นะบูวะห์ (ตอนที่7)
สภาวะความเป็นศาสดา
ความบริสุทธิ์ของมะลาอิกะฮฺ(เทวฑูต)
อะไรคือหลักประกันความถูกต้องของกระบวนการถ่ายทอดวะฮฺยู(วิวรณ์)จากอัลลอฮฺ(ซ.บ)มายังมวลมนุษย์
เป้าหมายการดำเนินชีวิตของมนุษย์ คือ การพัฒนาไปสู่ความสมบูรณ์ ดังนั้นจึงจำเป็นจะต้องมีกระบวนการให้ความรู้และกฎเกณท์ที่ถูกต้องแก่มนุษย์เพื่อพัฒนาไปสู่ความสมบูรณ์ แต่กระบวนการเหล่านี้มาจากไหน ด้วยตัวของมนุษย์เองสามารถคิดค้นขึ้นมาเองได้หรือไม่ จากประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา พิสูจน์แล้วว่า วิถีชีวิตภายใต้กฎเกณฑ์ที่มนุษย์คิดค้นมาเองนั้น ไม่สามารถนำมนุษย์ไปสู่ความผาสุกและความสมบูรณ์ได้
ดังนั้น เมื่อมนุษย์พิสูจน์การมีอยู่ของพระผู้เป็นเจ้าได้แล้ว สิ่งที่ตามมา คือการยอมจำนนต่อการมีอยู่ของพระผู้เป็นเจ้าและการยอมรับในความเป็นพระผู้สร้างของพระองค์ และการยอมรับในกระบวนการเหล่านี้ ทำให้มนุษย์เข้าใจบริบทการสร้างทุกๆสรรพสิ่งล้วนมีความสอดคล้องสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน มนุษย์ตอบโจทย์ได้และรู้ประจักษ์แจ้งเห็นจริงด้วยตัวเองแล้วว่า พระองค์ได้สร้างมนุษย์อย่างมีเป้าหมาย
เบื้องต้น ต้องทำความเข้าใจ “ความรู้ที่ประจักษ์แจ้งเห็นจริงด้วยตนเอง” เพราะเป็นความรู้ที่ไม่สามารถจะอธิบายให้คนอื่นเข้าใจได้อย่างสมบูรณ์ ทว่าบรรดานักวิชาการชั้นสูงกล่าวว่า “ความรู้แบบการประจักษ์แจ้งนั้นเป็นความรู้เดียวที่ไม่มีความผิดพลาด การจะไปถึงความรู้อันนี้จะต้องผ่านการขัดเกลาจิตวิญญาณอย่างมากมาย”
ทีนี้ เมื่อมนุษย์เข้าใจในบริบท จึงนำไปสู่ความเชื่อว่า ระบบความรู้ที่จะนำมนุษย์ไปสู่ความสมบูรณ์ต้องเป็นความรู้ที่มาจากพระองค์ แต่ทว่าพระองค์ทรงอยู่เหนือกฎเกณฑ์ของวัตถุทั้งหมด คือ อยู่เหนือสติปัญญาของมนุษย์ เพราะมนุษย์ส่วนมากยังไม่มีความพร้อมที่จะสื่อสารกับพระองค์ได้โดยตรง อาจเป็นเพราะมนุษย์อ่อนแอเกินไปที่จะรับวิวรณ์จากพระองค์ได้
ดังนั้น จึงจำเป็นที่จะต้องมีบุคลากรของพระองค์กลุ่มหนึ่ง เพื่อนำสาส์นของพระองค์มายังมนุษย์ และมนุษย์กลุ่มผู้สัจจริงที่สามารถรับวิวรณ์จากพระองค์ได้นั้น เราเรียกว่า “ศาสดา”
ภารกิจของศาสดา
หากพิจารณาในแง่รูปลักษณ์แล้ว จะเห็นว่า กระบวนการถ่ายทอดวะฮฺยู(วิวรณ์) ที่อัลลอฮฺ(ซบ) มอบภารกิจสำหรับบรรดาศาสดามีขั้นตอนต่างๆ ดังนี้
1.จุดเริ่มต้นของวะฮฺยู(วิวรณ์)เริ่มจากพระองค์และพระองค์ส่งมอบภารกิจนี้ให้กับมะลาอิกะฮฺ(เทวฑูต) นำสาส์นมายังศาสดา ซึ่งรูปลักษณ์นี้ เป็นการสนทนาผ่านเทวฑูตหรือมะลาอิกะฮฺที่พระองค์ประทานลงมา
2.อัลลอฮ์(ซ.บ)ทรงวะฮฺยูแก่ศาสดาโดยปราศจากสื่อ(โดยตรง) หลังจากนั้นศาสดาจึงได้นำสาสน์เหล่านั้นเผยแผ่ไปยังมวลมนุษย์
อะไรคือ หลักประกันว่าสาส์นของพระองค์ยังคงถูกต้องสมบูรณ์ ไม่ขาดไม่เกิน
อะไรคือ หลักประกันว่ามะลาอิกะฮฺจะไม่ผิดพลาดในการปฏิบัติหน้าที่นี้
อะไรคือ หลักประกันว่าบรรดาศาสดาไม่ผิดพลาดในการปฏิบัติหน้าที่ของท่าน
คำตอบ : หลักประกันการชี้นำจากอัลลอฮฺ(ซบ) คือ การเชื่อมต่อระหว่างบรรดาศาสดากับมะลาอิกะฮฺ และบรรดาศาสดากับพระองค์
ฉะนั้น เมื่อพระองค์ทรงเลือกบุคลากรให้เป็นสื่อกลางระหว่างโลกมนุษย์กับโลกเร้นลับของพระองค์ แน่นอนว่าการรับรองถึงความไม่ผิดพลาดของพวกเขาเหล่านั้น พระองค์ได้ยืนยันถึงความบริสุทธิ์ของพวกเขา(ความบริสุทธิ์ของศาสดาและมะลาอิกะฮฺ)ไว้ในอัลกุรอานอย่างชัดแจ้ง
ซึ่งเราจะยกบางโองการดังนี้
ซูเราะฮฺอัลอันอาม โองการที่ 124
اللَّهُ أَعْلَمُ حَيْثُ يَجْعَلُ رِسَالَتَهُ
“พระองค์ทรงรู้ดีว่าจะมอบสาส์นของพระองค์แก่ผู้ใด”
คำอธิบาย : บ่งชี้ถึงกลุ่มชนที่สามารถรับสาส์นของพระองค์ได้ว่า กลุ่มชนนั้นคือใคร ซึ่งโองการ อัลกุรอานอีกจำนวนหนึ่ง พระองค์ตรัส ในซูเราะฮฺญิน โองการที่ 26-28 ดังนี้
ซูเราะฮฺ ญิน โองการที่ 26
عَالِمُ الْغَيْبِ فَلَا يُظْهِرُ عَلَىٰ غَيْبِهِ أَحَدًا
พระผู้ทรงรอบรู้สิ่งเร้นลับ ดังนั้นพระองค์จะไม่ทรงเปิดเผยสิ่งเร้นลับของพระองค์แก่ผู้ใด
ซูเราะฮฺ ญิน โองการที่ 27
إِلَّا مَنِ ارْتَضَىٰ مِن رَّسُولٍ فَإِنَّهُ يَسْلُكُ مِن بَيْنِ يَدَيْهِ وَمِنْ خَلْفِهِ رَصَدًا
นอกจากผู้ที่พระองค์ทรงยินดีเช่นรอซูล ดังนั้นพระองค์จะทรงส่งผู้พิทักษ์เฝ้าดูแลข้างหน้าและข้างหลังเขา
ซูเราะฮฺ ญิน โองการที่ 28
لِّيَعْلَمَ أَن قَدْ أَبْلَغُوا رِسَالَاتِ رَبِّهِمْ وَأَحَاطَ بِمَا لَدَيْهِمْ وَأَحْصَىٰ كُلَّ شَيْءٍ عَدَدًا
เพื่อพระองค์จะทรงรู้ว่า แน่นอนพวกเขาได้เผยแผ่สาส์นของพระเจ้าของพวกเขาแล้ว และพระองค์ได้ทรงห้อมล้อม (รอบรู้) ทุกสิ่งที่อยู่ ณ ที่พวกเขา และพระองค์ทรงนับจำนวนทุก ๆ สิ่งไว้อย่างครบถ้วน
บรรดามะลาอิกะฮฺ(เทวฑูต)คือใคร
มีโองการอีกจำนวนหนึ่งมาอธิบายว่า มะลาอิกะฮฺคือบ่าวผู้ทรงเกียรติของพระองค์ พวกเขาจะไม่เกินเลยและรั้งหลังจากสิ่งที่พระองค์ได้ทรงตรัสไว้ในวิวรณ์และพวกเขาเป็นผู้ปฏิบัติตามบัญชาของพระองค์เท่านั้น พระองค์ทรงตรัสในอัลกรุอานดังนี้
ซูเราะฮฺอัลอัมบิยาอฺ โองการที่ 26
وَقَالُوا اتَّخَذَ الرَّحْمَٰنُ وَلَدًا سُبْحَانَهُ بَلْ عِبَادٌ مُّكْرَمُونَ
“และพวกเขา (มุริกูน) กล่าวว่า พระผู้ทรงกรุณาปรานีทรงยึด “มะลาอิกะฮ์เป็นพระบุตร มหาบริสุทธิ์แห่งพระองค์ แต่ว่าพวกเขา (มะลาอิกะฮ์) เป็นบ่าวผู้มีเกียรติ
ซูเราะฮฺอัลอัมบิยาอฺ โองการที่ 27
لَا يَسْبِقُونَهُ بِالْقَوْلِ وَهُم بِأَمْرِهِ يَعْمَلُونَ
“พวกเขาจะไม่ชิงกล่าวคำพูดก่อนพระองค์ และพวกเขาปฏิบัติตามพระบัญชาของพระองค์”
ซูเราะฮฺอัลอัมบิยาอฺ โองการที่ 28
يَعْلَمُ مَا بَيْنَ أَيْدِيهِمْ وَمَا خَلْفَهُمْ وَلَا يَشْفَعُونَ إِلَّا لِمَنِ ارْتَضَىٰ وَهُم مِّنْ خَشْيَتِهِ مُشْفِقُونَ
“พระองค์ทรงรอบรู้ สิ่งที่อยู่เบื้องหน้าพวกเขา และสิ่งที่อยู่เบื้องหลังพวกเขา และพวกเขาจะไม่ให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ใด นอกจากผู้ที่พระองค์ทรงพอพระทัย และเนื่องจากความกลัวพวกเขาจึงเนื้อตัวสั่น”
ซูเราะฮฺ อัตตะฮฺรีม โองการที่ 6
مَلَئكَةٌ غِلَاظٌ شِدَادٌ لَّا يَعْصُونَ اللَّهَ مَا أَمَرَهُمْ وَ يَفْعَلُونَ مَا يُؤْمَرُون
“และมาลาอิกะฮฺผู้แข็งกร้าวหาญคอยเฝ้ารักษามันอยู่ พวกเขาไม่ฝ่าฝืนอัลลอฮฺในสิ่งที่พระองค์ทรงบัญชาแก่พวกเขา และพวกเขาจะปฏิบัติตามบัญชาของพระองค์”
ความจริงมีโองการอีกมากมาย ที่กล่าวถึงความประเสริฐของบรรดามะลาอีกะฮฺ ดังนั้น บางโองการที่ยกมาเหล่านี้ เป็นที่เพียงพอในการยืนยันถึงความไม่ผิดพลาดและความบริสุทธิ์ของบรรดามาอิกะฮฺที่ได้รับมอบภารกิจให้เป็นผู้นำสาส์นของพระองค์มายังมวลมนุษย์
ขอขอบคุณ สถาบันศึกษาศาสนาอัลมะฮ์ดี