บรรดาศาสดากับทุ่งอะรอฟะฮ์
ท่านนบีอาดัมกับทุ่งอะรอฟะฮ์
รายงานจากท่านอิมาม ญะอ์ฟัร อัศศอดิก(อ) กล่าวว่า เมื่อท่านนบีอาดัม(อ)ถูกขับไล่ออกจากสรวงสวรรค์ของพระองค์ และถูกส่งลงมายังโลกดุนยานี้ ท่านนบีอาดัม(อ)ได้ร่ำไห้ในสภาพที่ก้มสุญูดต่อพระองค์ทุกเช้าเป็นเวลาสี่สิบวัน บนภูเขาศอฟา จากนั้นท่านญิบรออีล ก็ได้ลงมาแล้วถามว่า โอ้ อาดัม ท่านร้องไห้ทำไมหรือ ?
นบีอาดัม (อ)ตอบว่า เพราะฉันถูกขับไล่ออกมาจากสรวงสวรรค์ของพระองค์และถูกส่งลงมายังโลกดุนยา
ญิบรออีล กล่าวว่า จงขออภัยโทษต่อพระองค์และวิงวอนขอยังพระองค์
นบีอาดัม(อ)ถามว่า ทำอย่างไร ?
ท่านญิบรออีลได้นำท่านนบีอาดัม(อ)ไปยังทุ่งมินาในวันที่แปดของเดือนซุลฮิจญะฮ์ และท่านนบีอาดัม(อ)ก็ได้ค้างคืนที่นั้นจนรุ่งสาง จากนั้นก็มุ่งหน้าสู่ทุ่งอะรอฟะฮ์
ท่านญิบรออีลได้สอนท่านนบีอาดัม(อ)เกี่ยวกับการสวมชุดอิฮฺรอมและการกล่าวตักบีร ขณะที่จะออกจากเมืองมักกะฮ์ ครั้นเมื่อมาถึงช่วงบ่ายของวันอะรอฟะฮ์ ได้สอนให้ท่านนบีอาดัม(อ)ทำการอาบน้ำฆุซุล
หลังจากเสร็จสิ้นนมาซอัศริก็ได้สั่งให้นบีอาดัม(อ)วุกุฟที่ทุ่งอะรอฟะฮ์ จากนั้นก็ได้มีประโยคของการวิงวอนจากพระองค์ ที่ได้สอนว่า
سبحانك اللهم و بحمدك
لا اله الا انت
علمت و ظلمت نفسي
واعترفت بذنبي
اغفر لي انك انت الغفور الرحيم
ความว่า “มหาบริสุทธิ์ยิ่ง ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ ข้าฯพระองค์ได้กระทำความผิดบาปและซอเล็มต่อตัวข้าฯเอง บัดนี้ข้าฯได้สำนึกผิดแล้ว ขอพระองค์ทรงโปรดอภัยโทษแก่ข้าพระองค์ โอ้พระองค์พระผู้ทรงให้การอภัยโทษและเมตตายิ่ง
จากนั้นท่านนบี(อ)ได้ทำการวิงวอนและร่ำไห้ในความผิดบาปในสถานที่แห่งนั้นจนพลบค่ำ วันรุ่งขึ้นก็ได้เดินทางไปยังมัชอัรกับท่านญิบรออีล และได้นอนค้างคืนที่นั้น
ท่านนบีอาดัม(อ)ได้วิงวอนขออภัยโทษและสำนึกในความผิดบาป จนในที่สุดท่านนบีอาดัม(อ)ก็ได้รับการอภัยโทษจากพระองค์
ท่านนบีอิบรอฮีม(อ)กับทุ่งอะรอฟะฮ์
ท่านญิบรออีลได้สอนท่านนบีอิบรอฮีมรับทราบเรื่องการประกอบพิธีฮัจญ์ ท่านนบีอิบรอฮีมจึงกล่าวว่า อะรอฟตุ (ฉันได้รับทราบแล้ว)
ท่านศาสดามุฮัมมัด(ศ็อลฯ)กับทุ่งอะรอฟะฮ์
หุบเขาอะรอฟะฮ์ในยุคสมัยต้นๆของอิสลาม คือห้องเรียนแห่งทะเลทรายของท่านศาสดามุฮัมมัด(ศ็อลฯ)
ตามรายงานของนักอรรถาธิบายอัลกุรอานบางคน กล่าวว่า โองการสุดท้ายของอัลกุรอานถูกประทานลงให้กับท่านศาสดามุฮัมมัด(ซล) ณ ทุ่งอะรอฟะฮ์ จากนั้นท่านศาสดาก็ได้แจ้งและบอกกล่าวให้กับสาวกของท่านได้รับรู้
วันนั้นในอดีต ตามประวัติศาสตร์บันทึกว่า ท่านศาสดามุฮัมมัด(ซล)ได้กล่าวคุตบะฮ์ท่ามกลางการชุมนุมครั้งยิ่งใหญ่ของมวลมุสลิมในการประกอบพิธีฮัจญ์ ท่านศาสนทูต (ซล) กล่าวว่า
“โอ้มนุษย์ทั้งหลาย จงฟังถ้อยคำของฉัน เพราะฉันไม่รู้ว่า หลังจากที่ปีนี้ได้ผ่านพ้นไป ฉันจะได้อยู่ร่วมกับพวกท่านอีกหรือไม่ ดังนั้นจงฟังสิ่งที่ฉันกำลังจะกล่าวต่อ
พวกท่านด้วยความตั้งใจเถิด และจงนำเอาถ้อยคำของฉันไปบอก กล่าวต่อบรรดาผู้ที่มิได้อยู่ ณ ที่นี่ใน วันนี้”
“โอ้ มนุษย์ทั้งหลาย เดือนนี้ วันนี้ และเมืองนี้ถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นชีวิตและทรัพย์สินของมุสลิม ทุกคนนั้นต่างก็เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน (อันเป็นสิ่งหวงห้ามต่อการละเมิดซึ่งกันและกัน) จงคืนสิ่งของให้แก่เจ้าของด้วยความชอบธรรม จงปฏิบัติต่อผู้คนด้วยความยุติธรรม เพื่อที่จะไม่มีผู้ใดปฏิบัติต่อท่านด้วย ความอยุติธรรม
จงรำลึกเถิดว่าแท้จริงนั้น ท่านจะได้พบกับพระเจ้าของท่าน และพระองค์จะทรงคิดคำนวณการงานทั้งหลายของท่าน”
อัลลอฮฺทรงห้ามท่านจากการกินดอกเบี้ย (ริบาอฺ) ดังนั้น “ริบาอฺ” ทั้งหลายจำต้องถูกยกเลิกจากวันนี้เป็นต้นไป
โอ้บรรดามนุษย์ทั้งหลาย จงทำความเข้าใจต่อถ้อยคำที่ฉันนำมายังท่านฉันกำลังจะจากท่านไปโดยทิ้งไว้แก่ท่าน ซึ่ง “พระคัมภีร์แห่งอัลลอฮฺ” (อัลกุรอาน) และอะฮ์ลุลบัยตของฉัน หากท่านดำเนินชีวิตของท่านตามสองสิ่งนี้ท่านย่อมไม่มีทางที่จะหันเหออกจากหนทางนี้
พึงตระหนักเถิดว่า มุสลิมทุกคนนั้นเป็นพี่น้องของมุสลิมแต่ละคนและบรรดามุสลิมนั้นได้สถาปนาความเป็นพี่น้องต่อกันขึ้นมา ไม่เป็นที่อนุมัติสำหรับมุสลิมที่จะทำการละเมิดสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่เป็นของพี่น้องมุสลิมของเขาเว้นเสียแต่ว่ามันได้ถูกมอบให้แก่เขาด้วยความเต็มใจ ดังนั้นจงอย่ากระทำในสิ่งที่ไม่ยุติธรรมต่อตัวของท่านเองเถิด