นะบูวะห์ (ตอนที่ 9 )
สภาวะความเป็นศาสดา
“อิศมัต” (ความบริสุทธิ์) ที่แท้จริงคืออะไร
ผู้ที่สามารถเรียกว่า “อิศมัต” ได้นั้น นอกจากไม่ทำบาปแล้ว ยังต้องมีความบริสุทธิ์ที่วางอยู่บนพื้นฐานคุณสมบัติอุปนิสัยด้านบวกของ “มวลมะลาอิกะฮฺ” หมายถึง สิ่งๆนั้นกลายเป็นเรือนร่างเดียวกับตัวของเขา ซึ่งอุปนิสัยอันนี้ได้มาจากการที่เขาได้เสริมสร้างมันขึ้นมา และเขายังสามารถควบคุมตัวเองจากการทำบาปในทุกๆสภาพได้ อีกทั้งอุปนิสัยการเป็นมะลาอิกะฮฺที่ดี ที่เป็นคุณลักษณะที่มีอยู่ในตัวเขา จนกระทั่งคุณลักษณะนั้นไม่สามารถที่จะแยกออกจากตัวเขาได้
ความบริสุทธิ์ที่ขึ้นอยู่กับ“ชะรีอัต” ของแต่ละยุคของบรรดาศาสดา ในที่นี้หมายถึง การไม่ทำบาปตามหลัก “ชารีอัต” บทบัญญัติทางศาสนาของตนเอง คือ ชารีอัตในยุคศาสดาแต่ละท่านมีความแตกต่างกัน เช่นในยุคสมัยศาสดาอาดัม (อ) อนุญาตให้พี่กับน้องสามารถแต่งงานได้ แต่ในยุคศาสดามูฮัมหมัด (ศ็อลฯ) กลายเป็นสิ่งที่ต้องห้ามตามหลักศาสนา
ดังนั้น จึงไม่สามารถกล่าวได้ว่า การกระทำสิ่งนี้ในยุคศาสดาอาดัม(อ)เป็นบาป เพราะไม่ได้ขัดกับชารีอัตในยุคสมัตของท่าน และไม่ได้ขัดกับความเป็น “มะอฺศูม” ผู้บริสุทธิ์ด้วย
ในแต่ละศาสดามีคำสั่งใช้ทั้งที่เป็น “ชะรีอัต” (เป็นข้อบังคับ) และมีคำสั่งใช้ที่ไม่ได้เป็น “ชะรีอัต” (ไม่ได้เป็นข้อบังคับ) และมีคำสั่งห้ามที่เป็นชารีอัตและคำสั่งห้ามที่ไม่ได้เป็นชะรีอัต
คำว่า “ซัมบุน”(ذنب) และ “อิศยาน”))(عصيان) ซึ่งทั้งสองคำแปลว่า “บาป” ซึ่งคำว่า “บาป”ในอัลกุรอาน จะใช้รวมกันระหว่างบาปที่หมายถึงการละเมิดชะรีอัต และบาปที่หมายถึงการละเมิดสิ่งที่ไม่ใช่เป็นชะรีอัต
เมื่อพิจารณาบางครั้งใช้กับการละเมิดที่เป็นชารีอัต บางครั้งใช้กับการละเมิดที่ไม่เป็นชารีอัต บางครั้งเมื่อคำเหล่านี้ใช้กับศาสดาบางท่าน ก็ไม่ได้หมายความว่าศาสดาทำบาป เพราะไม่ได้เป็นการละเมิดชารีอัต แต่เรียกว่า “ตัรกุลเอาลา”
“ตัรกุลเอาลา” หมายถึง การละทิ้งสิ่งที่ดีกว่า หรือการละทิ้งสิ่งที่ดีที่สุดไป ซึ่งเป็นสิ่งที่ได้ถูกนำเสนอจาก อัลลอฮ์(ซ.บ) ซึ่งการละทิ้งสิ่งนี้ไม่ได้เป็นบาปตามหลักชะรีอัต เช่นตัวอย่างของท่านศาสดาอาดัม (อ) ในวันนั้นศาสดาอาดัม (อ) อยู่ ณ สรวงสวรรค์หนึ่ง อัลลอฮ์ (ซ.บ) ได้ตรัสกับศาสดาอาดัม (อ)
ในซูเราะฮฺอัลบากอเราะฮฺ โองการที่ 35
وَ لَا تَقْرَبَا هَاذِهِ الشَّجَرَةَ فَتَكُونَا مِنَ الظَّالِمِين
“และเจ้าทั้งสอง จงอย่าเข้าใกล้ต้นไม้ต้นนั้น มันจะทำให้เจ้าทั้งสองกลายเป็นผู้อธรรม”
ทว่าศาสดาอาดัม(อ)ได้เข้าใกล้ต้นไม้ต้นนั้นและได้กินผลของมัน ซึ่งเป็นการละเมิดข้อเสนอที่ดีกว่าของพระองค์แต่ไม่ได้ถือว่าเป็นการทำผิดชะรีอัต ดังนั้น ความหมายอีกประการหนึ่งของ”อิศมัต” (ความบริสุทธิ์) คือ การไม่ละเมิดบทบัญญัติทางศาสนาที่เป็น “ชะรีอัต”นั่นเอง
“อิศมัต” (ความบริสุทธิ์) ที่แท้จริงประการสุดท้าย คือ อิศมัตที่สูงสุด เป็นความเร้นลับแห่งความบริสุทธิ์ของบรรดาศาสดาซึ่งสิ่งนั้นเป็นความรู้ประจักษ์ แม้แต่ความรู้ ความคิด การรู้อนาคต การรู้ในเหตุการณ์ต่างๆ บ่งชี้ถึงความรู้ที่ถูกต้องและสมบูรณ์ที่สุดที่เป็นแก่นแท้ของวิชาการทั้งปวง
ขอขอบคุณสถาบันศึกษาศาสนาอัลมะฮ์ดี