ฮิญาบพูดได้
หลายคนพูดว่าการมีฮิญาบทำให้ผู้หญิงมีเอกลักษณ์ ฉันไม่คิดว่าการคลุมศีรษะและผมจะเป็นเครื่องหมายของการมีเอกลักษณ์ ฮิญาบไม่ใช่แค่ผ้าชิ้นหนึ่งเท่านั้น แต่สำคัญมากกว่านั้น มันเป็นพฤติกรรม เป็นนิสัย เป็นคำพูด และเป็นการแสดงตัวตนที่แท้จริง สัญลักษณ์ของเสิ้อผ้าเป็นเพียงแง่มุมหนึ่งของเอกลักษณ์ของบุคคลเท่านั้น”
“ผมพยายามให้ความเคารพผู้หญิงทุกคนอย่างดีที่สุด โดยไม่นึงถึงว่าพวกเธอจะมีฮิญาบหรือไม่ สิ่งสำคัญที่สุดในฮิญาบของผู้หญิงคือวิธีที่พวกเธอมีปฏิกิริยากับผู้ชาย และวิธีที่พวกเธอหวังจะได้รับการปฏิบัติ ไม่ใช่สิ่งที่พวกเธอสวมใส่”
ถึงแม้ผู้ชายจะอ้างว่าพวกเขาปฏิบัติกับผู้หญิงที่คลุมและไม่คลุมฮิญาบในลักษณะที่เหมือนกัน แต่ผู้ประกาศข่าวหญิงชาวอิหร่านเชื้อสายเฮติกล่าวต่างออกไป “ฉันรู้สึกว่าวิธีที่ผู้ชายปฏิบัติกับผู้หญิงที่คลุมฮิญาบนั้นแตกต่างกับวิธีที่พวกเขาปฏิบัติกับผู้หญิงที่ไม่คลุมฮิญาบ ฉันสัมผัสได้ ฉันรู้สึกได้ไม่รู้ว่าจริงหรือเปล่านะ ว่าผู้ชายน่านับถือมากกว่า ฉันรับรู้สิ่งนี้ได้ในการรวมกลุ่มที่ไม่ต้องคลุมฮิญาบ ผู้ชายจะรู้สึกถึงสิ่งกีดขวางที่พวกเขาข้ามไปไม่ได้ การรู้ว่ามีสิ่งกีดขวางเช่นนั้นอยู่ทำให้ฉันรู้สึกสบายใจขึ้น ฉันรู้ว่าฉันข้ามมันไปได้ ถ้าฉันอยากจะข้าม แต่พวกเขาทำไม่ได้”
“เมื่อถึงวัยหนึ่ง ก็ถึงเวลาที่ต้องตอบคำถามที่ไม่เคยถูกตอบในชั้นเรียนศาสนา ในการค้นหาคำตอบนั้น ฉันค้นพบทางของฉัน ฉันพบฮิญาบของฉัน ที่ไม่ใช่ชาโด้(ชุดประเพณีดั้งเดิมแบบผ้าคลุมตั้งแต่หัวจรดเท้า) แบบนั้นมันไม่ใช่ฉัน ฉันสวมชุดยาวพร้อมกับผ้าคลุมศีรษะหนึ่งผืน ถึงแม้ว่าในที่ชุมนุมอีกหลายแห่งอาจเลือกเป็นอย่างอื่นได้”
“แม่ของฉันเป็นแคธอลิก ส่วนพ่อเป็นมุสลิม ทั้งสองเป็นคนหัวแข็ง แม่ของฉันมีมาตรฐานทางศีลธรรมและหลักการเช่นเดียวกับฉัน เธอไม่ได้ยืนกรานและไม่ได้ต่อต้านฮิญาบ แต่ฉันรู้ว่าตอนนี้แม่เห็นด้วยกับวิธีแต่งตัวของฉันแล้ว”
“ในปี 1998 ฉันไปศึกษาที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในฝรั่งเศส แต่ฉันอยู่ได้เพียง 6 เดือนเท่านั้น มันไม่ง่ายเลย มีหลายเหตุผลที่ทำให้ฉันต้องกลับมาอิหร่าน เหตุผลหนึ่งก็คือฮิญาบ ฉันรู้สึกได้ถึงความเป็นปรปักษ์จากชาวยุโรปส่วนใหญ่ มันเหมือนกับว่าฉันไม่ใช่คนที่เท่าเทียมกับพวกเขาเพราะฮิญาบของฉัน ฉันเคยศึกษาที่สหรัฐฯ ด้วยเหมือนกัน แต่ฉันไม่เคยรู้สึกแบบเดียวกับในประเทศฝรั่งเศสเลย”
นักเขียนหญิงชาวอเมริกันผู้เคยอาศัยอยู่ในหลายประเทศกล่าวว่า “การสวมฮิญาบในสหรัฐฯ เมื่อครั้งยังเป็นวัยรุ่นนั้นไม่ใช่เรื่องสนุกเลย แต่เมื่อฉันโตขึ้นก็ดูเหมือนมันจะง่ายขึ้น ตอนนี้ฉันได้รู้แล้วว่ามันมีความสำคัญสำหรับฉันมากแค่ไหนที่ต้องสวมฮิญาบในตอนนั้น มันได้ช่วยฉันไว้จากหลายสิ่งหลายอย่างด้วยกัน เช่น การเป็นเชียร์ลีดเดอร์ และการรวมกลุ่มกับพวกผู้ชาย”
“ฉันรู้สึกว่าการสวมฮิญาบเป็นสิ่งที่เหมาะสมกับฉัน ลักษณะที่สงบเสงี่ยมเรียบร้อยเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยม แต่เนื้อผ้าไม่ค่อยเยี่ยมเท่าไหร่ โดยเฉพาะในฤดูร้อนมันยากมากที่จะสวมฮิญาบ เพราะมันยิ่งทำให้ร้อนเข้าไปอีก แต่แก้วพลาสติกสีดำไม่ใช่แก้วที่ฉันจะเอามาดื่มชา ไม่ใช่เพราะแฟชั่นหรอก แต่เพราะห่วงสุขภาพต่างหาก ฮิญาบก็เหมือนกัน แม้จะร้อนหรืออึดอัด แต่มันทำให้ฉันสะดวกสบาย ฉันไม่ต้องตกแต่งประดับประดาและไม่ต้องขยายตู้เสื้อผ้าสำหรับชุดทำงาน ฉันไม่ต้องถูกแซวตามท้องถนน ไม่ต้องถูกกวนใจจากเพื่อนร่วมงานผู้ชาย ฉันอยากจะแต่งตัวเหมือนผู้หญิงอาหรับในตะวันออกกลางเลยด้วยซ้ำ”
ดูเหมือนว่าฮิญาบจะไม่ใช่เพียงผ้าชิ้นหนึ่งบนศีรษะของผู้หญิงเท่านั้น แต่มันยังสื่อถึงอะไรได้มากมาย ที่สำคัญ มันยังมาพร้อมกับภาระรับผิดชอบอีกมากมายด้วย หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ผู้หญิงมุสลิมที่สวมฮิญาบจะมีความเข้าใจด้วยว่า ร่างกายทุกส่วนของเธอก็จะต้องถูกรักษาอยู่ภายใต้ฮิญาบด้วยเช่นกัน เคารพและเห็นคุณค่าของตัวตนที่แท้จริงของคุณ และให้จิตใจของคุณแสดงออกแทนร่างกาย นั่นคือสิ่งที่ฮิญาบพูดออกมาโดยไม่จำเป็นต้องใช้คำพูดใดๆ