราของเขาด้วยเช่นเดียวกัน

ข้อกล่าวหาที่ว่า ชีอะฮ์ ไม่ได้ให้เกียรติต่อบรรดาศอฮาบะฮ์

คำตอบก็คือ ชีอะฮ์ ให้เกียรติต่อบรรดาศอฮาบะฮ์ เฉพาะผู้ทรงเกียรติเท่านั้น อาทิเช่น ท่านซัลมาน อัลฟารซีย์ ท่านอะบูซัร ท่านอัมมาร บิน ยาซิร และบุคคลอื่นๆอีกมากมายที่พวกเขาควรค่าต่อการยกย่องเทิดทูน มิใช่บรรดาศอฮาบะฮ์ทุกคน  หรือแม้แต่โองการอัลกรุอาน ยังกล่าวตำหนิพวกเขา ซึ่งมีบทหนึ่ง คือ บทอัลมุนาฟิกูน กล่าวถึง การกระทำที่ไม่ดีของบรรดาศอฮาบะฮ์กลุ่มหนึ่ง พระองค์ทรงทำการตำหนิพวกเขา หากว่าเอาอัลกุรอานมาเป็นสักขีพยาน จะเห็นได้ว่ามี โองการอัลกุรอานอีกมากมาย หลายโองการที่พระองค์อัลลอฮ์ทรงสาปแช่งต่อบรรดาศอฮาบะฮ์ที่ไม่ดี และพวกเขาฝ่าฝืนคำบัญชาของพระองค์

อีกข้อกล่าวหาหนึ่งก็คือ พวกเขา หมายถึง วะฮาบีย์ บอกว่า ชีอะฮ์ มีความเชื่อว่า อะฮ์ลิสซุนนะฮ์ เป็นกาฟิร และนะญิส เพราะว่า เวลาที่พี่น้องซุนนีประกอบพิธีฮัจญ์ไม่ได้ทำฏอวาฟนิซาอ์ และตามความเชื่อของชีอะฮ์ว่าใครก็ตามที่ไปประกอบพิธีฮัจญ์และไม่ได้ทำฏอวาฟนิซาอ์ ภรรยาของเขาเป็นฮะรอมสำหรับเขาและหากว่าภรรยาเขาท้อง เด็กที่ถือกำเนิดออกมาเป็นลูกซินา

คำตอบของคำกล่าวหานี้ ก็คือ นี่เป็นความเชื่อของชีอะฮ์ในหลักการปฏิบัติศาสนกิจ ภาคอิบาดะฮ์ของพวกเขา แล้วพี่น้องซุนนีเกี่ยวข้องอะไรกับความเชื่อนี้ด้วย เพราะตามความเชื่อของชีอะฮ์ กล่าวได้ว่า ไม่ว่า บุคคลใด จะเป็นสุภาพบุรุษ หรือ สตรี เมื่อเขามีความเชื่อและปฏิบัติตามความเชื่อของเขาดั่งที่ศาสนาของเขาได้สั่งสอน แน่นอนที่สุด การกระทำของเขาถือว่า ถูกต้อง และเช่นกัน สตรีมีความเชื่อในศาสนาของตน เมื่อนางได้คลอดบุตรออกมา ก็ถือว่า บุตรของนางมิใช่ลูกซินา เพราะว่านางได้ปฏิบัติพิธีการแต่งงานตามศาสนาของนางที่นางมีความเชื่อเช่นนั้น

และอีกข้อกล่าวหาที่ว่า ชีอะฮ์ ได้ยกฐานะของบรรดาอะฮ์ลุลบัยต์ เกินความเป็นจริง จนกระทั่งยกพวกเป็นพระหรือเทียบเท่าพระเจ้า เรียกกันทางภาษาว่า ฆุลูว์

ก่อนอื่น เรามาอธิบายความหมายของฆุลูว์กันก่อน

การยกย่องฐานะภาพของนบีอีซาหรือพระเยซู เป็นการฆุลูว์ ใช่หรือไม่ ?เพราะว่า ท่านได้ชุบชีวิตคนตายให้มีชีวิตอีกครั้ง และท่านได้รักษาคนป่วยจากโรคร้ายให้หาย และท่านมีความรู้ในสิ่งที่เร้นลับ เป็นการกระทำที่เรียกว่า เขานั้น คือพระผู้เป็นเจ้าใช่หรือไม่?

ดังนั้น การกระทำที่เหนือธรรมชาติ ที่เราเรียกกันว่า มุอฺญิซาต (ปาฏิหารย์) มิใช่เป็นการกระทำที่แอบอ้างตนว่าเป็นพระเจ้า แต่การกระทำดังกล่าว เป็นการกระทำที่ได้รับอนุมัติจากพระผู้เป็นเจ้า ดังนั้น การกระทำใดก็ตามที่เป็นการกระทำที่ได้รับอนุมัติพระเจ้า การกระทำนั้นมิใช่เขาผู้กระทำคือ พระเจ้า และในเรื่องความเชื่อของชีอะฮ์ที่ยกย่องเกียรติยศของบรรดาอะฮ์ลุลบัยต์ เพราะว่า พวกเขาเหล่านั้น คือ ผู้สืบทอดเจตนารมณ์ต่อจากท่านนบีมุฮัมมัด และเป็นตัวแทนแห่งพระผู้เป็นเจ้าที่มีกรรมสิทธิ์กระทำการใดก็ตาม แต่ด้วยกับการอนุมัติของพระองค์เท่านั้น


source : alhassanain
0
0% (نفر 0)
 
نظر شما در مورد این مطلب ؟
 
امتیاز شما به این مطلب ؟
اشتراک گذاری در شبکه های اجتماعی:

latest article

ผู้ป่วยแห่งกัรบาลาอฺ (ตอนที่2)
อิมามริฎอ คือ ผู้ค้ำประกันกวาง
ทำไมต้องนมาซ?!
วจนะอิมามมะฮ์ดี
วันประสูติอิมามฮุเซน
ฮิญาบในอิสลาม
เรื่องเล่าในกุรอาน ตอนที่ 1
...
...
ชีวประวัติของท่านหญิงฟาติมะฮ์ ...

 
user comment