มุฮัรรอม เดือนแห่งการรำลึกถึงวีรกรรมของท่านอิมามฮูเซน (อ) และเหล่าวีรชนผู้กล้าหาญในสมรภูมิกัรบะลาอ์
วีรกรรมแห่งอาชูรอ เป็นวีรกรรมที่มีนัยยะ และแง่มุมต่างๆ อย่างมากมาย ทั้งแง่มุมทางสังคม การเมือง และทางด้านจิตวิญญาณ
การที่จะพิสูจน์ถึงนัยยะต่างๆ และความยิ่งใหญ่ของวีรกรรมแห่งกัรบะลาอ์นั้น คือหน้าที่อันสำคัญของมนุษย์ทุกคน เพื่อการพัฒนาตนเองไปสู่ความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ เพราะวีรกรรมแห่งกัรบะลาอ์นั้น คือสำรับอาหารที่ยิ่งใหญ่ของจิตวิญญาณ แต่จะมีเฉพาะสำหรับผู้ที่แสวงหาด้วยความบริสุทธิ์ใจเท่านั้นที่จะได้ลิ้มรสชาติ
สรรพสิ่งต่างๆ ในโลกนี้ที่ถูกสร้างขึ้นมาโดยพระองค์อัลลอฮ์ (ซ.บ) หรือเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นในโลกนี้โดยบัญชาของพระองค์ หรือเกิดขึ้นโดยอนุญาตของพระองค์ ทั้งหมดมีความแตกต่างกันออกไปเป็นอย่างมาก บางอย่างคือสิ่งที่ไร้ค่าสำหรับพระองค์ แต่บางสิ่งบางอย่างมีค่ายิ่งสำหรับพระองค์
ดังนั้นหากมนุษย์ต้องการจะรู้ว่าในบรรดาสรรพสิ่งทั้งหมด อะไรคือที่ยิ่งใหญ่ และมีความศักดิ์สิทธิ? อะไรที่พระองค์ทรงให้เกียรติ? มนุษย์สามารถค้นพบได้ในพระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน หรือในวจนะต่างๆ ของท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ) และวจนะของบรรดาอิมามมะอ์ซูม (อ)
โลกใบนี้นั้น คือสิ่งที่ไร้ค่าสำหรับพระองค์อัลลอฮ์ (ซ.บ) ซึ่งเราสามารถที่พบได้ในพระดำรัสของพระองค์ในพระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน ที่พระองค์ได้ให้นิยามของโลกดุนยาไว้อย่างมากมาย อาธิเช่นพระองค์ทรงตรัสว่า “โลกใบนี้นั้นไม่มีอะไรเลย ในทัศนะของพระองค์ เว้นแต่สิ่งที่ไร้สาระ และของละเล่น” นั่นคือหนึ่งในนิยามของโลกใบนี้สำหรับพระองค์
บางครั้งพระองค์ได้เปรียบโลกใบนี้เสมือนทุ่งนาหนึ่ง ซึ่งถ้าใครได้เห็นตอนที่มันเขียวขจี ก็จะเห็นแต่ความสวยงาม หากใครได้เห็นตอนมันออกดอกออกผล ก็จะเห็นมันมีค่ามากมาย แต่จงดูต่อไปภายหลังจากนั้น เมื่อเวลาผ่านไปความเขียวขจี ผลผลิตต่างๆ จบสิ้นลง ความเหี่ยวเฉาจะเข้ามาแทนที่ ชาวไร่ชาวนาที่เคยรักที่เคยหวงแหน ก็จะต้องเผามันทิ้งไปเพราะมันไม่มีค่าอันใดอีกแล้ว
ในวจนะต่างๆ ของท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ) ก็เช่นเดียวกัน ท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ) ได้ให้นิยามของโลกใบนี้ว่า “ถ้าหากโลกนี้นั้นมีค่าเท่าปีกของแมลงวันแล้ว พระองค์ก็จะไม่ให้ผู้ฝ่าฝืน ผู้ทรยศต่อพระบัญชาของพระองค์ได้ดื่มน้ำแม้เพียงหยดเดียว” แต่การที่มนุษย์ผู้ฝ่าฝืนทุกคนได้ใช้ประโยชน์จากทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้อย่างสมบูรณ์แบบ ก็เนื่องจากโลกใบนี้นั้นไม่มีค่าใดๆ สำหรับพระองค์เลย
แล้วสิ่งใดกันคือสิ่งที่มีค่า ณ พระองค์อัลลอฮ์ (ซ.บ)? สิ่งนั้นต่างหากที่มนุษย์ควรจะค้นหา และดิ้นรนเพื่อให้สิ่งเหล่านั้นมาอยู่คู่กับมนุษย์ และเราจะรู้ได้อย่างไรว่าสิ่งที่มีค่าสำหรับพระองค์อัลลอฮ์ (ซ.บ) นั้นคืออะไร อะไรคือตัวพิสูจน์ว่าสิ่งนั้นมีค่าสำหรับพระองค์ มนุษย์ต้องค้นหา และขวนขวายสิ่งต่างๆ เหล่านั้นมา
บทพิสูจน์หนึ่งที่ชัดแจ้งที่สุด ซึ่งจะเป็นตัวพิสูจน์ว่าสิ่งที่มีค่ามากสำหรับพระองค์คืออะไร พระองค์ได้ทรงดำรัสเอาไว้ และท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ) บรรดาอิมามมะอ์ซูม (อ) ก็ได้มีวจนะถึงสิ่งนี้เอาไว้ด้วยกันว่า นั่นคือ “ทุกสิ่งทุกอย่างซึ่งมีการเชื่อมโยงกับพระองค์อัลลอฮ์ (ซ.บ)” สิ่งนั้นจะมีค่ายิ่งสำหรับพระองค์ในบัดดล
การเชื่อมโยงสิ่งหนึ่งไปยังพระองค์อัลลอฮ์ (ซ.บ) คือสิ่งที่จะพิสูจท์ว่าสิ่งนั้นคือสิ่งที่มีค่าสำหรับพระองค์อัลลอฮ์ (ซ.บ) การปฏิบัติใดๆ ก็ตาม ซึ่งในทัศนะของมนุษย์อาจจะไม่มีค่าในเบื้องต้น แต่เมื่อสิ่งนั้นถูกเชื่อมโยงไปยังพระผู้เป็นเจ้า มันจะกลายเป็นสิ่งที่มีค่าสำหรับพระองค์ในทันที
ตัวอย่างหนึ่งที่จะทำให้เข้าใจง่ายที่สุดต่อเรื่องนี้ คือที่ดินแห่งหนึ่ง ซึ่งไม่มีอะไรเลยอยู่บนที่ดินแห่งนั้น ใครจะทำอะไรก็ได้บนที่ดินแห่งนั้น แต่เมื่อวันหนึ่งที่ดินแห่งนั้นได้ถูกบริจาคเพื่อก่อสร้างมัสยิด ซึ่งมัสยิดคือบ้านของพระผู้เป็นเจ้า เมื่อบ้านของพระผู้เป็นเจ้าถูกก่อสร้างขึ้นบนที่ดินแห่งนั้น ที่ดินแห่งนั้นก็กลายเป็นสิ่งที่มีค่าสำหรับพระองค์ในทันที อิฐ หิน ปูน ทรายที่ถูกนำมาก่อสร้างอาคารมัสยิดก็เช่นเดียวกัน ก่อนหน้านี้คือสิ่งที่ไร้ค่า แต่เมื่อสิ่งต่างๆ เหล่านั้นได้ถูกทำให้มีการเชื่อมโยงยังพระองค์อัลลอฮ์ (ซ.บ) ด้วยการสร้างมัสยิด สิ่งต่างๆ เหล่านั้นก็จะมีค่าสำหรับพระองค์
และเมื่อที่ดิน อิฐ หิน ปูน ทราย ได้ถูกนำมาก่อสร้างมัสยิด สิ่งต่างๆ เหล่านั้นก็จะกลายเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพราะมันถูกนำมาใช้เพื่อเชื่อมโยงไปยังพระผู้เป็นเจ้าเสียแล้ว แต่ในทางกลับกันถ้าหากสิ่งต่างๆ เหล่านั้นถูกนำไปใช้ประโยชน์ในการตั้งภาคีกับพระองค์ มันก็จะกลายเป็นสิ่งที่ไร้ค่า และต่ำต้อยที่สุด
สิ่งต่างๆ เหล่านั้นจะกลายเป็นสิ่งที่มนุษย์ต้องให้เกียรติในทันที เพราะมันได้กลายเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์เสียแล้ว ผู้ที่ไม่สะอาดตามหลักการศาสนาไม่สามารถมานั่งบนอิฐ หิน ปูน ทราย กระเบื้อง เหล่านั้นได้อีกต่อไป หากสิ่งต่างๆ เหล่านั้นสกปรกก็จะต้องถูกทำความสะอาดในทันที ทั้งที่เมื่อก่อนหน้านี้มันดูเป็นสิ่งที่ไร้ค่า
สถานที่แห่งนั้นกลายเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เนื่องจากมันถูกนำมาเชื่อมโยงกับพระผู้เป็นเจ้า วิหารกะอ์บะฮ์ ก็ถูกก่อสร้างขึ้นจากอิฐ หิน ปูน ทราย แต่เมื่อมันถูกกำหนดให้เป็นบ้านของพระผู้เป็นเจ้า มันก็มีค่าสำหรับพระองค์ แผ่นดินมักกะฮ์เมื่อก่อนเป็นแผ่นดินที่เป็นสถานที่ของการตั้งภาคีกับพระผู้เป็นเจ้า แต่เมื่อกลายเป็นสถานที่ตั้งของบ้านแห่งพระเจ้า แผ่นดินมักกะฮ์ ก็กลายเป็นแผ่นดินที่ศักดิ์สิทธิ์ และมีเกียรติขึ้นมา
โปรดติดตามตอนต่อไป…