لَهُ مَا فِي السَّمَاوَاتِ وَمَا فِي الْأَرْضِ ۖ وَهُوَ الْعَلِيُّ الْعَظِيمُ
“สิ่งที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลาย และสิ่งที่อยู่ในแผ่นดินเป็นสิทธิของพระองค์ และพระองค์เป็นผู้สูงส่ง ผู้ทรงยิ่งใหญ่”
อธิบาย อายะห์ที่ 4 ซูเราะห์ อัชชูรอ
ทุกๆสรรพสิ่งทั้งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน เป็นกรรมสิทธิ์ ของอัลลอฮ์ พระผู้สร้างแต่เพียงองค์เดียว และพระผู้สร้างองค์นี้คือ ผู้ทรงฮากีม (ปรีชาญาน) เมื่อทรงสร้างแล้ว ย่อมมีเป้าหมาย พระองค์มิได้สร้างชั้นฟ้าและแผ่นดินมาอย่างไร้สาระ แต่ถว่ามีเป้าหมายของพระองค์ ด้วยเหตุนี้ พระองค์ทรงประทานวะฮ์ยู และชี้นำทุกๆสรรพสิ่ง โดยเฉพาะมนุษย์ เพื่อมนุษย์จะได้ใช้ชีวิตอยู่บนโลกนี้อย่างที่พระองค์ทรงประสงค์ ตามเป้าหมายการสร้างของพระองค์ และพระองค์นั้นทรงรอบรู้ ทุกสิ่ง ว่าอะไรดีหรือไม่ดีสำหรับมนุษย์ มนุษย์นั้นเขาไม่สามารถจะรับรู้ทุกอย่างได้ด้วยตัวเองทั้งหมดว่าอะไรดีกับเขาและอะไรไม่ดีกับเขา ด้วยเหตุนี้พระองค์จึงส่งบรรดาศาสดามาเพื่อสั่งสอนมนุษย์ โดยผ่านวะฮ์ยูของพระองค์
5 تَكَادُ السَّمَاوَاتُ يَتَفَطَّرْنَ مِنْ فَوْقِهِنَّ ۚ وَالْمَلَائِكَةُ يُسَبِّحُونَ بِحَمْدِ رَبِّهِمْ وَيَسْتَغْفِرُونَ لِمَنْ فِي الْأَرْضِ ۗ أَلَا إِنَّ اللَّهَ هُوَ الْغَفُورُ الرَّحِيمُ
“ชั้นฟ้าทั้งหลายแทบจะพังทลายลงมาจากเบื้องบนของพวกมัน ขณะที่มะลาอิกะฮฺต่างก็แซ่ซ้องสดุดีด้วยการสรรเสริญต่อพระเจ้าของพวกเขา และขออภัยให้แก่ผู้ที่อยู่ในโลกนี้ พึงรู้เถิดว่า แท้จริงอัลลอฮฺนั้น พระองค์เป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ”
อธิบาย อายะห์ที่ 5 ซูเราะห์อัชชูรอ
โองการนี้ สัมพันธิ์กับโองก่านก่อนหน้า คือทุกๆสรรพสิ่งต่างรู้จักพระผู้เป็นเจ้าของพวกมัน แต่ถว่ามนุษย์ส่วนมาก กลับไม่รู้จักพระผู้เป็นเจ้าของพวกเขากลับใช้ชีวิตอย่างไร้สาระ หลงระเริงกับโลกดุนยาลืมที่มาของพวกเขา ด้วยเหตุนี้ พระองค์ จึงได้ส่งบรรดาศาสดาและประทานวะฮ์ยูของพระองค์ลงมา เพื่อมนุษย์จะได้รับทางนำ เเละเมื่อมนุษย์ตอบรับคำเรียกร้องของบรรดาศาสดา และปฏิบัติตามคำสั่งสอนที่พวกท่านนำมา บรรดามาลาอีกะฮ์ ผู้ซึ่งสรรเสริญอัลลอฮ์อยู่ตลอดเวลา ก็จะขออภัยโทษให้แก่บรรดาผู้ศรัทธาที่ตอบรับคำเรียกร้องของศาสดา แน่นอนว่าการขออภัยโทษโดยบรรดามะลาอีกะฮ์ผู้บริสุทธิ์นั้นเอกองค์อัลลอฮ์ทรงตอบรับอย่างแน่นอน เพราะพระองค์คือผู้ทรงอภัยอย่างมากมายอีกทั้งทรงเมตตาเสมอ แก่ปวงบ่าวของพระองค์
6 وَالَّذِينَ اتَّخَذُوا مِنْ دُونِهِ أَوْلِيَاءَ اللَّهُ حَفِيظٌ عَلَيْهِمْ وَمَا أَنْتَ عَلَيْهِمْ بِوَكِيلٍ
“และบรรดาผู้ที่ยึดถือเอาผู้คุ้มครองอื่นนอกจากพระองค์นั้น อัลลอฮฺทรงเฝ้าดูพวกเขาและเจ้ามิใช่ผู้ดูแลคุ้มครองพวกเขา”
อธิบาย อายะห์ที่6 ซูเราะห์อัชชูรอ
อายะห์นี้ ต้องการจะตำนิ สำทับบรรดาผู้ที่ตั้งภาคีต่ออัลลอฮ์(ซบ) ให้รู้ว่า พระองค์นั้นทรงรอบรู้ทุกสิ่ง พระองค์ เห็นและรู้ทุกๆเจตนาของพวกเขา ในวันตัดสินตอบแทนพวกเขาไม่สามารถที่จะหนีไปไหนได้และไม่มีข้ออ้างใดๆทั้งสิ้น
**เป็นหนึ่งในอายะห์ที่พระองค์ประทานลงมาเพื่อปลอบใจท่านศาสดา
7 وَكَذَٰلِكَ أَوْحَيْنَا إِلَيْكَ قُرْآنًا عَرَبِيًّا لِتُنْذِرَ أُمَّ الْقُرَىٰ وَمَنْ حَوْلَهَا وَتُنْذِرَ يَوْمَ الْجَمْعِ لَا رَيْبَ فِيهِ ۚ فَرِيقٌ فِي الْجَنَّةِ وَفَرِيقٌ فِي السَّعِيرِ
“และเช่นนั้นแหละ เราได้วะฮียฺอัลกุรอานเป็นภาษาอาหรับแก่เจ้า เพื่อเจ้าจะได้ตักเตือนอุมมุลกุรอ (ชาวมักกะฮฺ) และผู้ที่อยู่รอบๆเมืองนั้น และเตือนถึงวันแห่งการชุมนุมซึ่งไม่มีข้อสงสัยใดๆในวันนั้น พวกหนึ่งจะอยู่ในสวรรค์ และอีกพวกหนึ่งจะอยู่ในไฟที่ลุกช่วงโชติ”
อธิบายอายะห์ที่7 ซูเราะห์ อัชชูรอ
อัลลอฮ์ ซบ. ได้ประทานวะฮ์ยูของอัลกุรอ่านซึ่งเป็นคัมภีร์สุดท้ายแห่งมวลมนุษยชาติลงมาเป็นภาษาอาหรับ ซึ่งในรายละเอียดเกี่ยวกับภาษาอาหรับนั้นมีมากมายแต่เราจะกล่าวเพียงบางส่วน
ภาษาอาหรับนั้นมีคุณลักษณที่พิเศษคือ เพียงแค่ประโยคสั้นๆแต่ลึกซึ้งไปด้วยโวหารอันมากมาย บางคำของภาษาอาหรับนั้นสามารถแปลได้หลายความหมาย อัลกุรอ่านที่ถูกประทานลงมาก็ใช้ภาษานี้ เป็นมุอ์ญีสาต(สิ่งมหัศจรรย์)ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของท่านศาสดามูฮัมมัด(ศ.) เพื่อมอบให่แก่มนุษย์ ได้ใคร่ควรอย่างลึกซึ้งในพระมหาคัมภีร์เล่มนี้ อายะห์ยังบ่งบอกถึงเมืองที่เป็นจุดเริ่มต้นของศาสนาสุดท้าย ศาสนาอิสลาม คำว่า อุมมุลกุรอ หมายถึง ชาวมักกะฮ์ คือดินเเดนแห่งการกิยามของศาสนาอิสลาม
พระองค์ได้ส่งคัมภีร์อัลกุรอ่านมา เพื่อมนุษยชาติจะได้รับทางนำที่ถูกต้องและบรรลุเป้าหมายในการพัฒนาไปสู่ความเป็นมนุษย์ผู้สมบูรณ์ อายะห์นี้ยังได้แน่นย้ำถึงวันกียามัต ในวันนั้นมนุษ์จะถูกแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งจะได้เข้าสู่สรวงสรรค์ (จากการที่เขาประกอบกบความดีงามต่างๆ) อีกกลุ่มหนึ่งจะอยู่ในไฟนรกเนื้องมาจากพวกเขาไม่ยอมรับคำสั่งสอนของท่านศาสดาและใช้ชีวิตบนโลกดุนยานี้อย่างไร้สาระ ไม่ใคร่ควรต่อคำสอนต่างๆที่พระองค์ทรงประทานลงมา(อัลกุรอ่าน)