เมตตาธรแห่งจักรวาล (ตอนที่ 1)
มวลการสรรเสริญเป็นสิทธิแห่งอัลลอฮฺ(ซบ) ขอสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณจากเนียะมัตและเตาฟีก
คืนนี้เป็นค่ำคืนอันจำเริญยิ่ง พวกเราทั้งหลายต้องถือว่า เป็นค่ำคืนอันสุดประเสริฐเพราะท่านศาสดาแห่งมวลมนุษยชาติได้ถือกำเนิดในวันนี้ ทั้งยังตรงกับวันกำเนิดของท่านอิมามญะอฺฟัรฺ(อ) อิมามแห่งอะฮฺลุลบัยตฺ(อ) ท่านได้ถือกำเนิดในวันที่ 17 เดือนรอบีอุลเอาวัล ตรงกับวันถือกำเนิดของปู่ทวดท่านพอดี จึงถือว่าค่ำคืนนี้เป็นสิริมงคลประเสริฐสุดทวีคูณ
ประชาชาติอิสลามทั้งมวลทุกนิกายต่างถือว่า เดือนนี้เป็นเดือนเมาลิด เดือนนี้มวลมุสลิมจึงควรแก่การอัญเชิญพระมหาคัมภีร์อัลกุรอานตลอดทั้งเดือน ควรแก่การอ่านบัรฺซันญี อ่านนะซีฮะฮฺและการสรรเสริญสดุดีแสดงมุทิตาจิตเพื่อเป็นการน้อมรำลึกถึงพระคุณอันยิ่งใหญ่ของท่านศาสดามุฮัมมัด(ซล) และลูกหลานของท่าน
พี่น้องอะฮฺลิสซุนนะฮฺยืนยันว่า ท่านรอซูลถือกำเนิดในวันที่ 12 แต่ตามริวายะฮฺของพี่น้องชีอะฮฺถือว่า เป็นวันที่ 17 เดือนรอบีอุลเอาวัล จึงสามารถที่จะเฉลิมฉลองความประเสริฐสุดนี้ได้ตลอดทั้งเดือน ส่วนค่ำคืนนี้ตรงกับวันที่ 17 พอดีจึงเป็นสิริมงคลยิ่งใหญ่กว่าวันอื่นๆ
ท่านนบีมุฮัมมัด(ซล) เป็นศาสดาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมวลศาสดาทั้ง 124,000 ท่าน ที่เอกองค์อัลลอฮฺ (ซบ) ได้ทรงประทานมา เป็นที่ทราบกันดีว่าจากท่านนบี 124,000 ท่าน
เป็นรอซูลที่เป็นซอฮิบุลริซาละฮฺมีภารกิจพิเศษที่ยิ่งใหญ่มากกว่าศาสดาท่านอื่นๆ จำนวน 313 ท่าน
ในจำนวน 313 ท่านนี้ พระองค์ทรงคัดสรรในนามของอุลุลอัศมฺ เป็นผู้สถาปนาประกาศชะรีอัตที่สมบูรณ์จำนวน 5 ท่านดังนี้ คือ ท่านนบีนุฮฺ (อ) ท่านนบีอิบรอฮีม (อ) ท่านนบีมูซา (อ) ท่านนบีอีซา (อ) และท่านนบีมุฮัมมัด (ซล)
ท่านนบีที่เป็นศอฮิบุลชะรีอัตนั้น ทุกนบีที่ถือกำเนิดในยุคเดียวกันกับท่านจะต้องยอมรับศาสนาของศาสดาที่เป็น อุลุลอัศมฺ หมายความว่าถ้าเกิดมีศาสดาในยุคของท่านนบีนุฮฺ(อ) ทุกท่านจะต้องอยู่ในชะรีอัตของท่าน แม้แต่ท่านจะกลับคืนสู่พระเมตตาของพระองค์ไปแล้ว หากยังไม่ปรากฏศาสดาอุลุลอัศมฺท่านใหม่ก็ต้องถือชะรีอัตเช่นนั้นต่อไป
เมื่อท่านนบีอิบรอฮีม(อ) ถือกำเนิด ประชาชาติก็ต้องกลับเข้าสู่ชะรีอัตของท่านนบีอิบรอฮีม(อ) แม้แต่นบีที่ปรากฏนามในอัลกุรอานท่านอื่นๆ ที่เป็นลูกหลานโดยตรงของท่าน เช่น นบีอิสฮาก(อ) นบียะอฺกูบ(อ) ฯลฯ ก็ต้องปฏิบัติตามเช่นนั้น
กาลเวลาผ่านไปจนถึงยุคของท่านนบีมูซา(อ) ศาสดาในยุคนั้นก็ต้องอยู่ในดีนของท่าน เมื่อท่านนบีอีซา(อ) ถือกำเนิด ท่านนบีอื่นๆ ก็ต้องมาอยู่ในดีนของท่านเหมือนที่ผ่านมาทุกยุค จนกระทั่ง การถือกำเนิดของบรมศาสดาอันยิ่งใหญ่คือท่านนบีมุฮัมมัด(ซล) ประชาชาติไม่จำเป็นต้องรอคอยรอซูลท่านอื่นอีกแล้ว เพราะท่านคือรอซูลท่านสุดท้ายของเอกองค์ อัลลอฮฺ(ซบ) ที่ทรงประทานมา การศอลาวาตจึงเริ่มต้นตั้งแต่นั้นนับเนื่องมาจนถึงทุกวันนี้และจะเป็นเช่นนี้จนนิรันดร์กาล!
ในวันถือกำเนิดของท่าน ยิ่งมวลมุสลิมศอลาวาตมากเท่าใดก็จะยิ่งเป็นมรรคผลต่อจิตวิญญาณมากเท่านั้น เพราะหลังจากการถือกำเนิดของท่านแล้วก็จะไม่มีศาสดาใหม่ถือกำเนิดอีกเลย ชะรีอัตของท่านจึงเป็นอมตะจนกระทั่งถึงวันกิยามะฮฺ เป็นศาสดาท่านสุดท้ายที่เป็นบรมแห่งศอฮิบุล ชะอีรัต……. ทุกจริยวัตร…… ทุกวจนะ……. จึงเป็นอมตะและเป็นสัจธรรมจนนิรันดร์กาล!
สิ่งใดที่ท่านได้ประกาศจะต้องถือว่าประชาชาติต้องปฏิบัติตนตามคำประกาศนั้น เพราะไม่มีชะรีอัตอื่นใดที่จะทรงประทานมาอีกแล้ว เอกองค์อัลลอฮฺ(ซบ)ได้ทรงประกาศอิสลามผ่านวจนะและจริยวัตรของท่านรอซูลและโดยการสืบทอดจากบรรดาอะอิมมะฮฺ(อ) ท่านจึงเป็น ซัยยิดุลอัมบิยาอฺ วัลมุรซาลีน ท่านจึงเป็นประมุขแห่งบรรดาศาสดาทั้งหลายที่พระองค์ทรงประทานมาสู่โลกนี้
ประชาชาติทุกยุคสมัยที่ผ่านมา จึงไม่มีประชาชาติใดที่จะได้รับศาสดาที่ประเสริฐสุดเท่ากับประชาชาติของท่านนบีมุฮัมมัด(ซล) อีกแล้ว บรรดาศาสดาจาก 124,000 ท่าน มา 313 ท่านและคัดสรรจนกระทั่งเหลือ 25 ท่าน ที่พระองค์ทรงเอ่ยนามในพระมหาคัมภีร์อัลกุรอานนั้น ภารกิจ……. บุคลิกภาพใดๆของบรรดานบี
นบีมุฮัมมัด(ซล) จะมีความพิเศษสุดยิ่งใหญ่กว่าศาสดาอื่นๆ ทั้งหมด
โดย ฮุจญตุลอิสลามวัลมุสลีมีน ซัยยิด สุไลมาน ฮูซัยนี