ไทยแลนด์
Monday 25th of November 2024
0
نفر 0

เตาฮีด (ความเป็นเอกะของพระผู้เป็นเจ้า) ตอนที่ 10

เตาฮีด (ความเป็นเอกะของพระผู้เป็นเจ้า) ตอนที่ 10

บทเรียนอูศูลุดดีน (รากฐานของศาสนา)

 

เรื่องเตาฮีด (ความเป็นเอกะของพระผู้เป็นเจ้า) ตอนที่ 10

 

เมื่อเราได้เรียนรู้มาแล้วว่า ความรู้แรก คือ ความรู้เบื้องต้นที่จะนำไปสู่การพิสูจน์การมีอยู่จริงของพระผู้เป็นเจ้า ความรู้ที่จะนำไปสู่การรู้จักพระองค์ นั่นคือ ความรู้ที่มาจากสติปัญญา(อักลี) ส่วนความรู้ประเภทอื่นๆก็มีความสำคัญเช่นกันไม่ใช่ว่าไม่มีความสำคัญ แต่เบื้องต้นความรู้จากสติปัญญา “อักลี” ทำให้มนุษย์พิสูจน์การมีอยู่ของพระผู้เป็นเจ้าได้

ส่วนความรู้อื่นๆที่เหลือ ประโยชน์ของมันก็คือทำให้มนุษย์รู้จักพระผู้เป็นเจ้าเพิ่มมากยิ่งขึ้น รู้จักเกี่ยวกับรายละเอียดต่างๆของพระผู้เป็นเจ้า รู้จักถึงจุดประสงค์ของพระองค์และ รู้แจ้งเห็นจริงในพระองค์

 

รายละเอียดของศาสนาได้มาจากความรู้ที่เหลือทั้งสามประเภท ได้มาจากความรู้ที่ได้มาจากการยอมจำนน(ตะอับบุดี) มาจากความรู้ที่มาจากการรู้แจ้งเห็นจริง(ชูฮูดี) แต่ส่วนมากได้มาจาก การ “ตะอับบุดี” การเชื่อโดยจำนน เริ่มจากพื้นฐานที่สำคัญ ไปจนถึงสูงสุดของศาสนา แล้วก็ย่างก้าวไปสู่การประจักษ์แจ้งเห็นจริงในทุกสรรพสิ่ง เริ่มจาก “ตะอับบุดี”การเป็นบ่าวของพระองค์ ไปสู่จุดสูงสุดคือ “อิรฟาน” หรือ”ชูฮูดี” การประจักษ์แจ้งเห็นจริง

 

เรื่องราวของซามีรีเป็นบุคคลหนึ่งจากบะนีอิสรออีล ผู้ที่ปั้นลูกวัวด้วยกับดินและลูกวัวนั้นพูดได้ ไม่เรียกว่าเป็น “ชูฮูดี” แต่เรียกว่า “กาชิฟ” กาชิฟ หมายถึง การมองเห็นสิ่งที่เหนือธรรมชาติชั้นเบื้องต้น ซึ่งไม่ใช่เครื่องยืนยันความสำเร็จของมนุษย์ ต้อง “ชูฮูดี” เท่านั้น หมายถึง การพบเจอกับอัลลอฮ์ (ซบ) เมื่อมนุษย์พบเจอพระองค์แล้ว หมายความว่า มนุษย์เห็นทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว

 

ทำไมอิสลามจึงให้ความสำคัญในการพิสูจน์พระผู้เป็นเจ้าก่อน เพราะถ้าการมีอยู่ของพระองค์ถูกพิสูจน์ เรื่องอื่นๆก็สามารถจะพิสูจน์ได้ ถ้ายังไม่สามารถพิสูจน์ว่าพระเจ้ามีหรือไม่มี มนุษย์ก็ไม่สามารถพิสูจน์ว่า พระเจ้ามีองค์เดียวหรือหลายองค์

มนุษย์ไม่สามารถพิสูจน์ว่า พระเจ้าทรงยุติธรรมหรือไม่ยุติธรรมได้ เพราะมนุษย์ยังไม่รู้เลยว่าพระเจ้ามีหรือไม่มี ถ้ายังไม่พิสูจน์การมีอยู่ของพระผู้เป็นเจ้า มนุษย์ก็ไม่สามารถพิสูจน์ความเป็นศาสดา ความเป็นตัวแทนของพระผู้เป็นเจ้าได้ ดังนั้น หลังจากพิสูจน์การมีอยู่ของพระผู้เป็นเจ้าแล้ว เราจึงสามารถพิสูจน์ความยุติธรรม ความรอบรู้ อำนาจและคุณลักษณะอื่นๆของพระผู้เป็นเจ้าได้ และสามารถพิสูจน์ถึงความเป็นศาสดา

และการพิสูจน์เรื่องเกี่ยวกับชีวิตหลังความตายได้ ดังนั้นเมื่อเราจะต้องพิสูจน์การมีอยู่ของพระผู้เป็นเจ้าสามารถที่จะพิสูจน์ได้อย่างไรบ้าง เมื่อสิ่งแรกที่มนุษย์ต้องพิสูจน์คือการพิสูจน์การมีอยู่ของพระผู้เป็นเจ้า ถามว่าแล้วมนุษย์จะพิสูจน์อย่างไร?

 

ฟิตรัต(มโนธรรมในจิตวิญญาน) เป็นวิธีหนึ่งที่สามารถพิสูจน์การมีอยู่ของพระผู้เป็นเจ้าได้ซึ่งเราได้ทำความเข้าใจไปส่วนหนึ่งแล้วก่อนหน้า ฟิตรัตคืออะไร ฟิตรัต คือ สัญชาตญาณ หรือ มโนธรรม ของมนุษย์ สิ่งนี้มีอยู่ในมนุษย์ทุกคนมีติดตัวมนุษย์มาตั้งแต่เกิดไม่จำเป็นต้องเรียนรู้ และมีอยู่ในมนุษย์ทุกยุคสมัย ด้วยฟิตรัตของมนุษย์ เขารู้ว่า ความเมตตาเป็นสิ่งที่ดี ด้วยฟิตรัตของมนุษย์ เขารู้ว่า การกดขี่เป็นสิ่งที่ไม่ดี ไม่ต้องมีใครมาบอก โดยธรรมชาติของมนุษย์จะรู้เอง และศาสนาก็ยืนยันว่ามนุษย์รู้จักพระผู้เป็นเจ้ามาตั้งแต่เกิดซึ่งเรื่องนี้ เราได้ทำความเข้าใจมาแล้วส่วนหนึ่ง และเนื้อหาเพิ่มเติมเกี่ยวกับฟิตรัตในซูเราะฮ์ อัรรูม โองการที่ 30 ได้ยืนยันไว้

 

فَأَقِمْ وَجْهَكَ لِلدِّينِ حَنيفاً فِطْرَتَ اللَّهِ الَّتي‌ فَطَرَ النَّاسَ عَلَيْها لا تَبْديلَ لِخَلْقِ اللَّهِ ذلِكَ الدِّينُ الْقَيِّمُ وَ لكِنَّ أَكْثَرَ النَّاسِ لا يَعْلَمُونَ

 

“ดังนั้นเจ้าจงผินหน้าของเจ้าสู่ศาสนาที่เที่ยงแท้โดยฟิตรัตของอัลลอฮ์ซึ่งได้ทรงสร้างพวกเจ้าขึ้นมา ไม่มีการเปลี่ยนแปลงในการสร้างของพระองค์ นั่นคือศาสนาอันเที่ยงตรง แต่ทว่าส่วนมากขอมนุษย์นั้นไม่รู้”

 

จากโองการดังกล่าว มนุษย์ถูกสร้างขึ้นมาบนพื้นฐานของฟิตรัตหนึ่ง ซึ่งเป็นฟิตรัตที่ยอมรับถึงการมีอยู่ของพระผู้เป็นเจ้า จิตวิญญาณของมนุษย์ก็เชื่อในการมีอยู่ของพระเจ้า และมีความเชื่อเรื่องพระผู้เป็นเจ้าอยู่แล้ว และเมื่อไรก็ตามที่มนุษย์ยอมรับถึงการมีอยู่ของพระเจ้า เขาก็จะแสวงหาในรายละเอียดด้วยตัวของเขาเอง

 

มีมนุษย์จำนวนมากที่ไม่ยอมถูกกดขี่ เพราะฟิตรัตของเขาไม่ยอมรับสิ่งนั้น ฟิตรัตของเขาบอกว่า การกดขี่และการยอมรับการกดขี่เป็นสิ่งที่ไม่ดี คนที่ไม่มีความรู้ในศาสนาที่ไม่ชอบการกดขี่มีมากมาย หรือการโกหกในเบื้องลึก มนุษย์ทุกคนรู้ว่ามันเป็นสิ่งที่ไม่ดี และเช่นเดียวกัน คนที่ไม่ได้มีความรู้ทางศาสนา แต่เขามีความเมตตา เขาชอบความเมตตา การพูดความจริงหรือชอบความจริง มนุษย์รู้ได้ว่าสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ดีโดยที่เบื้องต้นไม่จำเป็นต้องมีศาสนามาบอกกับเขา สิ่งนี้แหละคือฟิตรัต สิ่งนี้ได้เกิดมาจากฟิตรัต ไม่ต้องมีใครมาบอกก็รับรู้ได้ด้วยความรู้สึกด้านในของมนุษย์เอง

0
0% (نفر 0)
 
نظر شما در مورد این مطلب ؟
 
امتیاز شما به این مطلب ؟
اشتراک گذاری در شبکه های اجتماعی:

latest article

ความโลภคือรากของความชั่วร้าย
...
...
ทำไมอิสลามห้ามดื่มสุรา
บทเรียนจากตัฟซีรเนะฮ์มูเนะฮ์ ...
อิมามฮะซัน อัสการีย์(อ) ...
อิมามอะลี ...
"ฝน"ในอัลกุรอาน
ชีวประวัติท่านฮัมซะฮ์ บิน ...
หลักปฏิบัติในอิสลาม ...

 
user comment