กะรอมะฮ์ ฐานภาพอันสูงส่งของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์
เรื่องเล่าจากอยาตุลลอฮ์ มูฮัมมัด ฮาดี มีลานีย์
ในขณะที่เรานั่งอยู่กับท่านอยาตุลลอฮ์ ได้มีคู่สามีภรรยาจากเยอรมันพร้อมลูกสาวเข้ามาพบท่าน หลังจากแนะนำตัวเสร็จ สามีกล่าวกับท่านว่าเรามาที่นี่เพื่อจะเข้ารับอิสลาม
ท่านอายะตุลลอฮฺมีลานีย์จึงถามว่า ด้วยเหตุผลอะไรหรือ ?
สามีจึงเริ่มเล่าเรื่องราวว่าลูกสาวของข้าพเจ้าคนนี้ประสบอุบัติเหตุจนซี่โครงหักชนิดที่บรรดาหมอในเยอรมันหมดหนทางเยียวยารักษา
และลงความเห็นเป็นเสียงเดียวกันว่าจะต้องผ่าตัดแต่เป็นวิธีที่เสี่ยงอย่างรุนแรง
และลูกสาวของข้าพเจ้าก็ไม่ต้องการ และบอกกับเราว่า
ให้ลูกทนทรมานเช่นนี้ดีกว่าจะต้องตายบนเตียงในห้องผ่าตัดจนเราต้องตัดสินใจนำลูกกลับบ้าน
ที่บ้านเรามีหญิงรับใช้ชาวอิหร่านซึ่งเราเรียกเธอจนติดปากว่า “บีบี”
เมื่อกลับถึงบ้านลูกสาวของเราพูดกับนางว่า
“บีบีที่รัก หนูพร้อมจะยกทรัพย์สมบัติทั้งหมดให้กับบีบี ขอเพียงให้บีบีช่วยแนะนำหนูทีว่าทำอย่างไร
ที่จะให้ร่างกายของหนูกลับไปสู่สภาพเดิม และที่หนูพูดไปเช่นนั้นก็ไม่ได้คาดหวังอะไร
หัวใจของหนูเต็มไปด้วยความร้าวรานใจ และคิดว่าหนูจะต้องทนทรมานไปจนตายในสภาพนี้”
บีบีพูดกับหนูว่าบีบีมีหมอที่สามารถจะเยียวยารักษาหนู
ลูกสาวจึงพูดกับบีบีว่า
“หนูพร้อมที่จะยกทรัพย์สินทั้งหมดให้กับบีบีตามที่หนูให้สัญญา”
บีบีจึงบอกว่าหนูเก็บมันไว้ใช้เถอะ บีบีเป็น “อะละวีย์” (ทายาทลูกหลานอิมามอะลี)
คุณทวดของบีบีชื่อ “ฟาฏิมะฮฺ ซะฮฺรอ อัฏฮารฺ (สลามุลลอฮฺอลัยฮา) คุณทวดของบีบีก็ประสบเหตุถูกซอลิมจนซี่โครงหักคล้ายหนูนี่แหละ
ขอให้หนูบอกกับนางด้วยหัวใจที่แตกสลายพร้อมกับหลั่งน้ำตาว่า
“ยา ฟาฏิมะฮฺ อัซซะฮฺรอ ช่วยมอบชะฟาอ์เยียวยารักษาหนูด้วยนะ”
ด้วยหัวใจที่แตกสลาย ลูกสาวได้ร้องขอทั้งน้ำตา เรียกหาท่านหญิงผู้ยิ่งใหญ่เพื่อให้นางช่วย
ในขณะที่บีบีเฝ้ามองและร้องไห้ที่ขอบหน้าต่างพร้อมกับกล่าวว่า
“ยา ฟาฏิมะตัซซะฮฺรอ เด็กน้อยชาวเยอรมันคนนี้ป่วย
ลูกจึงแนะนำให้เขาเรียกหาแม่เพื่อให้แม่ชะฟาอ์ยียวยา
โอ้ แม่จ๋า ช่วยเด็กน้อยคนนี้ด้วยเถิด อย่าให้ลูกต้องอับอายขายหน้า”
สามีเล่าต่อว่าข้าพเจ้าเฝ้ามองด้วยใจจดจ่อตรงลานหน้าบ้านและกล่าวออกมาว่า
“โอ้ ฟาฏิมะฮฺ ผู้ที่ถูกตบตีจนกระดูกซี่โครงหัก
ข้าพเจ้าเห็นลูกสาวเงียบไปพักหนึ่ง แล้วส่งเสียงเรียกข้าพเจ้าว่า
พ่อจ๋า เข้ามาหาหนูสิ หนูไม่รู้สึกเจ็บอีกแล้ว
ข้าพเจ้าจึงเข้าไปหาลูกสาวและเห็นเธอหายเป็นปกติทุกอย่าง
ลูกสาวกระซิบข้างหูข้าพเจ้าว่า
เมื่อตะกี๊เหมือนหนูกำลังอยู่ในความฝัน มีกุลสตรีที่เต็มไปด้วยรัศมีมาหาหนูพร้อมกับใช้มือลูบไปที่สีข้างซี่โครงของหนู
หนูจึงถามว่าท่านคือใครหรือ ?
เธอตอบหนูว่าก็คนที่หนูเรียกเมื่อกี๊นี่ไงละลูก”
แล้วลูกสาวได้ลุกขึ้นยืนอย่างง่ายดาย ทำให้ข้าพเจ้ามั่นใจในวินาทีนั้นเองว่า
อิสลามและท่านหญิงฟาฏิมะฮฺ อัซซะฮฺรอ (สลามุลลอฮฺอลัยฮา) คือ “ฮัก” คือสัจธรรมที่ข้าพเจ้าเดินทางมาพบท่านที่อิหร่านก็เพื่อที่จะประกาศตนเข้ารับอิสลามทั้งครอบครัว
ท่านอัลมัรฺฮูมมีลานีย์ (อลัยฮิรฺเราะห์มะฮฺ) และผู้ที่อยู่ในห้องนั้นต่างพากันร้องไห้ในมุอฺญิซาตและปลาบปลื้มใจในการประกาศ “ชะฮาดะตัยน์”เข้ารับอิสลามของครอบครัวชาวเยอรมันท่านนั้น
ซิกร์ ประโยคที่ขอให้ผ่านพ้นอุปสรรคความทุกข์ยากผ่านท่านหญิงฟาฏิมะฮฺ อัซซะฮฺรอ (สลามุลลอฮฺอลัยฮา)
เจ้าของหนังสือ «بهجة قلب المصطفی» บันทึกจากอุสตาซครูของตนที่ชื่อ "อัลมัรฺฮูมออคูนด์ ฮัมดานีย์" ว่า
ทุกครั้งที่จะขอตะวัสสุลผ่าน "ร็อยหานะฮฺเราะสูลุลลอฮฺ" ก็จงทำใจให้อิคลาศบริสุทธิ์ แล้วอ่านดุอาอ์บทนี้
«اَللّهُمَّ صَلِّ عَلی فاطِمَة وَ اَبیها وَ بَعْلِها وَ بَنیها بِعَدَدِ ما اَحَاطَ بِهِ عِلْمُك »
หรือ
« اِلٰهی بِحَقِ فاطمةَ وَ أَبیِها وَ بَعلِها وَ بَنیها وَ السِّرِّ المُستَودَعِ فیها »
(فضائل الزهراء، ص ١٠٩)
ขอขอบคุณ Risalah Qomi