ไทยแลนด์
Sunday 24th of November 2024
0
نفر 0

ลำดับเหตุการณ์อาชูรอ ณ กัรบะลาอ์ ตอนที่สอง

ลำดับเหตุการณ์อาชูรอ ณ กัรบะลาอ์ ตอนที่สอง



ลำดับเหตุการณ์อาชูรอ ณ กัรบะลาอ์ ตอนที่สอง

 

 

การพลีชีพของท่านอับบาส (ร.ฎ.)

จนกระทั่งเมื่อไม่มีใครเหลืออยู่กับท่านอิมามฮูเซน(อ.) เลยซักคนนอกจากท่านอับบาส (ร.ฎ) น้องชายคนเดียวของท่าน ท่านอับบาส (ร.ฎ) ก็ขออนุญาตจากท่านอิมาม ฮูเซน(อ.)เพื่อออกไปทำการสู้รบ

ท่านอิมาม (อ.) ตอบว่า

“ เจ้าคือคนถือธงของฉัน ”

ท่านอับบาสกล่าวว่า

“หัวใจของข้าพเจ้าตื้นตันไปหมดแล้ว ข้าพเจ้ารังเกียจการมีชีวิตอยู่”

ต่อจากนั้นท่านอิมามฮูเซน(อ.) ได้ขอร้องให้ท่านอะบุลฟัฎลฺ อับบาส (ร.ฎ.) ออกไปจัดหาน้ำมาให้เด็กได้ดื่ม ท่านอับบาส (ร.ฎ.)จึงได้ออกไปทางที่ทหารเหล่านั้นให้เกรงกลัวต่อพระผู้ทรงอำนาจสูงสุด แต่ก็ไม่ได้ผล แล้วท่านก็ตะโกนด้วยเสียงอันดังว่า “โอ้ อุมัร บินซะอัด ฮูเซนผู้นี้ เป็นบุตรของบุตรสาวท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ (ศ) ซึ่งพวกเจ้าก็ได้สังหารพรรคพวกของเขาและคนในครอบครัวและลูกๆของตนซึ่งกำลังกระหายน้ำอยู่ ดังนั้นขอให้พวกเจ้ามอบน้ำดื่มให้พวกเขาด้วย ตอนนี้หัวใจของพวกเขาห่อเหี่ยวด้วยแรงกระหายที่แผดเผา และเขาเองก็กล่าวด้วยว่า จงปล่อยข้าให้ไปอยู่เสียที่โรมหรือไม่ก็ที่อินเดียเถิด ข้าทิ้งเมืองฮิญาซกับอิรักให้พวกเจ้าแล้ว

 คำพูดของเขามีผลทำให้ชาวกูฟะฮฺบางคนร้องให้ แต่ชิมรฺตะโกนขึ้นสุดเสียงว่า

“โอ้บุตรของอะบูตุรอบ ต่อให้ทั้งโลกนี้แม้แต่หยดเดียว นอกจากว่าพวกเจ้าจะต้องให้สัตยาบันแก่ยะซีดเสียก่อน”

ท่านอับบาส (ร.ฎ.) ได้กลับไปหาท่านอิมามฮุเซน (อ.) เพื่อแจ้งให้ท่าน (อ.)ทราบ ครั้นแล้วท่านได้ยินเสียงพวกเด็กๆ ต่างพากันร้องให้ระงมเพราะความกระหายน้ำ แต่แล้วท่านไม่สามารถจะแก้ไขสถานการณ์นี้ได้เลย ความเด็ดเดี่ยวเยี่ยงชายชาวบะนีฮาชิมฉุดท่านให้ลุกขึ้นออกไปเผชิญกับชาวกูฟะฮฺและท่านก็พบว่าพวกเขาทั้งหมดเตรียมพร้อมอยู่แล้ว คนเหล่านั้นมีจำนวนทหารถึง 4,000 คน ท่านรีบตักน้ำจนเต็มถุง และท่านทำท่าจะขวักน้ำมาเพื่อจะดื่ม แต่เมื่อนึกถึงความกระหายของท่านอิมามฮูเซน (อ.)ผู้เป็นพี่ชาย ท่านถึงกับขว้างน้ำทิ้ง แล้ว กล่าวว่า

  “โอ้ชีวิตของผู้น้อยที่มาทีหลังฮูเซนอย่างข้า หากไม่มีเขาแล้วไซร้ตัวข้าเองก็ไม่จำเป็นต้องมีน้ำแห่งนี้ ควรที่ฮูเซนจะได้ดื่มความเยือกเย็นของมันก่อนข้า ขอสาบานด้วยพระนามของอัลลอฮ์ คำสอนทางศาสนาของข้าในเรื่องนี้เป็นอย่างไร ”         

แล้วท่านอับบาส (ร.ฎ )ก็รีบวิ่งกลับไปหาท่านอิมามฮูเซน (อ.) ผู้เป็นพี่ชายพลางถือน้ำไปด้วย แต่ถูกปิดล้อมเส้นทางจากทุกทิศทาง โดยทหารไปได้หลายคนและสามารถเปิดช่องทางเล็ดลอดจากทหารเหล่านั้นได้ ท่านรีบวิ่งต่อไปพลางกล่าวว่า

 

“ใช่ว่าข้าจะวิ่งหนีเพราะกลัวความตาย เพราะความตายคือสิ่งที่จะทำให้ข้าได้พบกับดวงวิญญาณของผู้บริสุทธิ์ที่ได้รับการเลือกสรร หากแต่ที่ข้าวิ่งก็เพราะต้องการจะนำน้ำไปให้ถึงเท่านั้น ข้าไม่ได้กลัวความตายจากการเผชิญหน้าข้าศึกได้เลย”

 

พวกทหารฝ่ายข้าศึกยิ่งรวมตัวกันขัดขวางท่านอับบาส (ร.ฎ.) มากขึ้นท่านได้ใช้ดาบฟาดฟันจนกระทั่งเขาเหล่านั้น ได้รับความเสียหายพวกแล้วพวกเล่า แต่แล้วบรรดาฝ่ายอธรรมก็สามารถสกัดกั้นท่านได้ เพราะว่ามีคนหนึ่งที่ชื่อว่า ซัยดฺ บินอัร - ริกอด อัล - ญะฮฺนี แอบอยู่ข้างต้นอินทผาลัม แล้วฟันตรงแขนขวาของท่านอับบาส (ร.ฎ) ขาดกระเด็น ทั้งๆ ที่แขนขวาขาดสะบั้นแล้วแต่ท่านก็ยังไม่ประหวั่นต่อการพยายามที่จะนำน้ำกลับไปให้ถึงกระโจม ท่านจึงตัดสินใจต่อสู้กับทหารเหล่านั้น พลางกล่าวว่า “

 

ขอสาบานด้วยพระนามของอัลลอฮ์ แม้แขนขวาข้าจะขาด แต่ข้าก็จะปกป้องศาสนาของข้าและปกป้องอิมามผู้ซื่อสัตย์ บุตรของศาสดาผู้บริสุททธิ์ตลอดกาล ”

 

ฝ่ายข้าศึกได้ใช้ความพยายามต่อสู้เพราะกลัวว่าน้ำจะถูกนำไปถึงท่านอิมามฮูเซน (อ.) แล้วท่าน (อ.) จะได้ดื่ม ท่านอับบาส  (ร.ฎ.) จึงไม่ลดละในการต่อสู้กับทหารเหล่านั้นอย่างไม่แยแสกับจำนวนอันมหาศาล ความคิดที่มั่นคงคือต้องเอาน้ำกลับไปให้ลูกหลานของท่านอิมาม ฮูเซน (อ.) ให้ได้ในขณะนั้นเองทหารอักคนหนึ่งของฝ่ายตรงข้าม ที่ชื่อว่า ฮะกีม บินฏุฟิล ได้โอกาสฟันแขนซ้ายของท่านขาดกระเด็นไปอีกข้างหนึ่ง ท่านใช้กำลังจากส่วนที่เหลือของแขนสองข้างแนบทรวงอก แล้วกล่าวว่า

 

 “โอ้ชีวิตของข้า เจ้าอย่าหวาดกลัวพวกมิจฉาทิฐิ (กาฟิร) และจงรับรู้ข่าวดีจากความเมตตาของผู้ทรงอำนาจกับท่านนบี ผู้เป็นประมุขที่ถูกเลือกสรรมา บัดนี้แขนซ้ายของข้าถูกพวกละเมิดตัดขาดไปอีกแล้ว ข้าแต่พระผู้อภิบาลโปรดนำคนเหล่านั้นเข้าสู่ไฟนรกอันร้อนแรงด้วยเถิด”

 

ดอกธนูพุ่งกรูมายังท่านจากทุกทิศทาง ธนูดอกหนึ่งต้องตรงถุงน้ำอีกดอกหนึ่งต้องตรงหน้าผาก อีกดอดหนึ่งต้องตรงนัยน์ตา อีกดอกหนึ่งต้องตรงทรวงอก

 

ชายคนหนึ่งซึ่งเป็นลูกหลานของคนในตระกูลอุบาน บินดาริม ได้ฉวยโอกาสเข้ามาประชิดแล้วเอาหอกติดธงฟาดลงไปบนศีรษะของท่านจนซบลงบนพื้นดิน ท่านร้องตะโกนด้วยเสียงดังว่า

 

“โปรดรับสลามจากข้าด้วยเถิดท่าน โอ้อะบาอับดิลลาฮฺ ฮูเซน”

 

ท่านอิมามฮุเซน (อฺ) รีบรุดมาหาท่านในทันที ครั้นแล้วท่านได้เห็นแขนสองข้างขาดออกจากกัน ตรงหน้าผากถูกเสียบอย่างยับเยิน ดอกธนูติดตรึงอยู่ในดวงตา ธงถูกฉีกขาดตกอยู่ข้างตัว

 

ท่านซัยยิด อิบนุฎอวูซ ( ขอให้อัลลอฮฺประทานความเมตตา ) กล่าวว่า “แล้วท่านอิมามฮูเซน (อฺ) ก็ร้องไห้เนื่องในการถูกสังหารของท่านอับบาส ด้วยเสียงร้องให้อย่างรุนแรง ท่านอิมามกล่าว่าบัดนี้สันหลังของข้าถูกทำลายเสียแล้ว หนทางแก้ไขของข้ามีน้อยเหลือเกินแล้ว

 

การรบของท่านอิมามฮูเซน (อ)

ต่อจากนั้น ท่านอิมามฮุเซน (อ) ก็บุกเข้าหาฝ่ายศัตรู โดยฟาดฟันคนเหล่านั้นทั้งทางด้านขวาและด้นซ้าย จนพวกทหารเหล่านั้นต้องถอยร่นออกจากบริเวณที่ท่านยืนอยู่ เหมือนลูกแกะที่วิ่งหนีเมื่อถูกจู่โจมโดยสุนัขป่า ท่าน (อ) กล่าวว่า   

“พวกเจ้าจะหนีไปไหน เมื่อฆ่าลูกชายบิดาของข้าแล้ว พวกเจ้าจะหนีไปไหนเมื่อฆ่าน้องชายของข้าแล้ว พวกเจ้าจะหนีไปไหนเมื่อพวกเจ้าตัดแขนของข้าแล้ว

 

การขอความช่วยเหลือของท่านอิมามฮูเซน (อ)

ต่อจากนั้น ท่านอิมามฮูเซน (อ) ก็เดินกลับไปยังที่พักในสภาพของคนที่สิ้นหวัง (จากการรบ) เศร้าสร้อยและร้องให้ สองมือของท่าน (อ) ปาดน้ำตาที่รินไหล ตอนนั้นทหารกำลังเข้าจู่โจมกระโจมของท่าน (อ)

ท่าหญิงซะกีนะฮฺ (ร.ฎ.) ได้ออกมาพบท่าน (อ)  แล้วภามถึงท่านอับบาส (ร.ฎ.) ผู้เป็นอาของตน

ท่าน (อ) บอกเธอว่า เขาถูกสังหารเสียแล้วเมื่อท่านหญิงซัยนับ (อฺ) ได้ยินเช่นนั้น ถึงกับตะโกนขึ้นว่า                     

“โอ้อับบาส หลังจากเธอแล้วเราต้องสูญเสียแน่ ๆ” บรรดาสตรีต่างพากันร้องไห้กับพวกเขาไปด้วยพลางกล่าวว่า

“หลังจากเจ้าแล้ว เราต้องสูญเสียแน่ ๆ”

ท่านอิมาม(อ) ต้องได้รับความโดดเดี่ยวอ้างว้าง เพราะขาดคนช่วยเหลือ และไม่มีผู้สนับสนุน ในเมื่อพรรคพวกทั้งหลายของท่าน (อ) ต้องเป็นชะฮีดไปแล้ว เหล่าบรรดาบะนีฮาชิมผู้กล้าในสมรภูมื จะมีก็แต่เด็กเล็ก ๆ ที่กำลังร้องให้ระงม ท่านอิมาม (อ) ร้องตะโกนด้วยเสียงอันดังว่า

 “ใครจะเข้ามาอยู่ร่วมกับเกียรติของศาสนทูตแห่งอัลลอฮฺ(ศ)บางไหม ใครที่ยำเกรงต่ออัลลอฮฺ ในเรื่องของเราบ้างไหม ใครจะช่วยเหลือเราโดยมุ่งหวังต่ออัลลอฮ์บ้างไหม ? ”

 

ท่านอิมามซัยนุลอาบิดีน (อ) ออกรบ

บรรดาสตรีต่างพากันร้องห่มร้องไห้ด้วยเสียงอันดัง ท่านอิมามซัยนุ้ลอาบิดีน (อ) พยุงตัวลุกขึ้นมาด้วยไม้เท้าและเดินเดินถ่อด้วยดาบเพราะมีอาการป่วยอยู่จนไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ แต่ท่านหญิงอุมมุกุลษูม (ร.ฎ.) ร้องเรียกท่าน (อ)

“โอ้ลูกเอ๋ย กลับมาเถิด ”

ท่าน (อ) กล่าวว่า

“ท่านน้า ปล่อยข้าให้ออกไปสู้ต่อเบื้องหน้าบุตรศาสนทูตของอัลลอฮฺเถิด”

 

 ท่านอิมามฮูเซน (อฺ) ตะโกนเรียกท่านหญิงอุมมุกุลษูม (ร.ฎ. ) ว่า                                      

“จับตัวเขาไว้เพื่อไม่ให้แผ่นดินต้องว่างเปล่าจากเชื้อสายมุฮัมมัด” ดังนั้นท่านหญิง (ร.ฎ.) จึงนำตัวท่าน (อฺ) กลับมาให้นอนบนที่นอน

 

 

อำลาอาลัยครอบครัว

ท่านอิมามฮูเซน (อ) ได้ยอนกลับมายังครอบครัวเพื่อเป็นการอำลา และสั่งทุกคนให้อดทน แล้วท่าน (อ) ก็สวมชุดแต่งกาย โดยนำเอาชุดของท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ (ศ) มาสวมทับ และใส่เสื้อเกราะพร้อมกับติดดาบไว้ด้วยแล้วท่าน (อ) ได้ขอผ้าผืนหนึ่งที่ไม่มีใครต้องการมาวางไว้ในเสื้อของท่าน (อ) เพราะผู้ตายย่อมไม่ต้องใช้ของดีๆ ท่านหญิงซัยนับ (อ) ได้นำผ้าที่ดีมาให้แต่ท่าน (อฺ) ไม่ต้องการและพูดว่า

 

“นั่นมันเป็นผ้าที่แสดงถึงความต่ำต้อย”

 

แล้วท่าน (อฺ) ก็เอาผ้าจำนวนเดียว กับของชาวเยเมนมาฉีก แล้วทำเป็นผ้าซับใน พร้อมกับเรียกหากางเกงแบบของ ชาวฮิบรูมาแยกชิ้นส่วนออกแล้วสวมมันไว้เพื่อมิให้สูญเปล่า

 

อับดุลลอฮฺ อัร- ร่อฎีอฺ (ผู้ที่ยังไม่อดนม)

ท่านอิมามฮุเซน (อ) เรียกหาท่านอับดุลลอฮฺบุตรคนเล็กสุดผู้ซึ่งยังไม่อดนมมาหาเพื่ออำลา ท่านหญิงซัยนับ (ร.ฎ.) ได้นำมา ขณะนั้นดวงตาของท่านอับดุลลอฮฺปิดสนิทเพราะความกระหาย ท่านอิมาม(อ)รับบุตรชายมาให้นั่งบนตักแล้วกล่าวว่า

 

“ความหายนะจะต้องประสบแก่คนเหล่านี้ ในเมื่ออัล-มุศฎ่อฟา(นามหนึ่งของท่านนบี แปลว่าผู้ได้รับการเลือกสรร) ทวดของเจ้าเป็นคู่ปรปักษ์กับพวกเขาเอง”

 

ต่อจากนั้น ท่าน(อ) ได้โน้นใบหน้าลงเพื่อที่จะหอม ทันใดนั้นเอง ฮัรมะละฮฺ บินกาฮิล อัล-อะซาดี ได้ยิงธนูมาถูกตรงเส้นเลือดที่ลำคอของท่าน อับดุลลอฮฺ ปรากฏว่าท่านถึงแก่ชีวิตในทันที

 

ท่านอิมามฮุเซน(อฺ) ได้เอามือวางลงที่คอของเด็กน้อยจนกระทั่งว่าในขณะนั้นเลือดของท่านอับดุลลอฮฺไหลทะลักออกมาจากบาดแผลที่โดนยิงจนท่วมมือ ท่านอิมาม(อฺ)ได้แหงนหน้าขึ้นสู่ฟากฟ้า แล้วกล่าวว่า

 

“สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับข้าเสียแล้ว ในเมื่อมันเกิดขึ้นโดยการประจักษ์ของอัลลอฮฺ ข้าแต่อัลลอฮฺ ขอได้โปรดอย่าให้การตัดสินเรื่องนี้เป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับพระองค์เลย ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า ถึงแม้พระองค์จะทรงสกัดกั้นเราในเรื่องชัยชนะ แต่ขอให้พระองค์ประทานสิ่งที่ดีกว่านี้แทนที่แก่เราด้วย ขอได้โปรดลงโทษพวกอธรรมเพื่อเรา และโปรดบันดาลให้เราได้รับเสบียงแห่งโลกแก่เราแทนเสบียงแห่งโลกนี้ ข้าแต่อัลลอฮฺ ขอให้พระองค์ทรงเป็นพยานต่อพวกที่ได้ฆ่าบุคคลที่เหมือนท่านศาสนาทูตแห่งอัลลอฮฺ (ศ) มากที่สุดด้วยเถิด”

 

จากนั้นท่านอิมามฮุเซน(อฺ)ก็ได้ขุดหลุมด้วยดาบ และทำการนมาซให้แก่เขาและฝังเขาลงไปทั้งๆ ที่เลือดคลุกทรายอยู่อย่างนั้น

 

การต่อสู้อีกครั้งหนึ่งของท่านอิมามฮุเซน (อ)

หลังจากนั้นท่านอิมามฮุเซน (อฺ) ก็มุ่งหน้าออกไปพบกับฝ่ายข้าศึกพร้อมด้วยดาบที่ติดตัวไป ท่าน(อฺ)ได้เรียกร้องคนเหล่านั้นให้ออกมาประลองกับท่านตัวต่อตัว ซึ่งแต่ละคนที่ออกมาสู้กับท่านแบบตัวต่อตัวนั้นพบจุดจบทุกคนจนกระทั่งเป็นศพที่ถูกสังหารเป็นจำนวนมากมายมหาศาล

อุมัร บิน ซะอัด จึงร้องขึ้นว่า

 

“นี่คือบุตรของนักสู้จอมทรหด นี่คือ บุตรของนักสู้ชาวอาหรับพวกเจ้าจงจู่โจมเข้าหาเขาจากทุกทิศทาง”

 

ครั้นแล้วฝ่ายข้าศึกจำนวนมากถึง 4,000 คนก็บุกตะลุยเข้าใส่ ท่านอิมาม(อ) ได้ทำการฟาดฟัน คนเหล่านั้นได้หันไปสู้ทางด้านขวาที่จู่โจมเข้ามาอย่างโกรธแค้นจนบาดแผลหลายแผลในตัวท่าน(อ)ชโลมไล้ไปด้วยเลือดสด ฝ่ายทหารของศัตรูถอยร่นออกไปจากท่าน(อ)และมุ่งหน้าไปที่กระโจม ยืนเรียงรายขวางทางระหว่างท่าน(อ)กับกระโจม ท่าน(อ)ได้ร้องตะโกนใส่พวกเขาว่า

 

“ความวิบัติจะเป็นของพวกเจ้า โอ้พรรคพวกของอะบูซุฟยานเอ๋ยถึงแม้พวกเจ้าจะไม่มีศาสนาและไม่กลัวการคืนกลับสู่ปรโลกก็ตามทีเถิด ก็จงเป็นเสรีชนในโลกนี้และย้อนคืนกลับสู่ชาติวงศ์ของพวกเจ้า ถ้าพวกเจ้าเป็นชาวอาหรับจริงเหมือนดังที่อ้าง”

 

ชิมรฺขานตอบว่า

 

 “ท่านพูดอะไรหรือ โอ้บุตรของฟาฎิมะฮฺ? ”

 

ท่านอิมาม (อฺ) กล่าวว่า

 

“ข้าคือผู้ที่ต่อสู้กับพวกเจ้า บรรดาสตรีมิได้มีความผิดอันใด เจ้าจงหยุดยั้งจากการลบหลู่ของหวงของข้าเสีย ตราบใดที่ข้ายังมีชีวิตอยู่ ”

 

 ชิมรฺ ตอบว่า

 

“สมควรแล้ว”

 

แล้วเขาก็ออกคำสั่งให้ทหารจากทุกทิศ แยกย้ายกันออกเป็นกลุ่มย่อยรวมทั้ง 4 ทิศ พวกหนึ่งที่อยู่กับท่านอิมาม(อฺ)ล้วนแต่ถือดาบ อีกพวกที่อยู่ห่างออกไปรอบๆ ท่าน(อฺ)ล้วนแต่ถือหอก ส่วนอีกพวกหนึ่งเป็นทหารกล้าตาย

 

ทหารของศัตรูโอบล้อมเข้ามาถึงตัวท่าน(อฺ)ซึ่งท่าน(อฺ)ก็สู้อย่างสุดฤทธิ์ไม่หวากหวั่นพรั่นพรึงแม้แต่น้อย มีความกล้าหาญชาญชัยอย่างไม่มีใคร เสมอเสมือน

 

อับดุลลอฮฺ บินอัมมาร บินยะมูษ ได้กล่าวว่า

 

“ขอสาบานด้วยพระนามของอัลลอฮ์ว่า ฉันไม่เคยเห็นความอ่อนแอของเขา(หมายถึงท่านอิมาม)เลย ลูกของเขาและสมาชิกครอบครัวของเขาตลอดจนพรรคพวกเขาถูกสังหารจนสิ้น แต่เขายังอดทนอย่างเหนียวแน่นไม่เผลอไผลไม่ประหวั่นพรั่นพรึงกับศัตรู มีคนหลายคนบุกเข้าไปหาเขาแต่เขากล้าแกร่งยิ่งกว่าคนเหล่านั้น เขาฟาดฟันด้วยดาบจนพวกเขาแตกกระเจิงราวกับฝูงลูกแกะที่เผ่นหนีจากสุนัขป่า เขาสามารถเข้าไปต่อกรกับคนในคราวเดียวกัน ได้ถึง 30,000 คน จนเขาเหล่าล้มตายไปกับมือของเขาเหมือนฝูงตั๊กแตนที่กระจัดกระจาย ต่อจากนั้นเขาย้อนกลับไปยังที่พักของเขาพลางกล่าวว่า ไม่มีพลังใด ๆ นอกจากโดยอัลลอฮฺผู้ทรงสูงสุด ผู้ทรงยิ่งใหญ่”

 

ต่อจากนั้นท่าน (อ) รีบรุดมุ่งไปยังทางที่จะไปแม่น้ำอัล-ฟุรอต โดยมี อัมรว์ บินฮัจญาจ พร้อมด้วยทหารจำนวน 4,000 คนวางกำลังสกัดกั้นอยู่คนเหล่านั้นเข้ามาล้อมท่าน(อฺ)อย่างกระชั้นชิดแต่ท่าน(อฺ)ก็สามารถแหวกพวกเขามาจนพ้นและให้ม้าได้ดื่มน้า ครั้นเมื่อท่าน(อฺ)ยื่นมืออกไปเพื่อที่จะกวักน้ำมาดื่ม พลันก็มีเสียงชายคนหนึ่งตะโกนว่า

 

“ท่านยังอยากจะลิ้มรสน้ำอยู่อีกหรือ ของหวง (หมายถึงเด็กและสตรี)ของเจ้ายับเยินป่นปี้หมดแล้ว”

 

ท่าน(อฺ)ถึงกับทิ้งน้ำโดยไม่ยอมดื่ม แล้วมุ่งหน้าไปที่กระโจม ประกฎว่าทุกคนยังอยู่กันสบายดี

 

ท่านอิมามฮุเซน (อ.)กลับกระโจมที่พัก

ท่านอิมาม (อ.) ได้หวนกลับมาหาครอบครัวเพื่อทำการอำลาเป็นคำรบสองพร้อมกับสภาพที่ได้รับบาดเจ็บ พลางกล่าวว่า

 

“พวกเจ้าจงเตรียมตัวเผชิญกับการทดสอบอันใหญ่หลวงและจงรับรู้ไว้ว่า อัลลอฮฺจะทรงคุ้มครองพวกเจ้า ปกปักรักษาพวกเจ้า และช่วยให้พวกเจ้าปลอกภัยพ้นจากจากความชั่วร้ายของเหล่าศัตรู และจะทรงบันดาลให้บั้นปลายของพวกเจ้าเป็นไปด้วยความดีงาม และจะทรงลงโทษ ศัตรูของพวกเจ้าด้วยวิธีการต่างๆและจะทรงบันดาลให้ความสูญเสียในคราวนี้เป็นความโปรดปรานและเกียรติ์คุณด้วยประการต่างๆแก่พวกเจ้าดังนั้น จงอย่าอุทธรณ์และจงอย่าให้ลิ้นของพวกเจ้าพูดอะไรออกมาที่เป็นการบั่นทอนจนสุดความสามารถของพวกเจ้า”

 

ต่อจากนั้น ท่าน(อ)ได้หันหน้าไปทางท่านหญิงซะกีนะฮฺ บุตรีคนหนึ่งของท่าน(อ)ซึ่งท่าน(อฺ)ยังเห็นว่าเธอยังเป็นเด็กที่อ่อนแอเยาว์กว่าผู้หญิงคนอื่นๆที่ร้องให้คร่ำครวญอยู่ ท่าน(อ)หยุดยืนใกล้เธอด้วยความปวดร้าวทรมาน

 

ฝ่ายอุมัร บินซะอัด ได้หันกลับมายังทหารของตนแล้วกล่าวว่า

 

“พวกเจ้าจะพินาศกันแล้ว จงรีบบุกจู่โจมเข้าไปหาเขาในทันทีที่เขายุ่งอยู่กับตัวเองและบรรดาครอบครัวของเขา ขอสาบานด้วยพระนามของอัลลอฮฺว่าถ้าพวกเจ้าขืนชักช้าพวกเจ้าอาจจะพลาดโอกาสที่อำนวยให้แก่พวกเจ้าในการสังหารเขา”

 

ดังนั้นพวกทหารฝ่ายศัตรูจึงบุกเข้าไปยิงท่าน(อฺ)ด้วยธนูจนกระทั่งดอกธนู จนกระทั่งดอกธนูพลาดไปถูกฝากระโจมและปลายธนูบางดอกก็เสียบไปทีผ้าของบรรดาสตรี จนพวกเธอพากันหวีดร้องด้วยตื่นตระหนกแล้วเข้าไปในกระโจมเพื่อจะคอยดูว่าท่านอิมามฮุเซน(อฺ)จะแก้ไขสถานการณ์อย่างไร

 

ปรากฏว่าอิมามฮุเซน (อฺ) บุกออกไปหาคนเหล่านั้นด้วยความโกรธจัดจนกระทั่งพวกเขาแตกกระเจิง ดอกธนูพุ่งมาหาท่าน(อ)ทุกทิศจากนั้นท่านก็กลับไปยังที่พักอีก พลางกล่าวรำพันหลายครั้งว่า  

 

“ไม่มีพลังใดๆและไม่มีอำนาจใดๆนอกจากโดยอัลลอฮฺ ผู้ทรงสูงสุดผู้ทรงยิ่งใหญ่”

 

ความฮึกเหิมของทหารฝ่ายศัตรู

ท่านอิมามฮุเซน(อ) ยืนหยุดพักยังบริเวณที่พักบัดนี้ท่าน(อ)เริ่มอ่อนเพลียกับการสู้รบเหลือเกินแล้วเลือดในตัวนั้นเล่นก็ไหลรินออกมาไม่หยุดในยามนั้นท่าน(อ)ได้ขอน้ำดื่มสักครั้งหนึ่ง

 

แต่ชิมรฺกล่าวว่า

 

“ท่านจะมิได้ลิ้มรสของมันจนกว่าจะถูกนำสู่กองไฟ”

 

เสียงอีกคนหนึ่งร้องขึ้นว่า

 

“ฮุเซนเอ๋ย ท่านดูที่แม่น้ำอัล-ฟุรอตซิ มันมามากมายท่วมท้นอย่างไรถึงกระนั้นท่านก็มิได้ดื่มมันหรอกจนกว่าจะตายไปเพราะความกระหาย”

 

 ท่านอิมามฮุเซน(อฺ) กล่าวตอบเขาว่า

 

“ข้าฯแต่อัลลอฮฺ ขอให้เขาตายด้วยความกระหาย”

 

อะบูลฮะตูฟได้ยิงธนูถูกตรงหน้าผากของท่าน(อ)ท่าน(อ)ดึงมันออกมาทันที ปรากฎว่ามีเลือดไหลอาบทั่วใบหน้า ท่าน(อ)กล่าวว่า

 

“ข้าฯแต่อัลลอฮ์ แน่นอนพระองค์ทรงประจักษ์ถึงสิ่งที่ข้าได้รับมาจากบ่าวผู้ทรยศของพระองค์แล้วข้าฯแต่อัลลอฮ์ ขอได้โปรดคิดคำนวณพวกเขาไว้ในหน้าแผ่นดินแม้แต่คนเดียว และอย่าได้ทรงอภัยโทษให้แก่พวกเขาเลยอย่างเด็ดขาด”

 

แล้วท่าน(อ)ได้ตะโกนออกไปด้วยเสียงอันดังว่า

 

 “ ประชาชาติที่เลวร้ายที่สุดเอ๋ย พวกเจ้าทำความผิดพลาดกับมุฮัมมัด(ศ)ในเรื่องเชื้อสายของเขาเสียแล้ว ต่อไปนี้ไม่ว่าพวกเจ้าจะรบกับใครพวกเจ้าจะมีแต่ความหวาดกลัวต่อเขาและจะยิ่งเพิ่มความต่ำต้อยให้แก่พวกเจ้ามากยิ่งขึ้น ในเมื่อพวกเจ้าสังหารข้า ขอสาบานด้วยพระนามของอัลลอฮฺว่าอัลลอฮ์(ซ.บ.)ทรงให้การยกย่องข้าด้วยฐานะของผู้พลีชีพเพื่ออิสลาม ต่อจากนั้นพระองค์จะทรงแก้แค้นพวกเจ้าเพื่อข้า โดยที่พวกเจ้าไม่รู้ตัว”

 

อัล-ฮุศ็อยนฺได้กล่าวว่า

 

“ พระองค์จะทรงแก้แค้นเพื่อท่านอย่างไรกันโอ้บุตร ฟาฎิมะฮ์”

 

ท่านอิมาม(อ)ตอบว่า

 

“พระองค์จะทรงให้ความเลวร้ายมาประสบแก่พวกเจ้าและจะทรงบันดาลให้การนองเลือดมีขึ้นในหมู่พวกเจ้า ต่อจากนั้นพระองค์จะทรงกระหน่ำการลงโทษแก่พวกเจ้าอย่างหนักหน่วงที่สุด”

 

เป็นที่แน่นอนว่า ในขณะที่ชายคนหนึ่งขว้างท่าน(อฺ)ด้วยก้อนหินไปที่บริเวณหน้าผากของท่าน(อ)นั้นหยาดเลือดไหลลงอาบบนใบหน้าท่าน(อ)จึงยกชายผ้าขึ้นเช็ดเลือดมิให้เข้านัยน์ตา จังหวะนั้นเองอีกคนหนึ่งก็ยิงธนูอันคมกริบเข้าใส่ แล้วอีกดอกหนึ่งต้องตรงที่หัวใจของท่าน(อ)พอดีท่าน(อ)กล่าวว่า

 

“ด้วยพระนามของอัลลอฮฺและโดยอัลลอฮฺ ด้วยกับศาสนาของศาสนทูตแห่งอัลลอฮฺ(ศ)” ท่าน(อฺ)แหงนหน้าขึ้นสู่ฟากฟ้าแล้วกล่าวว่า

 

 “ข้าฯแต่อัลลอฮฺ พระองค์ทรงรู้ว่าเขาเหล่านั้นฆ่าๆคนหนึ่งที่ไม่มีใครอีกแล้ว ในหน้าแผ่นดินนี้จะเป็นบุตรของนบี นอกจากเขาเท่านั้น”

 

แล้วท่านก็ดึงธนูออกจากทรวงอกของท่าน(อฺ)ปรากฏว่าหยาดเลือดไหลนองหยาดเยิ้ม

 

ท่านอิมามฮุเซน(อฺ) วางมือลงใต้แผลจนกระทั่งมือของท่าน(อฺ)ขว้างมันขึ้นไปเบื้องบนแล้วกล่าวว่า

 

 “มันเป็นของเล็กน้อยสำหรับข้ายิ่งนัก ในเมื่อมันบังเกิดขึ้นต่อการรับรู้ของอัลลอฮฺแล้ว”จากนั้นท่าน(อฺ)วางลงไปที่เดิมเป็นครั้งที่สองครั้นเมื่อเต็มมืออีกท่านก็เอามาละเลงบนศีรษะ ใบหน้าเคราแล้วกล่าวว่า

 

“นี้คือการเข้าพบกับอัลลอฮฺและท่านตาของข้า และข้าผู้ถูกละเลงด้วยเลือดของข้า ข้าจะกล่าวว่า ข้าแต่ท่านตา ชายคนนั้นได้สังหารข้า”

 

 ในขณะที่ท่าน(อ)กำลังกุมบาดแผลอยู่นั้น ศอลิฮ์ บินวะฮับ ก็เข้ามาแทงท่าน(อ)ที่บั้นสะเอวจนท่าน(อ)ตกจากหลังม้าลงสู่พื้นดินในสภาพแก้มขวาแนบลงบนกับพื้น ท่าน(อ)กล่าวว่า

 

 “ด้วยพระนามของอัลลอฮฺและโดยอัลลอฮฺด้วยกับกับศาสนาของท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮฺ(ศ)”

 

ต่อจากนั้นท่าน(อ)ยังสามารถลุกขึ้นมานั่งได้ในท่าคอตก โดยที่เลือดยังไหลเยิ้มไม่หยุดหย่อน มาลิก บินนะซัร มุ่งตรงเข้ามาพลางด่าหยาบคายแล้วฟันด้วยดาบลงไปที่ศีรษะ ปรากฏว่าผ้าโพกหัวที่ท่าน(อ)สวมปิดศีรษะเต็มไปด้วยเลือดอีกเช่นกัน ท่าน(อ)จึงดึงออกแล้วโพกด้วยผ้าโพกศีรษะธรรมดา พลางกล่าวว่า

“แล้วเจ้าจะไม่ได้กิน ไม่ได้ดื่มด้วยน้ำมือของเจ้าอีกและอัลลอฮฺจะทรงรวมเจ้าไว้กับพวกอธรรม”

 

ท่านมุฮัมมัดและท่านอับดุลลอฮฺถูกสังหาร

ในช่วงเวลาที่ท่านอิมามฮุเซน(อฺ) อยู่ในสภาพดังกล่าวนี้ ท่าน มุฮัมมัด บินอะบี ซะอีด บิน อะกีล อิบนิ อะบีฎอลิบ ได้ออกมาจากกระโจม ขณะนั้นเขามีอายุเพียง 7 ขวบเขาสวมเสื้อยาวและนุ่งผ้าผืนหนึ่งออกมา ที่หูของเขามีต่างหูอยู่ทั้งสองข้าง ที่มือกำลังถือไม้อยู่อันหนึ่ง เขาถูกตะโกนเรียกให้กลับไป แล้วเหลียวซ้ายแลขวา ปรากฏว่าฮานี บินซะบีต อัล-ฮัฎร่อมีพุ่งตรงเข้ามาหาเขาแล้วแย่งสิ่งของติดตัวของเขาไป จากนั้นก็เงื้อดาบเข้าฟันเขาทันที มารดาของเขามองดูอยู่ด้วยความตระหนกตกใจสุดขีด

ท่านอับดุลลอฮฺ บินฮะซัน บิน อะมีรุลมุอ์มินีน(อ)ซึ่งขณะนั้นมีอายุเพียง 11 ปี ได้มองไปยังท่านอิมามฮุเซน(อฺ)ผู้เป็นอาที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการทำร้ายของฝ่ายศัตรู เขารีบวิ่งออกไปหาอย่างรวดเร็ว ท่านหญิงซัยนับ(อฺ)พยายามจะกักขังเขาไว้แต่เขาปฎิเสธ ท่านอิมามฮุเซน(อฺ)จึงกล่าวแก่ท่านหญิงว่า

“จับตัวเขาไว้เถิดน้อง”

 

ซึ่งเขาก็ขัดขืนอย่างเต็มที่ แล้วกล่าวว่า

 

“ขอสาบานด้วยพระนามของอัลลอฮฺ ข้าไม่ยอมพรากจากอาของข้า”

 

ขณะนั้นบะฮัร บินกะอับได้เข้ามาใช้ดาบจะฟันท่านอิมาม(อฺ)อีกเด็กน้อยกล่าวขึ้นว่า

 

 “ขอให้ความวิบัติพึงมีแก่เจ้าเถิด โอ้ลูกของคนสกปรก เจ้าจะฆ่าอาของข้าเหรอ ? ”

 

ทันใดนั้นบะฮัรใช้สันดาปฟาดเข้าตรงตัวของท่าน(อ)แต่เด็กน้อยเอามือเข้าไปรับไว้ ปรากฏว่าดาบได้เฉือนเข้าที่ข้อมือ เด็กน้อยอับดุลลอฮ์ร้องตะโกนว่า

 “ข้าแต่ท่านอา”

 ท่านอิมามฮุเซน(อฺ)ได้เข้าไปรับเขามากอด ท่าน (อ)กล่าวว่า

“บุตรของพี่ชายข้าเอ๋ย เจ้าจงอดทนกับสิ่งที่ประสบลงแก่ข้า และจงถือเสียว่ามันคือสิ่งดี แท้จริงอัลลอฮ์(ซ.บ.)จะทรงนำเจ้าให้ไปพบกับบรรพบุรุษของเจ้าคือผู้ทรงอธรรม”

 

 ต่อจากนั้น ท่านอิมามฮุเซน(อ)ได้ยกมือขึ้นสู่ฟากฟ้าแล้วกล่าวว่า

 

 “ข้าฯแต่อัลลอฮฺ แท้จริงพระองค์ทำให้พวกเขาได้รับความสุขชั่วคราวจากนั้นจะทรงบันดาลให้พวกเขาได้ประสบกับความต่ำต้อย และอย่าได้ทรงพอพระทัยต่อพวกเขาเลยเด็ดขาด แท้จริงพวกเขาเรียกเราให้มาเพื่อช่วยเหลือเราแต่แล้วกลับมาเป็นศัตรูกับเราแล้วเข่นฆ่าเรา”

 

ฮัรมะละฮฺ บินกาฮิล ได้ยิงธนูมาที่ตัวของท่านอับดุลลอฮฺเด็กน้อยปรากฏว่าเขาต้องจากโลกนี้ไปบนตักของผู้เป็นอานั่นเอง

 

การบุกโจมตีท่านอิมามฮุเซน (อ)

ท่านอิมามฮุเซน(อ)ยังคงถูกทอดทิ้งให้ทรมานอยู่อย่างนั้นต่อไปอีกซึ่งถ้าหากพวกเขาต้องการจะสังหารท่าน(อฺ)ให้เสร็จสิ้นเสียเลย พวกเขาก็ย่อมกระทำได้แล้ว เพียงแต่ว่าทหารแต่ละกลุ่มเกี่ยงงอนกันเองไม่มีใครอยากบุกเข้ามา ชิมรฺตะโกนอย่างคึกคะนองว่า

 

“ทำไมพวกเจ้าจึงหยุดกันเสียแล้ว พวกเจ้ามองไม่เห็นหรือว่าชายคนนั้นโดนทั้งธนูและหอกจนพรุนไปหมดแล้ว จงเข้าไปจัดการเสียแร้วๆ”

 

ซัรอะฮฺ บินชะรีก ได้เข้าไปฟันท่าน(อฺ)ตรงไหล่ซ้าย ส่วนฮุศ็อยนฺได้ยิงธนูเข้าตรงคอ ส่วนอีกคนหนึ่งก็เข้าไปฟันตรงซอกคอ ซินาน บินอะนัส ได้แทงที่คอเช่นกัน ต่อจากนั้นเขาก็ยิงธนูเข้าตรงคอ

 

ฮิลาล บินนาฟิอฺ ได้กล่าวว่า

 

ฉันได้ยืนใกล้ตัวของท่านฮุเซน(อ)ขณะนั้น ท่าน(อ)มีกำลังใจดีมากขอสาบานด้วยพระนามของอัลลอฮฺว่า ฉันไม่เคยเห็นคนที่ถูกสังหารคนใดมีหยาดเลือดไหลชโลมลงตัวได้งดงามเท่ากับท่าน(อ)ฉันถึงกับตะลึงเพราะความงามของรัศมีที่ฉาบบนใบหน้าของเขา และความมีราศีที่งดงามจนลืมนึกถึงการที่จะฆ่า ฉันจึงเอาน้ำเข้าไปให้เขาดื่มในช่วงนั้น ปรากฏว่าท่าน(อ)ไม่ยอมดื่ม แล้วมีชายคนหนึ่งกล่าวกับท่านว่า

 

“เจ้าจะไม่ได้ลิ้มรสชาติของน้ำ จนกว่าจะได้ลิ้มรสของไฟเสียก่อนเพราะเจ้าจะต้องดื่มน้ำที่เดือดพล่าน”

 

ท่านอิมามฮุเซน(อฺ)ได้กล่าวกับเขาว่า

 

“ข้านะหรือจะพบกับไฟนรก ไม่หรอกแต่ข้าต้องอยู่กับท่านตาของข้าผู้เป็นศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์(ศ)และต้องการจะอยู่กับท่าน(ศ)ในสถานที่พำนักของท่าน(ศ)อันเป็นสถานพำนักแห่งสัจจะใกล้กับมวลมะลาอิกะฮฺผู้มีความสามารถ และข้าจะฟ้องท่าน(ศ)ถึงพฤติกรรมของพวกเจ้าที่ทำต่อข้า แล้วพวกเขาจะโกรธแค้นด้วยกันทั้งหมด จนกระทั่งว่าอัลลอฮ์(ซ.บ.)จะไม่บันดาลให้ความเมตตาใดๆหลงเหลืออยู่ในหัวใจของพวกเขาเลย”

 

คำวิงวอนของท่านอิมามฮุเซน(อฺ)

เมื่ออาการยิ่งรุนแรงมากขึ้น ท่านอิมาม(อ)ลืมตาขึ้นมองฟากฟ้าแล้วกล่าวว่า

 

“ข้าฯแต่อัลลอฮ์ ผู้ทรงดำรงอยู่ในฐานภาพที่สูงสุดยิ่ง ทรงเป็นผู้มีอำนาจยิ่งใหญ่เกรียงไกร ทรงมีการบันดาลด้วยพลังอันเข้มแข็งทรงมั่งคั่งเหนือมวลสรรพสิ่งโดยความยิ่งใหญ่เกรียงไกร ทรงมีเดชาสามารถตามที่ทรงประสงค์ ทรงให้ความเมตตาอย่างใกล้ชิด ทรงมีสัจจะในสัญญา ทรงประทานให้ซึ่งความโปรดปราน ทรงให้การทดสอบเป็นความดี พระองค์ทรงใกล้ชิดในยามถูกวิงวอน ทรงมีเดชาสามารถในสิ่งที่ประสงค์ ทรงได้มาในสิ่งที่ทรงต้องการ ทรงให้การยกย่องเมื่อได้รับการขอบคุณ ทรงรำลึกเมื่อได้รับการรำลึกข้าฯขอวิงวอนต่อพระองค์เยี่ยงคนที่มีความต้องการและคนแร้นแค้นที่ประสงค์ยังพระองค์ ข้าฯหวาดหวั่นกลัวเกรงพระองค์ ข้าฯร้องไห้อย่างทรมาน ข้าฯขอความช่วยเหลือจากพระองค์เยี่ยงคนอ่อนแอ ข้าฯมอบหมายตัวเองยังพระองค์ ข้าแต่อัลลอฮฺขอได้โปรดพิพากษาเรื่องระหว่างเรากับพวกของเรา แท้จริงพวกเขาหลอกลวงและฆ่าเรา หลอกหลอนเราแล้วทำลายเรา เราคือเชื้อสายแห่งนบีของพระองค์(ซ.บ.)เป็นบุตรของมุฮัมมัด(ศ)ผู้เป็นที่รักยิ่งของพระองค์ พระองค์ทรงเลือกเขามาให้เป็นผู้เผยแผ่สาส์นของพระองค์ และทรงประทานแก่เขาซึ่งสภาวะแห่งการรับวะฮฺยู ขอได้โปรดบันดาลให้เรามีทางออก และปลอดภัยด้วยเถิดข้าฯแต่พระผู้ทรงเมตตาเหนือผู้มีความเมตตาใดๆ ข้ายอมอดทนตามกฎเกณฑ์ของพระองค์ ข้าฯแต่ผู้ทรงประทานความช่วยเหลือ โดยไม่ทรงขอความช่วยเหลือจากใคร ข้าฯแต่ผู้ดำรงอยู่อย่างนิรันดร์ ซึ่งไม่มีการสูญสลายสำหรับพระองค์ ข้าฯแต่ผู้ทรงประทานชีวิตให้แก่ผู้ตาย ข้าแต่ผู้ทรงบันดาลให้ทุกชีวิตดำรงอยู่กับสิ่งที่ตนประกอบไว้ ขอให้โปรดพิพากษาระหว่างข้าฯกับพวกเขาด้วยเถิด พระองค์คือผู้ทรงให้การตัดสินที่ประเสริฐกว่าปวงผู้ให้การตัดสินใด ๆ”

 

วามุฮัมมะดาฮ์ (โอ้ท่านศาสดามุฮัมมัด)

 

ท่านอิมามฮุเซน(อ)โดนอาวุธแน่นิ่งอยู่กับพื้นดิน ท่าน(อ)ได้อาศัยฝุ่นดินทำเป็นหมอนหนุนนอน เจ้าม้าแสนรู้ของท่าน(อ)ตัวนั้นก็วนเวียนท่าน(อ)ไปรอยๆ ไม่ยอมออกห่าง

 

อิบนุซะอัดร้องตะโกนว่า

 

“ม้าจะทำร้ายพวกเจ้า มันคือม้าตัวโปรดของท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ (ศ.)”

 

ดังนั้นพวกเขา จึงโอบล้อมม้าศึกตัวนั้นทันที แล้วเขาก็พุ่งหอกเข้าแทงที่เท้าทั้งสองของมัน มันจึงเหยียบพวกทหารไปหลายคน

 

อิบนุซะอัดกล่าวว่า

 

“ปล่อยมันก่อน เราจะดูว่า มันจะทำอะไรเมื่อมันไม่ถูกรบกวนแล้ว”

 

แล้วมันก็เข้ามาหาท่านอิมามฮุเซน (อ) พร้อมกับเอาศีรษะของมันคลุกเลือดและส่งเสียงร้องก้องกังวาน ต่อจากนั้นมันก็รีบมุ่งไปยังกระโจมพร้อมกับส่งเสียงร้อง เมื่อบรรดากลุ่มสตรีได้แลเห็นร่างของท่านผู้ประเสริฐถูกย่ำยีหยาดเลือดชโลมไล้บนเรือนกาย พวกนางจึงออกมาจากที่พัก เส้นผมสยายฉาบลงบนพวงแก้ม เปิดใบหน้าออกด้วยความตื่นตะลึง ร้องเรียกตะโกนคนในครอบครัวเหมือนเป็นคนไร้เกียรติ์ที่ต่ำต้อยต่างวิ่งกรูไปหาท่านอิมาม(อ)

 

ท่านหญิงอุมมุกุลษูม (ร.ฏ.)ร้องขึ้นว่า

 

“วา...ญัดดาฮ์(โอ้ทวดของข้า)

 

วา...มุฮัมมะดาฮ์(โอ้ ท่านศาสดามุฮัมมัดของข้า)

 

วา...อะบะตาฮ์ (โอ้ บิดามารดาข้า)

 

วา...อะลียาฮฺ(โอ้ อะลีของข้า)

 

วา...ญะอฺฟะรอฮ์ (โอ้ ญะอฺฟัรของข้า)

 

วา...ฮัมซะตาฮ์ (โอ้ ฮัมซะฮฺของข้า)

 

วา...ฮะซะนาฮ์ (โอ้ ฮะซันของข้า)นี่คือฮุเซนผู้ถูกสังหารโดนอาวุธที่ดินแดนกัรบาละอ์ ศีรษะขาดจากคอ ผ้าโพกศีรษะและเสื้อถูกทำลายยับเยิน”

 

ท่านหญิงซัยนับ(อฺ)ร้องอีกว่า

 

“วา...อะคอฮ์ (โอ้ พี่ชายของข้า)

 

วา... อะฮฺละบัยตาฮ์ (โอ้อะฮฺลุลบัยตฺของข้า)

 

ฟ้าจะต้องไม่ร่วงลงสู่ดิน ภูเขาจะต้องไม่สั่นไหวพังทลายได้ง่ายๆ”

 

ต่อจากนั้นท่านหญิง(อ)รีบวิ่งไปจนถึงท่านอิมามฮุเซน(อ)ซึ่งกำลังพยุงร่างตัวเองอยู่ ขณะนั้นทหารรีบรุกเข้ามารุมล้อมขัดขวาง อิบนุซะอัดคือคนหนึ่งในจำนวนนั้น

 

ท่านหญิง(อ)ตะคอกด้วยเสียงดังว่า  “เจ้าอุมัร ! ท่านอะบาอับดิลลาฮฺถูกฆ่า เจ้ายังมองดูอยู่อย่างนี้หรือ ? ”

 

อุมัร อิบนุซะอัดรีบเบือนหน้าหลบจากท่านหญิง(อ)ไปด้วยอาการร้องไห้จนน้ำตานองหน้าหลังจากนั้นท่านหญิง(อ)ได้ร้องขอขึ้นว่า

 

“ในหมู่พวกเจ้ามีมุสลิมสักคนไหม?”

 

เงียบ ไม่มีใครตอบท่านหญิง(อ) แม้คนเดียว

 

อิบนุซะอัด ร้องเรียกคนทั้งหลายว่า

 

“พวกเจ้าจงรีบจัดการสำเร็จโทษเขาเสียเถิด”

 

ปรากฏว่า เคาลา บินยะซีด  อัศบะฮี ได้พุ้งตรงเข้ามาหมายจะเชือดคอท่านอิมามฮุเซน(อ)เข้าไปจับศีรษะอันบริสุทธิ์แล้วฟันลงไปมือทั้งสองของท่านอิมาม(อฺ)ทันใดนั้น ชิมรฺ ก็รีบพุ่งตัวเข้าไปเหยียบที่เท้าของท่าน(อ)แล้วขึ้นไปนั่งทับอกของท่าน(อฺ)มันใช้มือจับเข้าที่เคราอันบริสุทธิ์ของท่านอิมามฮุเซน(อฺ)แล้วฟันดาบลงไป 12 ครั้ง จนศีรษะอันทรงเกียรติ์ของท่าน(อฺ)ขาดออกจากคอในทันที

  อินนาลิ้ลลาฮฺวะอินนาอิลัยฮิรอญิอูน

 

ขอขอบคุณเว็บไซต์ทีวีชีอะฮ์

0
0% (نفر 0)
 
نظر شما در مورد این مطلب ؟
 
امتیاز شما به این مطلب ؟
اشتراک گذاری در شبکه های اجتماعی:

latest article

ศาสดาและวงศ์วานผู้ทรงเกียรติ
ถ้าหากท่านอิมามฮุซัยนฺ (อ.) ...
สถานภาพสตรีในอิสลาม
วันอีดกุรบาน ...
ยะกีนมีกี่ระดับ?
การปฏิบัติตามหน้าที่ในกัรบะลา ...
...
อิคลาศ(ความบริสุทธิ์ใจ)ในอิสลาม
ความยุติธรรมของพระผู้เป็นเจ้า ...
...

 
user comment