อัลฮะดีษในทัศนะของชีอะฮ์อิมามียะฮ์
ซุนนะฮ์ ถูกนับได้ว่าเป็นหลักฐานทางศาสนาประการหนึ่งตามทัศนะชีอะฮ์สิบสองอิมามที่อยู่เคียงข้างกับคัมภีร์อัลกุรอาน ซุนนะฮ์ตามทัศนะชีอะฮ์นั้นหมายถึง คำพูด การกระทำหรือการยืนยันรับรองของท่านนบีมุฮัมมัด(ศ)และบรรดาอิมามทั้งสิบสอง
ฮะดีษคือสิ่งที่ถูกเล่าถึงซุนนะฮ์ มีกฏเกณฑ์และมาตรการโดยเฉพาะอยู่ในวิชา อิลมุล ริญาล วัลริวายะฮ์ บนพื้นฐานนี้
ฮะดีษบทหนึ่งจะถูกยึดถือตามทัศนะของชีอะฮ์ก็ต่อเมื่อ ในสายรายงานนั้น บรรดาผู้เล่า เป็นผู้ที่เชื่อถือได้ในการรายงาน(ซิกเกาะฮ์)
ส่วนฮะดีษที่มุรซัล(สายรายงานขาดตอน)หรือฮะดีษที่มีผู้เล่าคนหนึ่งคนใดในสายรายงานนั้นมีสถานะเชื่อถือไม่ได้(ฎออีฟ)หรือมัจฮูล(คือหาประวัติไม่พบ) มันไม่ใช่ฮะดีษที่เชื่อถือได้ตามทัศนะชีอะฮ์
ดังนั้นฮะดีษต่างๆที่รายงานมาด้วยสายรายงานที่เชื่อถือได้ว่า มาจากท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ) สิ่งนั้นคือ หลักฐาน เช่นเดียวกัน
ฮะดีษต่างๆที่รายงานมาด้วยสายรายงานที่เชื่อถือได้ว่า
มาจากบรรดาอิมามสิบสอง สิ่งนั้นคือหลักฐาน เพราะชีอะฮ์ยึดถือคำพูดของบรรดาอิมามเป็นหลักฐาน เนื่องจากชีอะฮ์ทั้งหมด มีมติตรงกันว่า ท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)กล่าวว่า แท้จริงฉันได้ทิ้งไว้ในหมู่พวกท่าน สองสิ่งหนัก คือ คัมภีร์ของอัลลอฮ์และ อิตเราะฮ์ตีคือ อะฮ์ลุลบัยต์ของฉัน ทั้งสองคือ คอลีฟะฮ์ ภายหลังจากฉัน และทั้งสองจะไม่แยกจากกัน จนกระทั่งทั้งสองจะกลับมายังฉันที่สระน้ำเกาษัร หนังสือ กะมาลุดดีน เชคศอดูก เล่ม 1 หน้า 64
ชีอะฮ์เองมีตำรา ริญาล เป็นสิบๆเล่ม ก็เพราะชีอะฮ์ให้ความสำคัญต่อเรื่องสายรายงานฮะดีษและการทำความรู้จักบรรดาผู้รายงานฮะดีษ ด้วยเหตุนี้ หากว่ามีบุคคลใดอ้างอิงมายังชีอะฮ์ว่า พวกชีอะฮ์ไม่ให้ความสำคัญต่อสายรายงานฮะดีษ
พวกชีอะฮ์ยึดถือฮะดีษที่มีสายรายงานดออีฟ คำกล่าวนี้ถือว่าโกหกใส่ร้ายชีอะฮ์ จริงอยู่ว่า ฮะดีษบางส่วนที่เป็นสะนัดมุรซัลหรือสะนัดดออีฟ มีอยู่ในตำราฮะดีษชีอะฮ์ แต่ในตำราของอะฮ์ลุซซุนนะฮ์ก็มีฮะดีษประเภทนี้เช่นเดียวกัน
การนำฮะดีษบทหนึ่งในตำราชีอะฮ์เล่มหนึ่งมาอ้าง โดยไม่พิจารณาดูเสียก่อนว่า สายรายงานของฮะดีษนั้น เชื่อถือได้หรือไม่นั้น เราถือว่า การอ้างอิงเช่นนี้ไม่ใช่นักวิชาการอย่างแท้จริง และไม่มีความเป็นธรรมต่อเรา