อรรถาธิบายอัลกุรอาน ซูเราะฮ์อัล-ฟาติฮะฮ์ ตอนที่สอง
อายะฮฺที่ ๒
اَلحَمدُلِلّهِ رَبِّ العَالَمِين
ความหมาย การขอบคุณและการสรรเสริญทั้งมวลเป็นเอกสิทธิ์ของอัลลอฮฺ พระผู้อภิบาลแห่งสากลโลกเว็บไซต์ อิมาม อัลฮะซะนัยน์ (อลัยฮิมัสลาม)เพื่อคุณค่าและสารธรรมอิสลาม
คำอธิบาย
อัลลอฮฺ (ซบ. )คือพระผู้อภิบาลสรรพสิ่งทั้งหลายที่อยู่ในฟากฟ้าแผ่นดิน และในระหว่างทั้งสอง
อัล-กุรอานกล่าวว่า
رَبُّ السَّمَاوَاتِ وَالأرضِ وَمَابَينَهُمَا (๑)
และพระองค์คือ هُوَ رَبُّ كلِّ شَيءٍ ( ๒)
ชึ่งท่านอิมามอะลี (อ.) ได้อธิบายอายะฮฺนี้ว่า "พระองค์คือพระผู้อภิบาลสรรพสิ่งทั้งหลายทั้งสิ่งที่มีซิวตและไม่มีชีวิต"
ในบางครั้งคำว่า عَالَمِين หมายถึงมวลมนุษยชาติแต่ทว่าคำนี้ส่วนใหญ่ใช้ในความหมายว่า "สรรพสิ่งทั้งมวล"
อายะฮฺนี้ชี้ให้เห็นว่าพระผู้อภิบาลและบริหารทุกสรรพสิ่งนั้นคืออัลลอฮฺ (ซบ.)มิใช่เทพเจ้าตามความเชื่อผิดๆ ของบางกลุ่มชนและบางประชาชาติที่ว่าทุกสิ่งและทุกปรากฏการณ์นั้นมีเทพเจ้าองค์หนึ่งคอยดูแลบริหารอยู่
นอกจากซูเราะฮฺอัล-ฟาติฮะฮ์แล้ว อายะฮฺ اَلحَمدُلِلّه ยังปรากฏอยู่ในต้นซูเราะฮฺอัล-อันอาม, อัล-กะฮฺฟิ,อัช-ซะบาอ.และอัล -ฟาฎิรฺด้วยอีก เช่นเดียวกัน แต่มีข้อแตกต่างกันตรงที่ว่าในซูเราะฮ์อัล-ฟาติฮะฮ์
رَبِّ العَالَمِين
ได้ถูกกล่าวไว้หลังจากอายะฮฺข้างต้น
อนึ่ง การอภิบาลของอัลลอฮฺ (ซบ.) ก็คือวิถีทางในการชี้นำของพระองค์นั่นเอง กล่าวคือ หลังจากการสร้างสรรค์สรรพสิ่งต่าง ๆพระองค์ได้ทรงตระเตรียมเส้นทางของการอภิบาลและการพัฒนาไปสู่ความสมบูรณ์ให้กับสรรพสิ่ง
เหล่านั้น ดังที่อัล-กุรอานได้กล่าวถึงเรื่องนี้ไว้ว่า
رَبُّنَا الَّذى اعطَى كُلَّ شَىءٍ خَلقَهُ ثُمّ هَدَى(๓)
ความว่า "พระผู้อภิบาลของเราคือผู้ทรงให้กำเนิดแก่ทุกสรรพสิ่ง หลังจากนั้นทรงชี้นำเส้นทางแห่งความสมบูรณ์"
พระองค์ทรงสอนให้ผึ้งรู้ว่าจะต้องดูดน้ำหวานจากพืชชนิดใด ทรงสอนมดให้รู้ถึงวิธีเก็บสะสมอาหารกองตุนไว้กินในฤดูหนาว และทรงสร้างร่างกายมนุษย์ในลักษณะที่ว่าเมื่อใดก็ตามที่เลือดไม่เพียงพอร่างกายจะสร้างเลือดใหม่ขึ้นมาทดแทน พระผู้เป็นเจ้าที่มีคุณลักษญะดังกล่าวนี้ย่อมเป็นผู้ที่คู่ควรต่อการสรรเสริญและขอบคุณเป็นอย่างยิ่ง
"ฮัมด." เป็นคุณลักษณะเฉพาะประการหนึ่งของมนุษย์ที่ผสมผสานกันระหว่างการสรรเสริญ และการขอบคุณ กล่าวคือโดยธรรมชาติแล้วมนุษย์จะทำการสรรเสริญเยินยอความสวยงามและความสมบูรณ์ (แม้ว่าสิ่งนั้นจะไม่ให้ประโยชน์ใด ๆ กับเขาก็ตาม) และในขณะเดียวกันมนุษย์จะขอบคุณต่อความโปรดปรานและความเอื้ออารีที่เขาได้รับดังนั้นอัลลอฮฺ (ซบ.) จึงเป็นผู้ที่คู่ควรที่สุดต่อการสรรเสริญเนื่องจากความงดงามและความสมบูรณ์ของพระองค์และเป็นผู้ที่คู่ควรต่อการขอบคุณเนื่องจากความโปรดปรานและความเอื้ออารีของพระองค์
อนึ่ง การขอบคุณและการสรรเสริญอัลสอฮฺ (ซบ. ) นั้นไม้มีข้อขัดแย้งแต่ประการใดกับการขอบคุณเพื่อนมนุษย์ ทั้งนี้ด้วยเงื่อนไขที่ว่าการขอบคุณดังกล่าวจะต้องเป็นไปตามคำบัญชาของอัลลอฮฺ (ซบ.)และอยู่ในวิถีทางของพระองค์
اَلحَمدُلِلّهِ คือปฎิกริยาหนึ่งที่เกิดมาจากภายในจิตวิญญาณของผู้ศรัทธาต่ออัลลอฮฺ (ซบ.) และถือเป็นวิธีการขอบคุญอัลลอฮฺ (ซบ.)ที่ดีที่สุดบุคคลใดก็ตามที่ทำการสรรเสริญทุก ๆ ความสมบูรณ์และความสวยงามไม่ว่าเขาจะอยู่ที่ใดและด้วยภาษาใดก็ตามแท้ที่จริงแล้วเขากำลังสรรเสริญผู้เป็นต้นกำเนิดของสิ่งเหล่านั้นอยู่
บทเรียนและประเด็นสำคัญจากอายะฮ์
๑.رَبِّ العَالَمِين
หมายถึง ความสัมพันธ์ระหว่างอัลลอฮฺ (ซบ.)กับสรรพสิ่งทั้งหลายนั้น เป็นความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดและถาวร
๒.رَبِّ العَالَمِين หมายถึง ทุกสรรพสิ่งอยู่ภายใต้การอภิบาลของอัลลอฮฺ (ซบ.) ผู้ทรงเอกะ
๓.رَبِّ العَالَمِين หมายถึง การพัฒนาไปสู่ความสมบูรณ์ และการอภิบาลนั้นมีความเป็นไปได้อยู่ในทุกสรรพสิ่ง
๔. อายะฮฺ اَلحَمدُلِلّهِ رَبِّ العَالَمٍِين ชี้ให้เห็นว่า พระผู้อภิบาลสรรพสิ่งต่าง ๆ นั้นคืออัลลอฮฺ (ซบ.) มิใช่เทพเจ้า
เทวดา ผีสางนางไม้ หรือนักบวช นักพรต
๕.คำว่า رَبِّ ชี้ให้เห็นว่าา อัลลอฮฺ (ซบ.) เป็นทั้งเจ้าของผู้มีอำนาจสิทธิขาดและเป็นทั้งผู้จัดการบริหารกิจการทั้งหมดของสิ่งที่อยู่ใต้กรรมสิทธิ์ของพระองค์ทั้งนี้เนื่องจากคำว่า رَبِّ นั้นหมายรวมถึงการเป็นเจ้าของและผู้บริหารกิจการด้วยเช่นกัน ดังที่อัล กุรอาน กล่าวว่า
لَهُ الخَلقُ وَالأمرُ تَبَارَكَ الَّلهُ رَبُّ العَالَمِين(๔)
ความว่า "การสร้างและการบริหารกิจการของโลกแห่งสรรพสิ่งถูกสร้างนั้นอยู่ในอำนาจสิทธิขาดของพระองค์แต่เพียงผู้เดียวอัลลอฮฺพระผู้อภิบาลแห่งสากลโลกนั้นทรงจำเริญยิ่ง"
๖. พระองค์คือพระผู้อภิบาลสรรพสิ่งทั้งมวล กล่าวคือพระองค์ทรงอภิบาลมนุษย์ด้วยกับการชี้นำและการอบรมสั่งสอนของบรรดาศาสนทูตซึ่งเรียกการอภิบาลประเภทนี้ว่า "การอภิบาลด้วยการกำหนดกฎเกณฑ์และข้อบัญญัติ "ส่วนสัตว์พืชและสิ่งไม่มีชีวิตทั้งหลายนั้นพระองค์ทรงอภิบาลด้วยการนำสิ่งเหล่านั้นไปสู่ขั้นตอนต่าง ๆ ของความสมบูรณ์ซึ่งเรียกการอภิบาลประเภทนี้ว่า "การอภิบาลด้วยกฎเกณฑ์ธรรมชาติของการสร้างสรรค์" เช่นเมล็ดพืชเจริญเติบโตด้วยไปตามกฎเกณฑ์ธรรมชาติที่อัลลอฮฺ (ซบ.)ทรงกำหนดไว้จนกระทั่งให้ดอกผล
๗. اَلحَمدُلِلَّهِ คือการเริ่มต้นของการขอพร (ดุอาอฺ) ในทุกรูปแบบ ดังที่ปรากฏในหะดีษบทหนึ่งว่า "การขอพรจะบกพร่อง ไม่สมบูรณ์ หากพวกท่านไม่เริ่มต้นด้วยการสรรเสริญอัลลอฮฺ (ซบ.). (๕ )
๘.اَلحَمدُلِلّهِ เป็นทั้งถ้อยคำของมวลผู้ศรัทธาที่พวกเขาจะกล่าวในบทเริ่มต้นคัมภีร์อัล-กุรอาน และการวิงวอนขอพรจากอัลลอฮฺ (ซบ.) ผู้ทรงสูงส่งอีกทั้งยังเป็นถ้อยคำของชาวสวรรค์ ซึ่งพวกเขาจะกล่าวในบั้นปลายของกิจการงานดังที่อัล-กุรอานกล่าวว่า
وَآخِرُ دَعواهُم اَنِ الحَمدُلّلّهِ رَبِّ العَالَمِينَ
ความว่า "ถ้อยคำสุดท้ายของพวกเขาคือการสรรเสริญ และการขอบคุณเป็นเอกสิทธิ์ของอัลลอฺ. พระผู้อภิบาลแห่งกากลโลก.(๖)
๙. ตามรายงานหะดีษคำว่า اَلحَمدُلِلّهِ رَبِّ العَالَمِين ถือเป็นการขอบคุญอัลลอฮฺ (ซบ.) ที่ดีที่สุด
อ้างอิง
๑. ซูเราะฮฺอัล-อะอฺรอฟ ๕๔
๒. ซูเราะฮฺ-อันอาม ๖๔
๓. ซูเราะฮฺฎอ ๕๐
๔.ซูเราะฮฺอัลอะอฺรอฟ ๕๔
๕.ตัฟสีรฺอะฏีบุล-บะยาน
๖.ซูเราะฮฺยูนุส ๑๐
ขอขอบคุณเว็บไซต์อิสลามิคซอรส์
source : alhassanain