แม้กาลเวลาและสถานการณ์ผ่านไปนับพันปี และผ่านไปเนิ่นนานเพียงใด ทว่าสัจธรรมก็จะยังคงอยู่ไปตามกาลเวลาและสถานการณ์ ขึ้นอยู่กับมนุษย์ว่าจะสามารถแยกสัจธรรมออกจากสิ่งที่เทียมเท็จได้หรือไม่เท่านั้นเอง เฉกเช่นเดียวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อปี ฮ.ศ. 61 การต่อสู้ครั้งประวัติศาสตร์ของอิมามฮูเซน (อ) ในครั้งนั้น ถ้าได้เข้าไปศึกษาเนื้อหารายละเอียดเราก็จะได้พบกับวีรกรรม และวาทกรรมต่างๆ ของอิมามฮูเซน (อ) นับตั้งแต่ท่านเริ่มเดินทางออกจากนครมะดีนะฮฺสู่เมืองกูฟะฮฺ ณ แผ่นดินกัรบาลาอฺ ซึ่งสามารถนำพาผู้ค้นคว้าศึกษาไปสู่เป้าหมายอันยิ่งใหญ่ของการต่อสู้ครั้งยิ่งใหญ่นั้นได้
วีรกรรมอันยิ่งใหญ่ของท่านอิมามฮูเซน (อ) พร้อมลูกหลานของท่าน และบรรดาสาวกในวันนั้น ได้มอบของขวัญอันล้ำค่าแก่มวลมนุษยชาติ โดยเฉพาะมวลมุสลิมทั่วทั้งโลกจวบจนวันสิ้นโลก อาทิเช่น การสนับสนุนการทำความดี การยับยั้งการทำความชั่ว, การเสียสละ, การทำให้เกิดความเป็นเอกภาพในหมู่ประชาชาติอิสลาม, การต่อสู้กับผู้กดขี่, การช่วยเหลือผู้ถูกกดขี่, การไม่ยอมจำนนต่อผู้ปกครองที่อธรรม และอื่นๆ อีกมากมาย
แต่ของขวัญอันล้ำค่าที่สุดที่มวลมนุษยชาติได้รับจากวีรกรรมครั้งนั้นก็คือ “การแบ่งแยกขีดเส้นระหว่างอิสลามมุฮัมมะดีย์ (อิสลามที่แท้จริง) และอิสลามอุมาวีย์ (อิสลามเทียมเท็จ) วันเวลาผ่านล่วงไปแค่ 50 ปีเท่านั้น หลังจากการสิ้นพระชนม์ของท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ) เราได้เห็นการบิดเบือนศาสนาอิสลาม ฉบับของท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ) กลายเป็นอิสลามฉบับของอะบูซุฟยาน โดยที่มุอาวียะฮ บุตรของอะบูซุฟยาน และยะซีด บุตรของมุอาวียะฮฺ ได้ครอบครองตำแหน่งผู้ปกครองในศาสนาอิสลาม
แบบฉบับต่างๆ ที่ถูกนำเสนอโดยท่านศาสดามูฮัมมัด (ศ) ถูกบิดเบือนอย่างมากมาย และถูกแทนที่โดยแบบฉบับต่างๆ ของคนในตระกูลบะนีอุมัยยะฮฺ การปฏิบัติต่างๆ ที่ถูกปฏิบัติในช่วงที่มุอาวียะฮฺและยะซีดเป็นผู้ปกครองในอิสลามถูกนำเสนอแก่มวลมุสลิมในยุคนั้น ซึ่งไม่เคยมีการปฏิบัติในยุคของท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ) กระทั่งประชาชาติอิสลามไม่เห็นความแตกต่างระหว่างอิสลามของบะนีอุมัยยะฮฺ กับอิสลามที่แท้จริงของบะนีฮาชิม เนื่องจากมีคนรุ่นใหม่ในประชาชาติอิสลามที่ถือกำเนิดขึ้นมาและได้ซึมซับอิสลามตามแบบฉบับของบะนีอุมัยยะฮฺตั้งแต่ถือกำเนิด
ด้วยเหตุนี้การขีดเส้น การแบ่งแยกอิสลามที่แท้จริง ออกจากอิสลามเทียมเท็จ จึงต้องเกิดขึ้น มิเช่นนั้นแล้วอิสลามที่ท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ) นำมาก็คงจะสูญสลายไปอย่างแน่นอน การแบ่งแยกอิสลามที่แท้จริงออกจากอิสลามเทียมเท็จนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายในเวลาและสถานการณ์เช่นนั้น อิมามฮูเซน (อ) และบรรดาสาวกต่างมีความพยายามที่จะป่าวประกาศอิสลามที่แท้จริงไปในหมู่ประชาชาติอิสลาม พร้อมทั้งกระชากหน้ากากที่แท้จริงของมุอาวียะฮฺและยะซีด แต่มวลประชาชาติอิสลามก็ไม่สามารถที่จะนำพาตัวเองเข้ามาสู่สายธารบริสุทธิ์ของท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ) ได้อีกแล้ว ด้วยเหตุผลนานัปการ
ชี้ให้เห็นว่าอิสลามที่แท้จริงนั้นกำลังจะถูกทำลายไปจากมวลประชาชาติอิสลาม และการประกาศ การเผยแพร่ การสอนสั่ง การย้ำเตือน ไม่ส่งผลใดๆ ต่อความรู้สึกของประชาชาติมุสลิมในวันนั้น มีหนทางเดียวก็คือ “การสร้างวีรกรรม การพลีทุกสิ่งทุกอย่างแม้กระทั่งชีวิต” เพื่อทำให้ประชาชาติอิสลามได้รำลึกถึงวีรกรรมนั้น และเพื่อแบ่งแยกอิสลามที่แท้จริงของศาสดามุฮัมมัด (ศ) ออกจากอิสลามเทียมเท็จของบะนีอุมัยยะฮฺ อิมามฮูเซน (อ) ได้สร้างวีรกรรมครั้งประวัติศาสตร์ ณ แผ่นดินกัรบาลาอฺ อย่างกล้าหาญพร้อมกับลูกหลาน และบรรดาสาวกผู้หาญกล้า เป็นการสร้างวีรกรรมครั้งยิ่งใหญ่ มีเป้าหมายหลักเพื่อปกป้องอิสลามที่แท้จริงจากการถูกทำลายโดยศัตรูภายใต้เสื้อคลุมอิสลาม และปลดปล่อยมวลประชาชาติอิสลามออกจากอิสลามเทียมเท็จและความหลงผิด
วีรกรรมในครั้งนั้นได้กลายเป็นกุญแจดอกสำคัญให้กับมวลมุสลิมนิกายชีอะฮฺหลายร้อยล้านคนได้รับการปกป้องจากการตกเป็นเหยื่อของอิสลามเทียมเท็จในปัจจุบันนี้ “การแบ่งแยกอิสลามที่แท้จริงออกจากอิสลามเทียมเท็จ” ไม่ได้หมายถึงการนำมวลประชาชาติอิสลามไปสู่ความแตกแยก หรือสร้างความแตกแยกขึ้นในหมู่ประชาชาติอิสลาม ซึ่งเป็นเรื่องที่อ่อนไหวและสำคัญมาก เนื่องจากความเป็นเอกภาพในหมู่ประชาชาติอิสลามคือเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่หนึ่งของศาสนาอิสลาม ทว่าการแบ่งแยกดังกล่าว คือการแบ่งแยกแนวความคิด หลักความเชื่อ และหลักการปฏิบัติ ที่ถูกบิดเบือนในศาสนาอิสลามเท่านั้น
และภารกิจที่สำคัญคือการแบ่งแยกระหว่างอิสลามที่แท้จริงกับอิสลามเทียมเท็จและต้องรักษาไว้ซึ่งความเป็นเอกภาพด้วยเช่นเดียวกัน การรักษาไว้ซึ่งสองภารกิจสำคัญข้างต้นไปพร้อมๆ กันไม่ใช่เรื่องยาก เนื่องจากทั้งสองภารกิจไม่ได้เป็นภารกิจที่ขัดแย้งกัน และมวลมุสลิมจำเป็นที่จะต้องทำความเข้าใจต่อภารกิจที่สำคัญทั้งสอง หลายๆ เรื่องที่สามารถโอนอ่อนเพื่อสร้างความเป็นเอกภาพได้ การเมือง วัฒนธรรม เศรษฐกิจ ฯลฯ
เรื่องของหลักความเชื่อจำเป็นที่จะต้องมีการขีดเส้นตายที่ชัดเจน นั่นคือคำสั่งสอนในศาสนาอิสลามที่แท้จริง ซึ่งถูกนำมาประกาศแก่มนุษยชาติโดยท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ) และบรรดาวงศ์วานลูกหลานอะฮฺลุลบัยต์ (อ) ของท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ) ไม่ใช่อิสลามที่มีผู้ปกครองเผด็จการกดขี่ข่มเหงประชาชน และสร้างความแตกแยกในหมู่ประชาชาติอิสลาม ดังนั้นการแบ่งระหว่างอิสลามที่แท้จริงกับอิสลามเทียมเท็จจึงเป็นเรื่องที่สำคัญยิ่งในอิสลาม
วีรกรรมของอิมามฮูเซน (อ) บรรดาลูกหลาน และบรรดาสาวก ถูกสร้างขึ้นในแผ่นดินกัรบาลาอฺ เมื่อปี ฮ.ศ. 61 จึงเป็นวีรกรรมที่มีเป้าหมายแบ่งแยกอิสลามที่แท้จริง แนวความคิดที่ถูกต้อง และหลักความเชื่อที่ถูกต้องออกจากอิสลามเทียมเท็จ แนวความคิดที่บิดเบือน และหลักความเชื่อที่หลงผิด และได้รับการจำแนกวิชาการความรู้ไปตามสาขาแขนงต่างๆ ในยุคของท่านอิมามบากิร (อ) และอิมามญะอฺฟัร ซอดิก (อ) แก่มวลประชาชาติอิสลามอย่างสมบูรณ์แบบ
วีรกรรมของอิมามฮูเซน (อ) บรรดาลูกหลาน และบรรดาสาวก โดยการหลั่งเลือดของท่านเอง ของบุคคลที่ท่านรักที่สุดในชีวิต และของบรรดาสาวกที่ดีที่สุดในครั้งนั้นทำให้มนุษยชาติได้รู้จักพวกบะนีอุมัยยะฮฺ พวกบะนีอับบาส และบรรดาผู้ปกครองเผด็จการในระบอบการปกครองของพวกเขา การบิดเบือนอิสลาม การก่ออาชญากรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้นโดยน้ำมือของพวกเขาในหน้าประวัติศาสตร์ รวมถึงความชั่วช้าของบรรดาทายาททางความคิดของพวกเขาในปัจจุบันและอนาคต จะไม่ถูกบันทึกในนาม “อิสลาม” อีกต่อไป แต่ความชั่วช้า และอาชญากรรมต่างๆ ของพวกเขาที่มีในประวัติศาสตร์และจะมีในอนาคต จะถูกจารึกว่าเป็นการทำความชั่ว การก่ออาชญากรรมของพวกเขาซึ่งไม่เกี่ยวข้องอะไรกับศาสนาอิสลามแม้แต่นิดเดียว
โดย เชค มาลีกี ภักดี