ไทยแลนด์
Friday 15th of November 2024
0
نفر 0

มนุษย์ในมุมมองของกุรอาน

มนุษย์ในมุมมองของกุรอาน

 


มนุษย์ในมุมมองของอิสลามนั้นถือเป็นเรื่องราวที่น่าพิศวงยิ่ง มนุษย์ในมุมมองของอิสลามไม่ได้หมายถึง สัตว์ที่สามารถยืนตัวตรง เดินด้วยสองเท้าและมีความสามารถที่จะพูดคุยสนทนา แต่มนุษย์ในมุมมองของกุรอานนั้นคือ สิ่งที่มีความสลับซับซ้อนเร้นลับ โดยไม่อาจที่จะให้นิยามเพียงไม่กี่คำได้


 อัลกุรอานได้ยกย่องและสดุดีมนุษย์ แต่ในขณะเดียวกันก็ประณามและเหยียดหยามไว้ด้วยเช่นกัน คำสดุดีที่สูงส่งที่สุดกับคำประณามที่รุนแรงที่สุดที่ปรากฏอยู่ในอัล-กุรอานนั้นได้ถูกกล่าวกับมนุษย์ อัล-กุรอานถือว่ามนุษย์ยิ่งใหญ่กว่าทุกสิ่งทุกอย่างไม่ว่าจะเป็น ฟากฟ้า  ผืนดิน ตลอดจนมวลมะลาอิกะฮ์และมนุษย์ อีกเช่นกันที่เลวร้ายยิ่งกว่าปีศาจและเดรัจฉาน ในมุมมองของอัล-กุรอานมนุษย์มีศักยภาพที่จะควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ได้ และก็สามารถที่จะทำตัวเองตกต่ำจนไร้สมรรถภาพได้เช่นกัน คือ มนุษย์เองต่างหากที่กำหนดชะตาชีวิตพร้อมกับตัดสินใจเกี่ยวกับอนาคตของตนเองได้


ฉะนั้น เราขอเริ่มโดยการนำเสนอโองการต่างๆในอัล-กุรอานที่กล่าวยกย่องสดุดีมนุษย์ก่อน โดยจะใช้หัวข้อว่า”คุณค่าแห่งความเป็นมนุษย์”

 

คุณค่าแห่งความเป็นมนุษย์

 

1.มนุษย์ผู้เป็นตัวแทนของพระเจ้าบนหน้าแผ่นดิน

 

“และจงรำลึกถึงขณะที่องค์อภิบาลของเจ้าได้กล่าวแก่มะลาอิกะฮ์ แท้จริงข้าจะให้มีผู้แทนคนหนึ่งในพิภพ มะลาอิกะฮฺได้พากันกล่าวว่า พระองค์จะบันดาลให้ผู้ที่บ่อนทำลายและก่อการนองเลือดเกิดขึ้นในพิภพนี้ด้วยหรือ ขณะที่พวกเราได้ทำการสรรเสริญพระองค์ อีกทั้งเทิดทูนความบริสุทธิ์ของพระองค์ พระองค์ได้ตรัสว่า แท้จริงข้ารู้ในสิ่งที่พวกเจ้าไม่รู้” (บะเกาะเราะฮฺ/30)

 

“และพระองค์ได้ให้พวกเจ้าเป็นตัวแทนในหน้าแผ่นดิน และได้ยกย่องบางคนของพวกเจ้าเหนือกว่าอีกบางคนหลายขั้น เพื่อพระองค์จะทดสอบพวกเจ้าในสิ่งที่พระองค์ประทานแก่พวกเจ้า” (อันอาม/165)

 

2.มนุษย์มีภาชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในการรองรับความรู้จากพระเจ้า

 

 “และพระองค์ได้ทรงสอนบรรดานามทั้งปวงของพระองค์แก่อาดัม ภายหลังได้ทรงแสดงสิ่งเหล่านั้นแก่มะลาอิกะฮฺ แล้วตรัสว่า จงบอกชื่อของสิ่งเหล่านี้แก่ข้า หากพวกเจ้าเป็นผู้สัตย์จริง - พวกเขากล่าวว่า พระองค์ทรงมหาบริสุทธิ์ยิ่ง เราไม่มีความรู้ใดๆนอกจากสิ่งที่พระองค์ทรงสอนแก่พวกเรา แท้จริงพระองค์ทรงรอบรู้ ทรงปรีชาญาณ - พระองค์ทรงตัดว่า โอ้ อาดัม จงบอกบรรดาชื่อของสิ่งเหล่านั้นแก่พวกเขา ครั้นเมื่ออาดัมได้บอกชื่อของสิ่งเหล่านั้น พระองค์จึงตรัสว่า ข้าไม่ได้บอกแก่พวกเจ้าหรือว่า แท้จริงข้าเป็นผู้รู้ความเร้นลับแห่งฟากฟ้าและแผ่นดิน และข้ารู้ในสิ่งที่พวกเจ้าเปิดเผยและสิ่งที่พวกเจ้าปกปิด” (ซูเราะฮ์อัลบะเกาะเราะฮ์/31-33)

 

3. มนุษย์มีธรรมชาติดั้งเดิมที่รู้จักพระเจ้า ซึ่งรับรู้ได้โดยสามัญสำนึก แต่ในขณะเดียวกันก็พร้อมออกจากธรรมชาติดั้งเดิมของเขาด้วยการปฏิเสธความสงสัยและการหลงผิด

 

“และจงรำลึกขณะที่พระเจ้าของเจ้าได้นำเอาลูกหลานของอาดัม ออกจากสันหลังของพวกเขาและให้พวกเขายืนยันแก่ตัวของเขาเอง (โดยตอบคำถามที่ว่า) ข้ามิใช่พระเจ้าของพวกเจ้าดอกหรือ? พวกเขากล่าวว่าใช่ ขอรับ พวกข้าพระองค์ขอยืนยัน (มิฉะนั้น)พวกเจ้าจะกล่าวในวันกิยามะฮ์ว่า แท้จริงพวกข้าพระองค์ไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับเรื่องนี้” (ซูเราะฮ์อัล- อะอ์รอฟ/172)

 

ดังนั้น จงผินหน้าของเจ้าเพื่อศาสนาอันเที่ยงธรรม ก่อนที่วันหนึ่งของอัลลอฮ์จะมาถึง ซึ่งไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้ วันนั้นพวกเขาจะแตกแยกกัน  (ซูเราะฮ์อัร- โรม/43)

 

4. แก่นแท้ของมนุษย์นอกเหนือจากองค์ประกอบของความเป็นวัตถุ แต่ในขณะเดียวกันก็มีองค์ประกอบทางจิตวิญญาณอันสูงส่ง

 

 ผู้ทรงทำให้ทุกสิ่งที่พระองค์ทรงสร้างเป็นสิ่งที่ดีงาม  และพระองค์ทรงเริ่มการสร้างมนุษย์จากดิน  แล้วทรงให้การสืบตระกูล ของมนุษย์มาจากน้ำ (อสุจิ) อันไร้ค่า แล้วทรงทำให้เขามีสัดส่วนที่สมบูรณ์  และทรงเป่ารูฮ์(วิญญาณ) ของพระองค์เข้าไปในเขาและทรงให้พวกเจ้าได้ยิน  ได้เห็นและให้มีจิตใจ (สติปัญญา) ส่วนน้อยเท่านั้นที่พวกเจ้าขอบคุณ  (ซูเราะฮ์ อัซ- สัจญะดะฮ์ / 7-9)

 

5.ในการสร้างมนุษย์ขึ้นมานั้นมีเป้าหมายที่ชัดเจน มิใช่เป็นเรื่องความบังเอิญ มนุษย์เป็นสิ่งถูกสร้างที่พระองค์ทรงคัดสรรแล้ว

 

“พระผู้อภิบาลได้ทรงคัดเลือกเขา (อาดัม) และทรงให้อภัยโทษแก่เขา และทรงให้ทางนำแก่เขา” (ฏอฮา/122)

 

6. มนุษย์มีเสรีภาพและอิสรภาพ ตลอดจนมีความพร้อมในการรับ “อามานะฮฺ” จากพระผู้เป็นเจ้า พร้อมทั้งมีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ และยังมีสิทธิในการเลือกหนทางการดำเนินชีวิตที่จะไปสู่ความผาสุกหรือความชั่วช้า

 

“แท้จริงเราได้เสนอ “อามานะฮฺ” ( ของฝากที่พระองค์ไว้เนื้อเชื่อใจ ) แก่บรรดาชั้นฟ้าแผ่นดิน และภูเขาทั้งหลาย  แต่พวกมันปฏิเสธที่จะแบกรับเอาไว้  และกลัวภาระอันหนักอึ้งนี้  แต่มนุษย์ได้แบกรับมันไว้  แท้จริง  (มนุษย์)  เป็นผู้อธรรมโง่เขลายิ่ง”  ( อัลอะฮ์ซาบ/72 )

 

7.  มนุษย์มีเกียรติที่สูงส่ง พระองค์ถือว่า มนุษย์มีเกียรติยิ่งกว่าสรรพสิ่งใดๆที่พระองค์ทรงสร้าง มนุษย์รู้ถึงเกียรติยศอันสูงส่งนี้ ซึ่งได้รับมาจากการอยู่เหนือความชั่วช้า และการอยู่เหนืออำนาจฝ่ายต่ำของตน

 

“และแน่นอน เราได้ให้เกียรติแก่ลูกหลานของอาดัม และเราได้บรรทุกพวกเขาทั้งทางบกและทางทะเล และได้ให้ปัจจัยยังชีพที่ดีทั้งหลายแก่พวกเขา และเราได้ให้พวกเขามีเกียรติเหนือกว่าผู้ที่เราได้ให้บังเกิดมาเป็นส่วนใหญ่” (อัลอิสรออ์ /70 )

 

8.  มนุษย์มีสามัญสำนึกแห่งจริยธรรม และรับรู้ถึงสิ่งที่ชั่วดีจากธรรมชาติดั้งเดิมที่ได้รับมาจากพระผู้เป็นเจ้า

 

“แล้วพระองค์ทรงดลใจให้มันรู้ถึงความชั่วและความยำเกรง” (อัชชัมส์/8)

 

9.  มนุษย์จะสงบได้ก็ต่อเมื่อรำลึกถึงพระผู้เป็นเจ้า ความปราถนาของเขาไม่มีความเพียงพอ เขาจะไม่อิ่มเอมต่อสิ่งใด นอกเสียจากมีความผูกพัน กับพระผู้เป็นเจ้า

 

“พึงทราบเถิด  ด้วยการรำลึกถึงอัลลอฮ์เท่านั้น จิตใจจะสงบนิ่ง”  ( อัรเราะอด์/28 )

 

10.สรรพสิ่งทั้งหลายที่อยู่บนพื้นพิภพถูกสร้างมาเพื่อมนุษย์

 

“ พระองค์คือ ผู้ที่ได้ทรงสร้างสิ่งทั้งมวลในโลกไว้สำหรับพวกเจ้า”  ( อัลบะเกาะเราะฮฺ / 29)

 

11. มนุษย์ถูกสร้างมาเพื่อการเคารพภักดีต่อพระผู้เป็นเจ้า   ดังนั้น หน้าที่ของเขาก็คือเชื่อฟังและปฏิบัติตามคำสั่งของพระองค์

 

“และข้ามิได้สร้างญินและมนุษย์  เพื่ออื่นใด   เว้นแต่เพื่อการเคารพภักดีต่อข้า”  ( อัษษาริยาต /  56 )

 

12.  เมื่อมนุษย์มีหน้าที่ ๆจะต้องเคารพภักดีพระองค์ ฉะนั้น เขาจะลืมพระองค์ไม่ได้เพราะการที่เขาลืมพระองค์นั้นจะทำให้เขาลืมตนเอง   โดยจะไม่รู้ถึงเป้าหมายของชีวิตอย่างแท้จริงว่าเขาเป็นใคร อยู่เพื่ออะไร    จะต้องทำอะไร และจะต้องเดินทางไปสู่ที่แห่งใด

 

“และพวกเจ้าอย่าได้เป็นเช่น บรรดาผู้ที่ลืมอัลลอฮ์   แล้วอัลลอฮ์จะทำให้พวกเขาลืมตัวของพวกเขาเอง อันเหล่านั้นคือผู้ที่ฝ่าฝืน”  ( อัลฮัชร์/19 )

 

13.  เมื่อมนุษย์ได้จากโลกนี้ไป   สิ่งที่ปกคลุมก็จะถูกเปิดออก เขาจะเห็นถึงสัจธรรมอย่างแท้จริง


“โดยแน่นอนเจ้าได้หลงลืมต่อเรื่องนี้ (วันสิ้นโลก) ดังนั้น เราจึงเปิดสิ่งที่ปกคลุมเจ้าอยู่ ให้ออกไปจากเจ้า วันนี้สายตาของเจ้าจึงเห็นอย่างเฉียบขาด” (อัลก๊อฟ/22)

 

14. มนุษย์ไม่ได้หมกมุ่นอยู่กับโลกวัตถุแต่เพียงอย่างเดียว บางครั้งพวกเขาก็แสวงหาจิตวิญญาณอันสูงส่ง และคาดหวังแต่เพียงความพึงพอใจของพระผู้เป็นเจ้าเท่านั้น

 

“โอ้ชีวิตที่สงบนิ่ง จงกลับมาสู่พระผู้อภิบาลของเจ้าด้วยความพึงพอใจ และพึงพอพระทัยเถิด” (อัลฟัจร์/27-28)

 

“อัลลอฮ์ได้ทรงสัญญาแก่บรรดาผู้ศรัทธาชายและหญิงว่าจะได้รับสรวงสวรรค์   ซึ่งมีแม่น้ำหลายสายอยู่เบื้องล่าง โดยที่พวกเขาจะคงอยู่ในนั้นตลอดกาล และสถานที่พำนักอย่างดี ซึ่งอยู่ในสรวงสวรรค์อันสถาพร และความพึงพอพระทัยจากอัลลอฮ์นั้นยิ่งใหญ่กว่า” ( อัตเตาบะฮ์/72 )

 

จากโองการทั้งหมดที่ได้ยกมานี้  บ่งบอกได้เป็นอย่างดีถึงมุมมองของอัล-กุรอานที่มีต่อมนุษย์ ในฐานะผู้ถูกคัดสรร  ผู้เป็นตัวแทนของพระเจ้าบนหน้าแผ่นดิน  เป็นสิ่งที่ครึ่งหนึ่งนั้นเป็นเรื่องของวัตถุ  แต่อีกครัึ่งหนึ่งนั้นเป็นเรื่องของจิตวิญญาณ  มีธรรมชาติดั้งเดิมที่บริสุทธ์   ได้รับความเชื่อถือจากพระผู้เป็นเจ้าให้ดูแล “อามานะฮฺ”ของพระองค์  เป็นผู้ที่มีเกียรติยิ่ง และสูงส่งกว่าสรรพสิ่งอื่นใด


ขอขอบคุณ เว็บไซต์อัชชีอะฮ์

0
0% (نفر 0)
 
نظر شما در مورد این مطلب ؟
 
امتیاز شما به این مطلب ؟
اشتراک گذاری در شبکه های اجتماعی:

latest article

...
สุนทรพจน์ของท่านอิมามฮูเซน (อ.) ...
...
ความบริสุทธิ์ของบรรดาศาสดา
...
ฟาฏิมะฮ์ (อ.) ...
3 ...
ฟาฏิมะฮ์แบบอย่างของผู้ใจบุญ
มนุษย์ในมุมมองของกุรอาน
ข้อคิดจากซูเราะฮ์อันนาส

 
user comment