การเป็นชะฮีดของอิมามฮะซัน มุจญ์ตะบา (อ.) ในรายงานของอะฮ์ลิซซุนนะฮ์
ตามคำรายงาน (ริวายะฮ์) จำนวนมากที่ปรากฏอยู่ในหนังสือต่างๆ ทั้งของชีอะฮ์และซุนนีนั้น
มุอาวิยะฮ์ บุตรของอบีซุฟยาน ได้ส่งยาพิษไปให้ญะอ์ดะฮ์ ลูกสาวของอัชอัษ บินเกซ ผู้ซึ่งมีบทบาทหลักในทุกๆ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสมัยของท่านอิมามอะลี (อ.) และมุอาวิยะฮ์ได้ให้คำมั่นสัญญากับญะอ์ดะฮ์ว่า หากนางสามารถสังหารอิมามฮะซัน (อ.) ได้ จะให้นางแต่งงานกับยะซีด
ลูกชายของตน ญะอ์ดะฮ์ได้ปฏิบัติตามแผนของมุอาวิยะฮ์ จึงวางยาพิษและสังหารท่านอิมามฮะซัน (อ.) ด้วยยาพิษที่มุอาวิยะฮ์ส่งมาให้ ในขณะที่ท่านอิมามฮะซัน (อ.) ถือศีลอดและกลับมาบ้านเพื่อที่จะทำการละศีลอด
อบุลฟะร็อจญ์ อิศฟะฮานี นักวิชาการผู้ยิ่งใหญ่ของอะฮ์ลิซซุนนะฮ์ ได้เขียนไว้ในหนังสือ "มะกอติลุฏฏอลิบีน" ที่มีชื่อเสียงของตนว่า :
عن مغيرة ، قال : أرسل معاوية إلى ابنة الأشعث إني مزوجك بيزيد ابني ، على أن تسمي الحسن بن علي ، وبعث إليها بمائة ألف درهم ، فقبلت وسمت الحسن ، فسوغها المال ولم يزوجها منه ، فخلف عليها رجل من آل طلحة فأولدها ، فكان إذا وقع بينهم وبين بطون قريش كلام عيروهم ، وقالوا : يا بني مسمة الأزواج
มีรายงานจากมุฆีเราะฮ์ ซึ่งเขากล่าวว่า : มุอาวิยะฮ์ได้ส่งจดหมายไปยังลูกสาวของอัชอัษ โดยกล่าวว่า "ฉันจะแต่งงานเจ้าให้กับยะซีด ลูกชายของฉัน โดยมีเงื่อนไขว่า เจ้าต้องวางยาพิษฮะซัน บุตรของอะลี" พร้อมกันนั้นเขาได้ส่งเงินหนึ่งแสนดิรฮัมไปให้นาง นางได้ตอบรับและวางยาพิษท่าน (อิมาม) ฮะซัน (อ.) แต่เขา (มุอาวิยะฮ์) ได้ทำตามสัญญาต่อนางด้วยการมอบเงินให้เพียงเท่านั้น และไม่ยอมแต่งงานนางให้กับยะซีด แต่ชายผู้หนึ่งจากวงศ์ตระกูลของฏ็อลหะฮ์ได้ถูกทดแทนให้แก่นาง และได้มีบุตรกับนาง เมื่อใดก็ตามที่มีการพูดคุยถกเถียงกันระหว่างพวกเขา (ลูกหลานของนาง) กับลูกหลานของชาวกุเรช พวกเขาก็จะตำหนิประณามลูกหลานของนาง โดยกล่าวว่า "โอ้ลูกหลานของสตรีผู้วางยาพิษสามีของตน" (1)
ซะมัคชะรี นักภาษาศาสตร์และนักอรรถาธิบายคัมภีร์อัลกุรอานผู้เรืองนามของอะฮ์ลิซุนนะฮ์ ได้เขียนในเรื่องนี้ว่า :
جعل معاوية لجعدة بنت الأشعث امرأة الحسن مائة ألف حتى سمته ، ومكث شهرين وإنه ليرفع من تحته كذا طستاً من دم. وكان يقول: سقيت السم مراراً ما أصابني فيها ما أصابني في هذه المرة، لقد لفظت كبدي فجعلت أقلبها بعود كان كان في يدي
มุอาวิยะฮ์ได้กำหนดรางวัลหนึ่งแสนดิรฮัมให้แก่ญะอ์ดะฮ์ บินติอัลอัชอัษ ภรรยาของท่านอิมามฮะซัน (อ.) เพื่อให้นางวางยาพิษท่าน และท่าน
อิมามมีชีวิตอยู่ได้หลังจากนั้นถึงสองเดือน และพิษของมันได้ส่งผลจนทำให้เลือดออกมาเต็มภาชนะที่อยู่ปลายเท้าของท่าน และท่านได้กล่าวว่า
“ฉันถูกวางยาพิษ (ในอาหาร) หลายครั้งติดต่อกัน แต่ไม่มีครั้งใดที่จะส่งผลต่อฉันเท่ากับครั้งนี้เลย และฉันได้คายตับของฉันออกมาจากปาก และฉันได้เขี่ยพลิกมันดูด้วยไม้ที่อยู่ในมือของฉัน"
ซะมัคชะรี ได้เขียนในตอนท้ายว่า :
وخلف عليها رجل من قريش فأولدها غلاماً، فكان الصبيان يقولون له: يا ابن مسممة الأزواج
และชายผู้หนึ่งจากกุเรชก็ได้ถูกทดแทนให้แก่นาง แล้วต่อมาเขาได้ให้กำเนิดบุตรคนหนึ่งแก่นาง โดยที่เด็กทั้งหลายจะกล่าวกับเขาว่า "โอ้เจ้าลูกของหญิงผู้วางยาพิษสามีของตน" (ร่อบีอุลอับร๊อร, ซะมัคชะรี, เล่มที่ 1, หน้าที่ 438)
ทำนองเดียวกันนี้ นักวิชาการจำนวนมากของอะฮ์ลิซซุนนะฮ์ อย่างเช่น มะซีย์ ในหนังสือ "ตะฮ์ซีบุลกะมาล" และ ซะฮะบีย์ ในหนังสือ
"ซีรุ อะอ์ลามิลนับลาอ์" ได้เขียนว่า :
وقد سمعت بعض من يقول كان معاوية قد تلطف لبعض خدمه أن يسقيه سما
และแน่นอนยิ่งฉันได้ยินบางคนกล่าวว่า มุอาวิยะฮ์ได้ใช้เล่ห์หลอกลวง และหว่านล้อมบริวารบางคนของเขา เพื่อให้วางยาพิษท่าน
(อิมามฮะซัน) (2)
มัสอูดี นักประวัติศาสตร์ผู้มีชื่อเสียงของฮะฮ์ลิซซุนนะฮ์ ได้เขียนว่า :
أن امرأته جَعْدة بنت الأشعث بن قيس الكندي سقته السم، وقد كان معاوية دسَّ إليها: إنك إن احتلْتِ في قتل الحسن وَجَّهت إليك بمائة ألف درهم، وزوَّجتك من يزيد، فكان ذلك الذي بعثها على سَمّه، فلما مات وَفَى لها معاوية بالمال، وأرسل إليها: إنا ، نحب حياة يزيد ، ولولا ذلك لوفينا لك بتزويجه
แท้จริงญะอ์ดะฮ์ ลูกสาวของอัชอัษ บินเกซ อัลกินดีย์ ภรรยาของท่าน (อิมามฮะซัน) ได้วางยาพิษท่าน โดยที่มุอาวิยะฮ์ (บินอบีซุฟยาน) ได้วางแผนปลุกปั่นต่อนางว่า "หากวางแผนในการสังการฮะซันได้ ฉันจะส่งเงินรางวัลไปให้เจ้าหนึ่งแสนดิรฮัม และจะแต่งงานเจ้าให้กับซะซีด (ลูกชายของฉัน)" และสิ่งนั้นเองที่ปลุกปั่นให้นางวางยาพิษท่าน (อิมามฮะซัน) แต่เมื่อท่าน (อิมามฮะซัน) ได้เสียชีวิตลง มุอาวิยะฮ์ได้ทำตามสัญญาด้วยการส่งเงินไปให้นาง และกล่าวต่อนางว่า "เรารักชีวิตของยะซีต (เรากลัวว่าเจ้าจะทำแบบเดียวกันนี้กับเขา) หากเราไม่กลัวเช่นนั้นแล้ว เราก็จะปฏิบัติตามสัญญากับเจ้า ด้วยการแต่งงาน (เจ้า) ให้กับเขา" (3)
อิบนุอบิลหะดีด ชาฟิอี ได้เขียนไว้ในหนังสือ "ชัรห์ นะฮ์ญิลบะลาเฆาะฮ์" ของตนว่า :
قال أبو الحسن المدائني : وكانت وفاته في سنة تسع وأربعين ، وكان مرضه أربعين يوما ، وكانت سنه سبعا وأربعين سنة ، دس إليه معاوية سما على يد جعدة بنت الأشعث ابن قيس زوجة الحسن ، وقال لها : إن قتلته بالسم فلك مائة ألف ، وأزوجك يزيد ابني . فلما مات وفى لها بالمال ، ولم يزوجها من يزيد . قال : أخشى أن تصنع بابني كما صنعت بابن رسول الله صلى الله عليه وسلم
อบุลฮะซัน อัลมะดาอินี ได้กล่าวว่า : ท่าน (อิมามฮะซัน) เสียชีวิตในปี ฮ.ศ. 49 และอาการเจ็บป่วยของท่านดำเนินอยู่ถึง 40 วัน และท่านมีอายุ 47 ปี มุอาวิยะฮ์ได้วางแผนที่จะวางยาพิษท่าน โดยอาศัยมือของญะอ์ดะฮ์ ลูกสาวของอัชอัษ บินเกซ ภรรยาของท่าน (อิมาม) ฮะซัน และเขาได้กล่าวกับนางว่า
"หากเจ้าสังหารเขาด้วยยาพิษได้ ฉันจะมอบเงินให้เจ้าหนึ่งแสนดิรฮัม และจะแต่งงานให้เจ้ากับยะซีด ลูกชายของฉัน"
แต่เมื่อท่าน (อิมามฮะซัน) เสียชีวิตลง เขากลับทำตามสัญญาต่อนางด้วยการมอบเงินให้เท่านั้น แต่ไม่ยอมแต่งงานนางให้กับยะซีด โดยกล่าวว่า
"ฉันกลัวว่าเจ้าจะทำกับลูกชายของฉัน เหมือนกับที่เจ้าได้ทำกับบุตรของศาสนทูตของอัลลอฮ์ (ซ็อลฯ)" (4)
นักประวัติศาตร์ชาวอะฮ์ลิซซุนนะฮ์จำนวนมากได้บันทึกไว้ว่า : เมื่อข่าวการเป็นชะฮีด (เสียชีวิต) ของท่านอิมามฮะซัน (อ.) ไปถึงมุอาวิยะฮ์ ลูกชายของฮินด์ผู้กินตับ (ท่านฮัมซะฮ์ลุงของท่านศาสดา (ซ็อลฯ) ในสงครามอุฮุด) มุอาวิยะฮ์ได้ทำการซุหญูด (ก้มกราบ) ขอบคุณต่อพระผู้เป็นเจ้า ดังเช่นที่อิบนุกุตัยบะฮ์ ดัยนะวะรี ได้กล่าวไว้อย่างชัดเจนเกี่ยวกับประเด็นนี้ ในหนังสือ "อัลอิมามะฮ์ วัซซิยาซะฮ์" ของเขา (5)
อิบนุอับดิร็อบบิฮ์ ได้เขียนไว้ในหนังสือ "อัลอิกดุลฟะรีด" เช่นกันว่า : เมื่อข่าวการเสียชีวิตของท่านฮะซัน บินอะลี (อ.) ไปถึงมุอาวิยะฮ์ เขาได้ทำการซุหญูด ต่อจากนั้นเขาได้ส่งให้บุคคลหนึ่งไปตามหาท่านอิบนุอับาส ซึ่งขณะนั้นอยู่ในเมืองชาม และเขาได้กล่าวแสดงความเสียใจต่อท่านอิบนิอับบาส ทั้งๆ ที่เขานั้นดีใจ เขาได้ถามอิบนิอับบาสว่า "อบูมุฮัมมัด (หมายถึงอิมามฮะซัน) เสียชีวิตในขณะที่มีอายุเท่าไหร่" อิบนุอับบาสได้ตอบว่า "ชาวกุเรชทั้งหมดรู้เป็นอย่างดีว่าเขามีอายุเท่าใด แต่เป็นที่น่าประหลาดยิ่งที่คนอย่างเจ้ากลับไม่รู้"
ต่อจากนั้นมุอาวิยะฮ์ได้กล่าวว่า "ฉันได้ยินมาว่า เขาได้ละทิ้งลูกเล็กๆ ไว้เบื้องหลังหลายคนจริงใช่ไหม" อิบนุอับบาสกล่าวว่า "เด็กๆ ทุกคนในไม่ช้าก็จะเติบใหญ่ ลูกๆ ของเราและเด็กเล็กๆ ของเราก็จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่เช่นเดียวกัน" ต่อจากนั้นอับดุลลอฮ์ อิบนุอับบาสได้กล่าวว่า "โอ้มุอาวิยะฮ์เอ๋ย! ทำไมเจ้าถึงดีใจต่อการเสียชีวิตของฮะซัน บินอะลี (อ.) ขอสาบานต่ออัลลอฮ์! การเสียชีวิตของเขานั้นไม่อาจที่จะทำให้อายุขัยของเจ้าถูกประวิงเวลาออกไปได้ และเรือนร่างของเขาไม่อาจที่จะทำให้หลุมฝังศพของเจ้าเต็มไปได้เลย เวลาช่างเหลือน้อยเสียเหลือเกิน ในการมีชีวิตอยู่ต่อไปของฉันกับเจ้า ภายหลังจากอิมามฮะซัน (อ.)" (6)
ซะมัคชะรี ได้เขียนไว้ในหนังสือ "ร่อบีอุลอับร๊อร" ว่า : เมื่อข่าวการเสียชีวิตของอิมามฮะซัน (อ.) ไปถึงมุอาวิยะฮ์ เขาและบุคคลที่รายล้อมอยู่รอบตัวเขาได้ทำการซุหญูด ในช่วงที่ท่านอิบนุอับบาสมาพบมุอาวิยะฮ์ มุอาวิยะฮ์ได้กล่าวกับเขาว่า "ฮะซัน บุตรของอะลี เสียชีวิตแล้วหรือ?" อิบนุอับบาส ได้กล่าวว่า "ฉันได้ยินว่า เจ้าได้ทำการซุญูดขอบคุณต่อพระผู้เป็นเจ้าอย่างนั้นหรือ โอ้บุตรของหญิงผู้กินตับเอ๋ย! ขอสาบานต่ออัลลอฮ์! พวกเขาจะไม่วางร่างของเขาลงในหลุมฝังศพของเจ้าดอก (หมายถึง เขาจะไม่ไปแย่งที่ในหลุมฝังศพของเจ้า) และการตายของเขาก็ไม่อาจจะทำให้ชีวิตของเจ้ายืนยาวขึ้นดอก" (7)
แหล่งที่มา :
(1) มะกอติลุฏฏอลิบีน, เล่มที่ 1, หน้าที่ 20
(2) ตะฮ์ซีบุลกะมาล, อัลมะซีย์, เล่มที่ 6, หน้าที่ 252 ; ซีรุ อะอ์ลามิลนับลาอ์, อัซซะฮะบีย์, เล่ม ที่ 3,หน้าที่ 274 ; ตารีค มะดีนะฮ์ ดิมิชก์, อิบนุอะซากิร, เล่มที่ 13, หน้าที่ 283-284 ; อัลบิดายะฮ์ วันนิฮายะฮ์, อิบนุกะษีร, เล่มที่ 8, หน้าที่ 47
(3) มุรูญุซซะฮับ, มัสอูดี, เล่มที่ 1, หน้าที่ 346
(4) ชัรห์ นะฮ์ญิลบะลาเฆาะฮ์, อิบนุอบิลหะดีด, เล่มที่ 16, หน้าที่ 11
(5) อัลอิมามะฮ์ วัซซิยาซะฮ์, เล่มที่ 1, หน้าที่ 150–151
(6) อัลอิกดุลฟะรีด, อิบนุอับดิร็อบบิฮ์ อัลอันดาลูซี, เล่มที่ 2, หน้าที่ 125
(7) ร่อบีอุลอับร๊อร, ซะมัคชะรี, เล่มที่ 1, หน้าที่ 431
หมายเหตุ : ตามการรายงานของเชคกุลัยนี, เชคมุฟีด และเชคฏ็อบริซี วันชะฮาดัต (เสียชีวิต) ของท่านอิมามฮะซันมุจญ์ตะบา (อ.) ตรงกับวันที่ 28 เดือนซอฟัร ส่วนตามรายงานของชะฮีดเอาวัล, เชคกัฟอะมี, เชคบะฮาอี, อัลลามะฮ์มัจญ์ลิซี, เชคกาชิฟุลฆิฏออ์ และเชคอับบาสกุมมี ตรงกับวันที่ 7 เดือนซอฟัร
แปลโดย : เชคมุฮัมมัดนาอีม ประดับญาติ
ขอขอบคุณเว็บไซต์มูลนิธิส่งเสริมการศึกษาอิสลามและการพัฒนา