มนุษย์ผู้สมบูรณ์ในสุนทรพจน์ของอาริฟ
ศาสดาในฐานะมนุษย์ผู้สมบูรณ์ และกุรอานในฐานะคัมภีร์ที่สมบูรณ์
ไม่มีสิ่งถูกสร้างใดในรูปของตำราที่จะเหนือไปกว่าอัลกุรอาน และท่านนบีมุฮัมมัดคือผู้ที่องค์อัลลอฮ์ประทานอัลกุรอานที่สูงส่งนี้ไว้เคียงข้างท่าน ฉะนั้น หากพิจารณาจากสำนวนภาษาที่พระองค์กล่าวถึงท่านนบีให้ดีจะสังเกตุได้ว่า อัลลอฮ์ประทานกุรอานให้เคียงข้างนบี มิไช่ประทานนบีเพื่อมาอยู่เคียงข้างกุรอาน จากจุดสำคัญนี้เองที่ทำให้เราเข้าใจได้ว่า ฐานะภาพของมนุษย์ผู้สมบูรณ์สูงสุด (เช่นท่านนบี) คือการมีตำแหน่งที่อัลกุรอานเองยังต้องขนาบคู่อยู่เคียงข้าง ด้วยเหตุนี้เอง อัลลอฮ์ทรงตรัสในกุรอานว่า "สูเจ้าจงภักดีต่อศาสดาที่ข้าประทานมาเถิด และจงพึ่งพารัศมีที่ข้าประทานไว้"เคียงข้างเขา"เถิด"
หากคิดว่าจะมีความสูงส่งใดในกุรอานที่ไม่มีในตัวของมนุษย์ผู้สมบูรณ์ที่กุรอานเคียงข้าง (นบีมุฮัมมัด) หรือหากคิดว่ามนุษย์ผู้สมบูรณ์มีคุณลักษณะเด่นประการใดที่อยู่นอกขอบเขตของอัลกุรอาน ความคิดเช่นนี้ย่อมขัดกับการเคียงข้างกันของกุรอานและมนุษย์ผู้สมบูรณ์ เพราะความหมายของการเคียงข้างมิไช่แค่การมุ่งไปข้างหน้าในหนทางเดียวกันเท่านั้น ที่จะเหมือนกับรถสองคันที่วิ่งอยู่ในถนนเส้นเดียวกัน (โดยไม่จำเป็นต้องขับคู่ขนานกันไป)
แต่การเคียงข้างในเส้นทางที่เที่ยงตรงแห่งจิตวิญญาณนั้น ทั้งสอง (นบีและกุรอาน)จะเคียงคู่กันไปตลอดเส้นทาง ฉะนั้น หากในกุรอานมีสิ่งใดที่มนุษย์ผู้สมบูรณ์ไม่ทราบ หรือทราบแต่ไม่ปฏิบัติ หรือในทางตรงกันข้าม หากมนุษย์ผู้สมบูรณ์มีคุณลักษณะงดงามใดที่อัลกุรอานไม่มี ข้อสันนิษฐานเหล่านี้ย่อมเป็นสิ่งที่จะก่อให้ทั้งสองออกจากสถานะการเคียงคู่ในลักษณะที่ขนานกันอย่างแน่นอน ในขณะที่สภาวะการแยกจากกันระหว่างนบีและกุรอานนี้จะไม่เกิดขึ้นเด็ดขาด เพราะท่านนบีกล่าวปฏิเสธไว้อย่างชัดเจนในฮะดีษ ษิกลัยน์ ( ที่ว่า กุรอานและอิตเราะฮ์-ซุนนะฮ์ของฉันจะไม่ห่างจากกันจวบจนกิยามะฮ์)
มนุษย์ผู้สมบูรณ์หากจะแปลงโฉมเป็นตำราสักเล่ม แน่นอนว่าย่อมจะกลายเป็นอัลกุรอาน และหากคัมภีร์อัลกุรอานจะแปลงรูปเป็นมนุษย์สักคน แน่นอนว่าย่อมจะกลายเป็นท่านนบีมุฮัมมัด (ศ็อลฯ) หรืออะฮ์ลุลบัยต์ของท่าน(ในฐานะมนุษย์ผู้สมบูรณ์) อย่างแน่นอน ทั้งสองคือฮะกีกัต (แก่นสัจธรรม) เดียวกัน ซึ่งในสภาวะเงื่อนไขหนึ่งกลายเป็น "ษิกลุล อักบัร" ( สิ่งสำคัญที่ใหญ่กว่า-กุรอาน) แต่ในบางสภาวะก็เป็น "ษิกลุล อัศฆ็อร" (สิ่งสำคัญที่เล็กกว่า-อะฮ์ลุลบัยต์) ดังที่ทั้งสิบสี่มะอ์ศูมคือนู้ร (รัศมี) เดียวกัน ฉะนั้น จากจุดนี้เองที่ทำให้เราทราบว่า ทั้งสองสิ่งหนัก(ษิกลัยน์, ษะเกาะลัยน์) ก็คือรัศมีดวงเดียวกันนั่นเอง อัลลอฮ์ทรงตรัสในกุรอานว่า
"แน่แท้ อัลลอฮ์ได้ประทานยังสูเจ้าซึ่งซิกร์ (การรำลึกถึงพระองค์) ในลักษณะศาสดาที่อัญเชิญโองการของอัลลอฮ์แก่สูเจ้า"
นั่นหมายความว่าท่านนบีมุฮัมมัดคือการรำลึก แน่นอนว่าท่านนบีคือซิกรุลลอฮ์ (การรำลึกถึงอัลลอฮ์) ดังที่กุรอานก็เป็นซิกรุลลอฮ์เช่นกัน ดังที่อัลลอฮ์ทรงตรัสไว้เกี่ยวกับอัลกุรอานว่า "แท้จริงเราได้ประทานอัซซิกร์ (กุรอาน)ลงมา และแน่แท้เราคือผู้พิทักษ์(ซิกร์)นั้น"
ถอดความจากสุนทรพจน์ของท่านอายะตุลลอฮ์ ญะวาดี ออโมลี