ท่านศาสดา (ซ็อลฯ) กล่าวว่า “(การนมาซ) สองร่อกาอัตในยามดึกของกลางคืนนั้น เป็นที่รักยิ่งสำหรับฉันมากกว่าโลกนี้และสิ่งที่อยู่ในมัน”
จากเหตุผลที่ว่าวิญญาณและร่างกายมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดและแนบแน่นต่อกันนั้น ความสว่างไสวไปด้วยรัศมี (นุร) หรือความมืดมนของจิตวิญญาณจึงมีผลกระทบโดยตรงต่อร่างกาย ทำนองเดียวกันกับความชั่วและการละเมิดฝ่าฝืนต่อพระผู้เป็นเจ้า จะทำให้ใบหน้าของเราเป็นใบหน้าแบบชัยฏอน (มืดมน) ส่วนการนมาซในยามดึกของกลางคืน (ตะฮัจญุด) และการดำอิบาดะฮ์ในยามดึก จะทำให้ใบหน้าของคนเราเกิดรัศมี (นูร) ประหนึ่งว่าร่องรอยของความสะอาดบริสุทธิ์จากความผิดบาปจะปรากฏให้เห็นบนใบหน้าของผู้ทำการนมาซตะฮัจญุดนั้น ประจักษ์พยานของข้อเท็จจริงดังกล่าวนี้สามารถพบเห็นได้จากใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยรัศมี (นูร) ของเอาลิยาอุลลอฮ์ (ปวงผู้เป็นที่รักของพระผู้เป็นเจ้า) และเหล่าบุรุษแห่งพระเจ้า ซึ่งแม้แต่คนทั่วไปหรือผู้ที่ไร้ตักวา (ความยำเกรง) ต่อพระผู้เป็นเจ้าก็ไม่อาจปฏิเสธข้อเท็จจริงนี้ได้
ในวจนะต่างๆ ของบรรดามะอ์ซูม (อ.) มีการบ่งชี้ไว้อย่างมากมายในเรื่องนี้ ซึ่งจะขอนำเสนอบางส่วนไว้เป็นตัวอย่างในที่นี้
ท่านศาสดาอีซา (อ.) กล่าวว่า
طوبی للذین یتهجدون من اللیل، اولئک الذین یرثون النور الدائم من اجل انهم قاموا فی ظلمة الیل
“ความโชคดีจงมีแด่บรรดาผู้ที่ทำนมาซ (ตะฮัจญุด) ในยามค่ำคืน พวกเขาเหล่านั้นคือผู้ที่จะสืบทอดมรดกรัศมี (นูร) ที่นิรันดร์ อันเนื่องมาจากการที่พวกเขาได้ยืนนมาซท่ามกลางความมืดมิดของยามค่ำคืน” (1)
ท่านศาสดามุฮัมมัด (ซ็อลฯ) กล่าวว่า
مَنْ كَثُرَ صَلاتُهُ بِاللَّيْلِ حَسُنَ وَجْهُهُ بِالنَّهَارِ
“ผู้ใดที่ทำนมาซอย่างมากในยามค่ำคืน ใบหน้าของเขาก็จะงดงามในยามกลางวัน” (2)
มีผู้ถามท่านอิมามซัยนุลอาบิดีน (อ.) ว่า
ما بالُ الْمُتَهَجِّدینَ بِاللَّیلِ مِنْ اَحْسَنِ النّاسِ وجهاً؟
“อะไรที่เป็นเหตุทำให้บรรดาผู้นมาซในยามค่ำคืน เป็นคนที่มีใบหน้างดงามที่สุด”
(เป็นที่ชัดเจนว่าจุดประสงค์ของ “มีใบหน้างดงามที่สุด” นั้น ไม่ได้หมายถึงการมีหน้าตาดี อย่างเช่น หล่อหรือสวย หรือตาและคิ้วของเขาเป็นอย่างไร แต่ทว่าหมายถึงการมีใบหน้าที่มีรัศมี (นูร) และดึงดูดจิตใจ)
ท่านอิมาม (อ.) กล่าวตอบว่า
لاِنَّهُمْ خَلَوْا بِاللهِ فَکساهُمُ اللهُ مِنْ نورِهِ
“เนื่องจากพวกเขาปลีกวิเวกอยู่กับอัลลอฮ์ ดังนั้นอัลลอฮ์จึงทรงสวมอาภรณ์แห่งรัศมี (นูร) ให้แก่พวกเขา” (3)
ท่านอิมามซอดิก (อ.) กล่าวว่า
صَلَاةُ اللَّيْلِ تُحَسِّنُ الْوَجْهَ
“การนมาซในยามกลางคืนจะทำให้ใบหน้างดงาม” (4)
และในอีกวจนะหนึ่งท่านกล่าวว่า
صَلَاةُ اللَّيْلِ تُبَيِّضُ الْوَجْهَ ، وَ صَلَاةُ اللَّيْلِ تُطَيِّبُ الرِّيحَ ، وَ صَلَاةُ اللَّيْلِ تَجْلِبُ الرِّزْقَ
“การนมาซในยามกลางคืนจะทำให้ใบหน้าขาวผ่อง และการนมาซในยามกลางคืนจะทำให้มีกลิ่นกายหอม และการนมาซในยามกลางคืนจะดึงดูดริษกี (ปัจจัยดำรงชีพ)” (5)
ท่านศาสดามุฮัมมัด (ซ็อลฯ) ได้กล่าวว่า
الرَّكْعَتَانِ فِي جَوْفِ اللَّيْلِ أَحَبُّ إِلَيَّ مِنَ الدُّنْيَا وَ مَا فِيهَا
“(การนมาซ) สองร่อกาอัตในยามดึกของกลางคืนนั้น เป็นที่รักยิ่งสำหรับฉันมากกว่าโลกนี้และสิ่งที่อยู่ในมัน” (6)
จากฮะดีษ (วจนะ) เหล่านี้ ทำให้เข้าใจได้ว่า ความข่าวผ่องและความมีรัศมี (นูร) ของใบหน้าของผู้ทำนมาซซอลาตุ้ลลัยน์ (นมาซในยามกลางคืน) นั้น ไม่ใช่สิ่งที่เกี่ยวข้องกับชีวิตในปรโลกเพียงเท่านั้น ทว่าในโลกนี้ใบหน้าของพวกเขาก็จะขาวผ่องและเปี่ยมไปด้วยรัศมี (นูร) ด้วยเช่นกัน
เชิงอรรถ :
(1) มีซานุลฮิกมะฮ์, เล่มที่ 10, หน้าที่ 234
(2) นะฮ์ญุลฟะซอหะฮ์, หน้าที่ 580
(3) บิฮารุลอันวาร, เล่มที่ 87, หน้าที่ 195
(4) ษะวาบุ้ลอะอ์มาล, หน้าที่ 70
(5) อัตตะฮ์ซีบ, เล่มที่ 2, หน้าที่ 120
(6) วะซาอิลุชชีอะฮ์, เล่มที่ 8, หน้าที่ 156