بسم الله الرحمن الرحيم
الحمد لله الذى هدانا لهذا و ما كنا لنهتدى لولا ان هدانا لولا ان هدانا الله ثم الصلاة والسلام
علی حبیبنا وشفیعنا ومولانا و سيدنا محمد و علی آله الطيبين الطاهرین المعصومین والمظلومین
و لعنة الله على أعدائهم أجمعين من الآن إلى قيام يوم الدين
قُل لّا أَسْأَلُكُمْ عَلَيْهِ أَجْرًا إِلاَّ الْمَوَدَّةَ فِي الْقُرْبَى
ความหมายว่า “จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด (ซล.) ฉันมิได้ขอรางวัลและค่าตอบแทนใด ๆ เพื่อการนี้ เว้นแต่เพื่อความรักใคร่ในเครือญาติของฉัน” (ซูเราะห์อัชชูรอ โองการที่ 23)
มวลการสรรเสริญทั้งมวลแด่องค์อัลลอฮ์ (ซบ.) ก่อนอื่นใดขอสดุดีและสำนึกในโอกาสที่เอกองค์อัลลอฮ์ (ซบ.) ทรงประทานให้ชีวิตของพวกเราทุกคนได้ยืนยาวจนมาถึงเดือน ‘มุฮัรรอม’ อันศักดิ์สิทธิ์ และยิ่งใหญ่นี้ อันเป็นเดือนแห่งวีรกรรม เดือนแห่งการพลี เดือนแห่งการรำลึกอัน ยิ่งใหญ่เหนือกว่าการรำลึกใดๆ ที่เคยมีมา ซึ่งบรรดาสิ่งถูกสร้าง (มัคลูค) ทุกสรรพสิ่งของอัลลอฮ์ (ซบ.) จะต้องรำลึกถึง
เดือนที่เป็นบทเรียนแห่งบรรดา ‘อัมบิยาอ์’ (ศาสนทูต) เดือนที่เป็นบทเรียนของบรรดา ‘เอาศิยาอ์’ (บรรดาทายาทศาสดา) เดือนที่เป็นบทเรียนของบรรดา ‘เอาลียาอ์’ (บรรดาวลี) ของอัลลอฮ์ (ซบ.) เดือนที่เป็นมาตรวัดความสำเร็จของบุคลากรของพระองค์
คืนนี้เป็นค่ำคืนแรกที่เดือนมุฮัรรอมอันเป็นเดือนแรกแห่งปีใหม่ของศักราชอิสลามได้มาถึง หากแต่เป็นปีใหม่ที่เริ่มด้วยการไว้ทุกข์ ไว้อาลัย เริ่มต้นปีใหม่ด้วยน้ำตาและเสียงร่ำไห้
ดังนั้นแน่นอนว่า ย่อมมีรายละเอียด เนื้อหา และข้อปฏิบัติมากมายที่ทุกคนจักต้องให้ความสนใจและเคร่งครัดในสิ่งต่างๆ เหล่านี้
“ความรัก” ต่ออะฮ์ลุลบัต์ แก่นแท้ของอิสลาม
อะฮ์ลุลบัยต์ (อ.) เป็นปฐมเหตุของสรรพสิ่งต่างๆ ถ้าไม่มีอะฮ์ลุลบัยต์ (อ.) แน่แท้อัลลอฮ์ (ซบ.) จะไม่ทรงสร้างสิ่งใดๆ ขึ้นมา
ทว่า เพราะมีอะฮ์ลุลบัยต์ (อ) และบุคคลเหล่านี้ต้องปรากฏตัวบนโลก ทุกสิ่งทุกอย่างจึงถูกสร้างขึ้นมา เพื่อรองรับมัคลูกที่ยิ่งใหญ่ สูงส่ง และใกล้ชิดยังอัลลอฮ์ (ซบ.) มากที่สุด เหนือกว่ามัคลูกใดๆ และด้วยความสูงส่งของพวกเขา ไม่มีบุคคลใดที่จะเข้าสู่การรู้จักและใกล้ชิดถึง ‘แก่นแท้’ (ฮากีกัต) ของพวกเขาได้ เว้นแต่ด้วย ‘ความรัก’…
‘ความรัก’ เพียงเท่านั้น ที่มนุษย์จะรู้จัก อะฮ์ลุลบัยต์ (อ.) ได้อย่างสมบูรณ์ !!
ไม่ใช่ ‘ชะรีอัต’ ไม่ใช่วิชาการอื่นใดๆ
หากปราศจากความรักที่แท้จริง และเข้มข้นแล้ว ไม่มีผู้ใดสามารถรู้จักบรรดาอะฮ์ลุลบัยต์ (อ.) ไม่มีผู้ใดสามารถรู้จักบรรดามัคลูกที่สูงส่งของอัลลอฮ์ (ซบ.) นี้ได้
ด้วยเหตุผลนี้ อัลลอฮ์ (ซบ.) จึงได้บัญญัติโองการมายังท่านศาสดามุฮัมมัด (ซล.) ว่า
قُل لّا أَسْأَلُكُمْ عَلَيْهِ أَجْرًا إِلاَّ الْمَوَدَّةَ فِي الْقُرْبَى
ความหมายว่า “จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด (ซล.) ฉันมิได้ขอรางวัลและค่าตอบแทนใด ๆ เพื่อการนี้ เว้นแต่เพื่อความรักใคร่ในเครือญาติของฉัน” (ซูเราะห์อัชชูรอ โองการที่ 23)
กล่าวคือ ไม่มีสิ่งใดที่จะสามารถตอบแทนศาสนานี้ได้ ไม่มีสิ่งใดที่จะตอบแทนความเสียสละ ความเจ็บปวด ความเหน็ดเหนื่อยของท่านศาสดามุฮัมมัด (ซล.)
…ไม่มีสิ่งใดจะตอบแทนได้…เว้นแต่…ด้วย ‘ความรัก’ เท่านั้น !!
หากเราจะนมาซให้มากเท่าที่เราทำได้ การนมาซของเราก็ไม่ได้ตอบแทนใดๆ ต่อศาสนานี้ หากเราจะถือศีลอดให้มากเท่าที่ทำได้ การถือศีลอดของเราก็ไม่ได้ตอบแทนใดๆ ต่อศาสนานี้และไม่ว่าเราจะกระทำ สิ่งมุสตาฮับ (สิ่งที่สนับสนุนให้กระทำ) หรือสิ่งที่เป็นวาญิบ (สิ่งต้องกระทำ) มากมายสักเพียงใด ก็ไม่สามารถตอบแทนบุญคุณของศาสนานี้ได้เช่นกัน
ทว่า มีเพียงประการเดียวที่จะตอบแทนบุญคุณของศาสนานี้ได้ และเป็นสิ่งเดียวที่จะตอบแทนความเหน็ดเหนื่อยของท่านศาสดามุฮัมมัด (ซล.) ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว รวมไปถึงการตอบแทนความเหน็ดเหนื่อยของบรรดาอัมบียาอ์ และเอาศียาอ์ทั้งหมดจำนวนกว่า 124,000 ท่าน…
การตอบแทนมีเพียงวิธีเดียวเท่านั้น !!
นั่นก็คือ…การ ‘มะวัดดะฮ์’ (การมอบความรัก) ต่ออะฮ์ลุลบัยต์ (อ.)
…การมอบความรักให้กับ ‘สายเลือด’ ของท่านรอซูลุลอฮ์ (ซล.) (ศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์) เพียงเท่านั้น !!
จากหนังสือ ปรมัตถ์แห่งการพลี สดุดีอาชูรอ โดยฮุจญตุลอิสลาม ซัยยิดสุไลมาน ฮุซัยนี