ไทยแลนด์
Sunday 24th of November 2024
0
نفر 0

มองเห็นอัลลอฮ์?!

นบีมูซาขอมองพระองค์?! ...ระหว่างที่มะมูน(เคาะลีฟะฮ์ราชวงศ์อับบาสิด) กำลังสนทนากับท่านอิมามริฎอ (อิมามท่านที่แปดจากวงศ์วานนบี) มะมูนกล่าวแก่ท่านอิมามริฎอว่า " ท่านเชื่อมิไช่หรือว่าบรรดานบีเป็นผู้ปราศจากบาปและมลทินทั้งปวง แล้วเพราะเหตุใดนบีมูซาจึงบังอาจขอมองพระพักตร์ขององค์อัลเลาะฮ์เล่า? ดังที่กุรอานยกคำพูดของนบีมูซาว่า " ขอพระองค์ทำให้ข้าพระองค์เห็น เพื่อข้าฯสามารถมองพระองค์"
มองเห็นอัลลอฮ์?!

นบีมูซาขอมองพระองค์?!
...ระหว่างที่มะมูน(เคาะลีฟะฮ์ราชวงศ์อับบาสิด) กำลังสนทนากับท่านอิมามริฎอ (อิมามท่านที่แปดจากวงศ์วานนบี) มะมูนกล่าวแก่ท่านอิมามริฎอว่า " ท่านเชื่อมิไช่หรือว่าบรรดานบีเป็นผู้ปราศจากบาปและมลทินทั้งปวง แล้วเพราะเหตุใดนบีมูซาจึงบังอาจขอมองพระพักตร์ขององค์อัลเลาะฮ์เล่า? ดังที่กุรอานยกคำพูดของนบีมูซาว่า " ขอพระองค์ทำให้ข้าพระองค์เห็น เพื่อข้าฯสามารถมองพระองค์" (ซูเราะฮ์อะอ์รอฟ/143) นบีมูซาไม่รู้หรืออย่างไรว่าไม่อาจเห็นอัลลอฮ์ได้?

อิมามริฎอตอบว่า "นบีมูซาทราบดีว่าไม่มีใครสามารถมองเห็นอัลลอฮ์ได้ (เพราะพระองค์มิไช่วัตถุธาตุ) แต่เรื่องทั้งหมดเกิดจากการที่กลุ่มชนบนีอิสรออีลยืนกรานที่จะไม่ยอมรับว่าท่านนบีมูซาสามารถสนทนากับอัลลอฮ์อย่างเด็ดขาด นอกเสียจากพวกเขาจะได้ยินเสียงพระองค์ด้วยหูของพวกเขาเองเท่านั้น!

แล้วเจ็ดสิบคนจากบนีอิสรออีลก็ได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนเพื่อไปฟังสุรเสียงจากพระองค์ ณ เขาฏูร ท่านนบีมูซาได้วอนขอต่อพระองค์ตามที่พวกเขาเรียกร้อง และแล้ว พวกเขาก็ได้ยินสุรเสียงจากพระองค์โดยถ้วนหน้า แต่ทว่าพวกเขากลับเพิ่มข้อเรียกร้องอีกว่า เราจะยังไม่เชื่อท่านจนกว่าเราจะได้เห็นว่าพระองค์เปล่งเสียงนี้ได้อย่างไร?

ทันใดนั้นเอง อสุนิบาตจากฟากฟ้าได้คร่าชีวิตพวกเขาหมดทุกคน (เนื่องด้วยความหัวรั้นของพวกเขา) ท่านนบีมูซาทูลต่อพระองค์ว่า "หากข้าพระองค์ลงจากเขาในสภาพเช่นนี้ กลุ่มชนของข้าฯย่อมจะเข้าใจผิดคิดว่าข้าฯเป็นคนเจ้าเล่ห์ที่ลวงล่อพวกเขาไปสังหารอย่างแน่นอน"

ด้วยอานุภาพของอัลลอฮ์ พวกเขาทั้งเจ็ดสิบคนได้ฟื้นคืนชีพอีกครั้ง (แต่พวกเขายังไม่ลดละความหัวรั้น) พวกเขากล่าวกับท่านนบีมูซาว่า "หากท่านเห็นพระเจ้าเพียงคนเดียวก็เพียงพอที่เราจะเชื่อคำพูดของท่าน"

ท่านนบีมูซาตอบพวกเขาว่า "แท้จริงไม่อาจมองเห็นองค์อัลลอฮ์ด้วยตาเนื้อ ไม่อาจมองเห็นสถานะของพระองค์ (เพราะพระองค์มิไช่วัตถุธาตุ) แต่ทว่าสามารถรู้จักพระองค์ได้ด้วยสัญลักษณ์ต่างๆเท่านั้น" แต่ทว่าพวกเขายังแสดงอาการดื้อดึงไม่ยอมรับคำพูดของท่านต่อไป (แม้จะถูกลงทัณฑ์ไปแล้วก็ตาม) พระองค์ทรงตรัสแก่ท่านนบีมูซาว่า "จงขอตามที่พวกเขาประสงค์เถิด ข้าจะไม่ลงโทษเจ้าจากการขอดังกล่าว" ท่านนบีจึงทูลขออัลลอฮ์ตามที่พวกเขาประสงค์ว่า "โอ้พระผู้อภิบาลของข้าฯ ขอพระองค์ทำให้ข้าพระองค์เห็น เพื่อข้าฯสามารถมองพระองค์" พระองค์ตรัสตอบว่า "เจ้าไม่อาจเห็นข้าได้ แต่จงมองไปยังภูผาอันตระหง่านแห่งฏูรเถิด หากยังคงอยู่ไซร้ เจ้าจะสามารถเห็นข้าได้" ทันใดนั้นเอง ด้วยพลานุภาพอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ ภูเขาอันยิ่งใหญ่ก็ระเบิดราบเป็นหน้ากลองทันที ตัวแทนบนีอิสรออีลทั้งหมดรวมทั้งท่านนบีมูซาเองล้วนเป็นลมหมดสติด้วยความกลัว เมื่อท่านนบีมูซาฟื้นคืนสติแล้ว ท่านจึงกล่าวว่า "มหาบริสุทธิแด่พระองค์ ข้าฯขอคืนกลับสู่พระองค์(จากความเขลาและความดื้อด้านของกลุ่มชน) และข้าฯคือผู้ศรัทธาต่อพระองค์คนแรก" เมื่อท่านอิมามริฎอพูดถึงตรงนี้ มะมูนยอมสยบต่อคำตอบของท่านโดยสิ้นเชิง


.ดังนั้น การที่ท่านนบีมูซาขอมองพระองค์ และคำตอบจากพระองค์ที่ว่าเจ้าไม่อาจจะมองเห็นข้าได้นั้น เสมือนเป็นการกระตุ้นจิตสำนึกมวลมนุษย์ทางอ้อมว่า หากศาสดาผู้ยิ่งใหญ่อย่างท่านนบีมูซายังไม่อาจจะมองเห็นพระองค์ได้ แล้วนับประสาอะไรกับคนธรรมดาทั่วไปที่ประสงค์จะเห็นพระองค์ด้วยสองตา



กินข้าวปลาอาหารของพระองค์แต่กลับไม่รู้จักพระองค์?
มีผู้ถามอิมามศอดิก (อ.) ว่า "หากไม่สามารถมองเห็นอัลลอฮ์ได้ แล้วเหตุใดในกุรอานหรือฮะดีษจึงกล่าวในลักษณะที่ส่อให้เข้าใจว่าสามารถมองเห็นพระองค์ได้ ไม่ว่าจะเป็นการที่นบีสามารถมองเห็นอัลลอฮ์ การที่ผู้ศรัทธาในสรวงสวรรค์จะมองเห็นพระองค์ ท่านจะว่าอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้?"

ท่านอิมามศอดิก (อ.) ยิ้มพร้อมกับตอบว่า "น่าอายที่คนเราบางคนบริโภคปัจจัยยังชีพของพระองค์ และมีชีวิตอยู่บนผืนปฐพีของพระองค์กว่า 70 หรือ 80 ปี แต่กระนั้นก็ยังไม่เข้าใจเกี่ยวกับพระองค์เท่าที่ควร. ท่านนบีไม่เคยเห็นพระองค์อัลลอฮ์อย่างแน่นอน และหากผู้ใดอ้างเช่นนี้ เขาย่อมเป็นคนพูดปดและกลายเป็นผู้ตกจากศาสนาอย่างไม่ต้องสงสัย ดังที่ท่านนบีกล่าวเองว่า "ใครก็ตามที่เปรียบอัลลอฮ์กับสิ่งถูกสร้างของพระองค์ เขาย่อมกลายเป็นกาเฟร (ผู้ปฎิเสธอิสลาม) อย่างแน่นอน" มีผู้เอ่ยถามท่านอิมามอลี (อ.) ว่า "โอ้ น้องของรอซูลุลลอฮ์ ท่านได้เห็นพระองค์อัลลอฮ์แล้วหรือยัง?" ท่านกล่าวตอบว่า "ฉันจะไม่มีวันกราบกรานภักดีต่อองค์อภิบาลที่ฉันยังไม่ได้เห็นหรอก ไม่มีตาใดจะได้เห็นพระองค์ด้วยประสาทสัมผัสของตา ทว่าดวงใจต่างหากที่จะมองเห็นพระองค์ด้วยแก่นแห่งศรัทธา" ท่านกล่าวในอีกวาระหนึ่งว่า "ฉันไม่เห็นสิ่งใดเลย นอกจากจะประจักษ์ถึงพระองค์อัลลอฮ์ก่อนและหลังและเคียงข้างและภายในนั้น" (แน่นอนว่าการประจักษ์ในที่นี้ย่อมหมายถึงการรำลึกถึงพระองค์เมื่อเห็นสรรพสิ่งต่างๆนั่นเอง)

แน่นอนว่า ไม่มีดวงตาคู่ใดสามารถมองเห็นพระองค์ได้อย่างเด็ดขาด ดังที่พระองค์ทรงตรัสว่า "สายตาทั้งหลายย่อมไม่(ประจักษ์)ถึงพระองค์ แต่พระองค์ทรง(ประจักษ์)ถึงสายตาเหล่านั้น" (ซูเราะฮ์อันอาม /103)



จากหนังสือ 400ข้อคิดจากตัฟซีรนู้ร เชคมุฮฺซิน กิรออะตี


source : alhassanain
0
0% (نفر 0)
 
نظر شما در مورد این مطلب ؟
 
امتیاز شما به این مطلب ؟
اشتراک گذاری در شبکه های اجتماعی:

latest article

ฮะดีษนี้น่าเชื่อถือหรือไม่? : ...
ศาสดาและวงศ์วานผู้ทรงเกียรติ
ถ้าหากท่านอิมามฮุซัยนฺ (อ.) ...
สถานภาพสตรีในอิสลาม
วันอีดกุรบาน ...
ยะกีนมีกี่ระดับ?
การปฏิบัติตามหน้าที่ในกัรบะลา ...
...
อิคลาศ(ความบริสุทธิ์ใจ)ในอิสลาม
ความยุติธรรมของพระผู้เป็นเจ้า ...

 
user comment