อิสลามได้วางสิทธิขั้นพื้นฐานและสิทธิสากลให้แก่มนุษยชาติ
สิทธิมนุษยชนเป็นปัจจัยขั้นพื้นฐานที่อัลลอฮฺ(ซ.บ.) ได้รับรอบไว้ให้แก่มนุษย์ สิทธิ์นั้นเป็นองค์ประกอบสำคัญสำหรับการสร้างและให้เกียรติมนุษย์ ดังที่อัลลอฮฺ(ซ.บ.) ทรงตรัสไว้ว่า
“และโดยแน่นอน เราได้ให้เกียรติแก่ลูกหลานของอาดัม…” (อัล-กุรอาน 17/70)
สิทธิต่างๆ ที่อิสลามให้การรับรองประกอบด้วยสิทธิในการดำรงชีวิต สิทธิในการได้รับความยุติธรรม ความเท่าเทียม ความปลอดภัย ความผาสุก เสรีภาพ และรวมถึงการเคารพต่อเกียรติและชื่อเสียงของสตรีเป็นสิ่งสำคัญ
อิสลามได้เน้นย้ำว่ามนุษยชาติก่อกำเนิดมาจากอาดัมและฮาวา ดังนั้น เรื่องเชื้อชาติ สีผิว เผ่าพันธุ์ จึงไม่ใช่ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผู้ใดมีสิทธิพิเศษหรือสิทธิเหนือผู้อื่น และด้วยเหตุผลนี้เอง อิมามอะลี(อ.) ได้กล่าวไว้ว่า “จงรู้ไว้ว่าคนเรามีสองประเภท คือถ้าพวกเขาไม่ได้เป็นพี่น้องร่วมศาสนากับท่าน เขาก็เป็นเพื่อนมนุษย์ที่มีความเท่าเทียมกันกับท่าน”
คำสอนของอิสลามเพียบพร้อมไปด้วยตัวอย่างของสิทธิมนุษยชนมากมาย ต่อไปนี้เป็นเพียงบางส่วนเท่านั้น
การเคารพต่อชีวิตและทรัพย์สินของผู้อื่น
ท่านศาสดามุฮัมมัด(ศ.) กล่าวว่า “ชีวิตและทรัพย์สินของพวกท่านเป็นสิ่งต้องห้าม (จากการละเมิดประทุษร้าย) ซึ่งกันและกัน ไปจนกระทั่งพวกท่านได้พบกับพระผู้อภิบาลของพวกท่านในวันแห่งการฟื้นคืนชีพ”
เสรีภาพในการแสดงออก
มนุษย์ทุกคนมีสิทธิเสรีภาพในการคิดและแสดงออก แต่เสรีภาพนั้นจะต้องไม่ถูกนำมาใช้เพื่อสร้างความเสียหายและสร้างความเจ็บปวดให้แก่เพื่อนร่วมสังคม เพราะฉะนั้นเสรีภาพในการแสดงออกจึงไม่ใช่สำหรับผู้ที่ใช้ภาษาก้าวร้าวและหยาบคาย เพราะอิสลามได้ให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อการปกป้องเกียรติยศและชื่อเสียงของผู้อื่น
เสรีภาพส่วนบุคคล
บุคคลหนึ่งจะถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่จนกระทั่งศาลทางกฎหมายได้พิสูจน์แล้วว่าเขามีความผิด และคำพูดและการกระทำของบุคคลหนึ่งจะถือว่าเป็นความจริงอยู่จนกระทั่งได้ถูกพิสูจน์ว่าเป็นอื่น จะไม่มีบุคคลหรือกลุ่มใดถูกลงโทษสำหรับการประกอบอาชญากรรมที่บุคคลอื่นเป็นผู้กระทำ
“และไม่มีผู้แบกภาระคนใดที่จะแบกภาระของผู้อื่นได้ และถ้าผู้ที่แบกภาระหนักอยู่แล้วขอร้อง (ผู้อื่น) ให้ช่วยแบกมัน ก็จะไม่มีสิ่งใดถูกแบกออกจากเขา ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นญาติสนิทก็ตาม” (อัล-กุรอาน 35/18)
สิทธิทางการเมือง
อัล-กุรอานสอนผู้ศรัทธาไม่ให้นิ่งเฉยต่อความอยุติธรรม การทุจริต ต่อผู้กระทำความชั่ว และต่อผู้กดขี่ อัลลอฮฺ(ซ.บ.) ทรงตรัสว่า
“และพวกท่านอย่าเห็น ชอบไปกับธรรมดาผู้อธรรม ไฟนรกจะสัมผัสพวกท่านได้” (อัล-กุรอาน 11/113)
ศาสดามุฮัมมัด(ศ.) กล่าวว่า “ผู้ใดก็ตามที่ให้ความช่วยเหลือต่อผู้กดขี่ในการกดขี่ของเขา ในวันแห่งการฟื้นคืนชีพเขาจะถูกเขียนไว้บนหน้าผากของเขาว่า หมดหวังจากความเมตตาของอัลลอฮฺ”
เสรีภาพทางศาสนา
แนวคิดทางศาสนา ลัทธิ ปรัชญา ต้องไม่ถูกยัดเยียดให้แก่ผู้ใดโดยที่เขาไม่เต็มใจ ดังโองการจากอัล-กุรอานที่โด่งดังบทนี้
“ไม่มีการบังคับในศาสนา แน่นอน ความถูกต้องนั้นได้เป็นที่กระจ่างแจ้งแล้วจากความผิด…” (อัล-กุรอาน 2/256)
สาวกผู้ปฏิบัติตามศาสนาและนิกายทั้งหมดมีสิทธิในการประกอบศาสนกิจของพวกเขาในบรรยากาศที่ไม่สร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่น
ศาสดามุฮัมมัด(ศ.) กล่าวถึงชาวเมืองผู้ที่ไม่ได้เป็นมุสลิมในรัฐของมุสลิมว่า “ผู้ที่สังหารบุคคลหนึ่งภายใต้ข้อตกลงนี้จะไม่ได้กลิ่นอายของสวรรค์”
สิทธิในการได้รับมาตรฐานในการครองชีพ
มนุษย์ทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกันในการช่วยเหลือและสนับสนุนด้านปัจจัยขั้นพื้นฐานในการดำรงชีวิต เช่น อาหาร น้ำดื่ม ที่อยู่อาศัย เครื่องนุ่งห่ม และยารักษาโรค คนจนมีสิทธิในการได้รับการให้เครื่องยังชีพจากคนรวย
“และในทรัพย์สมบัติของพวกเขานั้นได้ถูกรับรองสิทธิสำหรับผู้ขาดแคลนและขัดสน” (51/19)
อยู่ภายใต้กฎหมายอย่างเท่าเทียมกัน
ประชาชนทุกคนมีความเท่าเทียมกันภายใต้กฎหมายเดียวกันโดยไม่คำนึงถึงระดับชนชั้นทางสังคม ไม่มีฐานันดรใดในอิสลามที่จะไม่ถูกลงโทษจากการกระทำผิดของเขา ไม่มีใครถูกยกเว้นภายใต้กฎหมาย มนุษย์ทุกคนมีสิทธิและโอกาสอย่างเท่าเทียมกัน
“…และผู้ใดที่มิได้ตัดสินด้วยสิ่งที่อัลลอฮ์ได้ทรงประทานลงมาแล้ว ชนเหล่านี้แหละคือผู้ปฏิเสธการศรัทธา” (อัล-กุรอาน 5/44)