ผู้ป่วยแห่งกัรบาลาอฺ (ตอนที่3)
ท่านหญิงอุมมุลบะนีน ผู้เล่าเรื่องราวกัรบาลาอฺ ณ ประตูเข้าออกเมืองมะดีนะฮฺ
นอกจากตัวของท่านอิมามซัยนุลอาบีดีน(อ) ที่ได้แสดงแบบอย่างด้วย ตัวท่านเองแล้ว บรรดาลูกหลานและเหล่าสตรีก็มีหน้าที่ที่จะต้องเป็นผู้แสดงบทบาทอันนี้ด้วย กล่าวคือ แม้นแต่ท่านอุมมุลบะนีน ผู้เป็นมารดาของท่าน อับบาส และน้องๆอีกสามคนของท่านที่เป็นชะฮีดแห่งกัรบาลาอฺ จะไปนั่งอยู่ที่หน้าประตูเข้าออกของเมืองมะดีนะฮฺเป็นประจำทุกวัน โดยเฉพาะท่านหญิง อุมมุลบะนีน(มารดาของท่านอับบาส)
ท่านหญิงอุมมุลบะนีน ได้กำสวดร่ายบทกวีต่างๆที่เกิดขึ้น ณ กัรบาลาอฺ นางได้เล่าเรื่องราวแห่งกัรบาลาอฺ เพื่อให้ผู้คนที่สัญจรไปมาได้รับรู้ ซึ่งท่านหญิงอุมมุลบะนีน เป็นภริยาของอะมีรุลมุอฺมินีน(อ) เป็นภริยาของคอลีฟะฮฺ อะลี อิบนิ อะบีฏอลิบ แน่นอนเมื่อมีผู้คนผ่านไปมาจะต้องเข้ามาทักทายและจะต้องเข้ามาสลามถามสารทุกข์สุขดิบ ซึ่งการพูดคุยของท่านหญิงอุมมุลบะนีนนั้นจะไม่มีเรื่องอื่นใด เว้นแต่เรื่องราวแห่งกัรบาลาอฺเท่านั้น นางจะพูดถึงเรื่องราวแห่งกัรบาลาอฺ นางจะประพันธ์จะร่ายบทกวีแห่งกัรบาลาอฺ เพื่อให้ทุกคนได้รับรู้ว่า เกิดอะไรขึ้นในแผ่นดิน กัรบาลาอฺ? อะไรกำลังเกิดขึ้นในแผ่นดินอิสลาม? บนีอุมัยยะฮฺกำลังทำอะไรกับอิสลามอันบริสุทธิ์?
กำเนิดอาชีพผู้เล่าเรื่องแห่งกัรบาลาอฺ
ท่านหญิงซัยหนับ(ซ) และทุกๆคนก็ได้ช่วยกัน อีกทั้งทรัพย์สินของ อับดุลลอฮฺ บิน ญะอฺฟัร สามีของท่านหญิงซัยหนับ (ซ) ก็ได้ถูกนำใช้ในภารกิจอันนี้เกือบทั้งหมด และท่านหญิงซัยหนับ(ซ) ก็ได้มอบทรัพย์สินจำนวนหนึ่งของท่าน อับดุลลอฮฺ ให้กับอิมามซัยนุลอาบีดีน(อ) ท่านอิมามซัยนุลอาบีดีน ก็จะส่งทรัพย์สินเงินทองจำนวนมาก ประกอบกับในวันนั้น บนีอุมัยยะฮฺต้องการที่จะล้างบาปทางการเมืองของพวกมัน ก็ได้ส่งทรัพย์จำนวนมากให้กับอิมามซัยนุลอาบีดีน (อ) และอิมามไม่ได้ปฏิเสธทรัพย์สินต่างๆเหล่านั้น ซึ่งก็เป็นอีกนัยยะหนึ่งทางการเมือง ที่มีความแยบยลเป็นอย่างมาก อิมามได้เอาทรัพย์สินทั้งหมดใช้จ่ายไปทั่วอานาจักร คนที่ขึ้นมัจญฺลิส บรรยาย คนที่อ่านมูศีบัต คนที่เล่าเรื่องราวแห่งกัรบาลาอฺนั้น ท่านอิมามจะส่งเจ้าหน้าที่หรือคนของท่านเงินทองเข้าไปสนับสนุนจนยื่นป็นที่มาและจุดเริ่มต้นการเกิดอาชีพ “ผู้เล่าเรื่องแห่งกัรบาลาอฺ” และอาชีพของการเล่าเรื่องราวแห่งกัรบาลาอฺก็เกิดขึ้นอย่างเป็นทางการในยุคของท่านอิมาม ซัยนุลอาบีดีน (อ) กลุ่มคนเหล่านี้ได้เกิดขึ้นในยุคของท่าน ซึ่งมันมิได้เกิดขึ้นโดยธรรมชาติเพียงอย่างเดียว แต่เกิดขึ้นด้วยความจงใจ ด้วยความการตั้งใจในการสถาปนา เพราะอีกฝ่ายหนึ่งก็พยายามที่จะลบล้างประวัติศาสตร์อันนี้
กลุ่มขบวนการเตาวาบีน
ฉะนั้นยุคของการแจกถุงเงินถุงทองของท่านอิมามซัยนุลอาบีดีน(อ) ก็ถูกใช้ไปในวิถีทางนี้ เพียงระยะเวลาอันสั่นก็เกิดขบวนการต่างๆขึ้นมา โดยเฉพาะในกูฟะฮฺนั้นเกิดหลายขบวนการเป็นอย่างมากที่ออกมาต่อต้านการปกครองของบนีอุมัยยะฮฺ กลุ่มขบวนการแรกที่เป็นกิจะลักษณะที่เข้มแข็งที่เกิดขึ้นหลังเหตุการณ์ กัรบาลาอฺ คือ ขบวนการ “เตาวาบีน” ซึ่งเป็นกลุ่มบุคคลที่เสียใจต่อเหตุการณ์ กัรบาลาอฺ “เตาวาบีน” มาจากคำว่า “เตาบัต” คือกลุ่มชนที่ “เตาบัตตัว” เพื่อล้างแค้นให้กับเลือดของท่านอิมามฮุเซ็น (อ) ที่เกิดขึ้นที่กัรบาลาอฺ และกลุ่มดังกล่าวก็สามารถทลายและกำจัดบรรดาสาวกหรือสมุนของบนีอุมัยยะฮฺในกูฟะฮฺได้เป็นจำนวนมาก
ขบวนการของ มุคตาร อัลษะกอฟีย์
เมื่อขบวนการเตาวาบีนได้พ่ายแพ้ลง ก็ได้เกิดขบวนการที่ยิ่งใหญ่กว่าขบวนการเตาวาบีนขึ้นมา นั้นก็คือขบวนการของ “มุคตาร อัลษะกอฟีย์” ซึ่งเป็นหนึ่งในบุคคลที่มีความสำคัญที่มาล้างแค้นหรือล้างหนี้เลือดส่วนหนึ่งให้กับท่านอิมามฮุเซ็น (อ) ท่านมุคตาร ได้ทำการไล่ล่าฆาตกรตัวสำคัญๆที่ได้ก่ออาชญากรรมที่กัรบาลาอฺ ไม่ว่าจะเป็น อุมัร บิน ซะอดฺ ชิมรฺ อิบนิ ซิลญูซัน ฮัรมาละฮฺ พลธนูและคนอื่นๆ หรือแม้แต่ โคลี ผู้ที่ถือศีรษะของท่านอิมามฮุเซ็น (อ) ซึ่งได้เอาไปเก็บไว้ที่บ้านของมันก็ถูกไล่ลาเช่นกัน อีกทั้งได้ไล่ล่าฆาตกรจำนวนมาก ซึ่งสิ่งเหล่านี้เกิดมาจากการปลุกเร้าและผ่านกระบวนการชี้นำของท่านอิมามซัยนุลอาบีดีน (อ)ทั้งสิ้น
ท่านอิมามได้แสดงแบบอย่างในการนำมนุษย์กลับสู่พระองค์อย่างแท้จริง
ยุทธวิธีหนึ่งที่สำคัญที่สุด โดยเฉพาะแง่มุมของการรักษาสาส์นแห่งกัรบาลาอฺ ซึ่งถือเป็นภารกิจที่ยิ่งใหญ่อันหนึ่งของท่านอิมามซัยนุลอาบีดีน (อ) เพราะภารกิจนี้ทำให้ศาสนาอันบริสุทธิ์ที่ผ่านแนวทางของท่านอิมามฮุเซ็น(อ) ชื่อของท่านอิมามฮุเซ็น (อ) วีรกรรมของท่านหญิงซัยหนับ (ซ) และวีรกรรมของบรรดาอัศฮาบ จึงไม่ถูกลืมจนถึงทุกวันนี้ และสิ่งนี้ไม่ใช่เพียงแต่เป็นการปกปักษ์พิทักษ์รักษาอิสลามอันบริสุทธิ์เพียงเท่านั้น แต่เรื่องราวแห่งกัรบาลาอฺและสาส์นอันนี้เท่านั้นที่จะนำไปสู่การปฏิวัติอันยิ่งใหญ่ของท่านอิมามมะฮฺดี (อ)! ยุทธวิธีที่สำคัญอีกประการหนึ่งที่ท่านอิมามซัยนุลอาบีดีน(อ) ได้เน้นเป็นอย่างมาก ดังที่เราได้กล่าวไปแล้วว่า ณ วันนั้นเหตุการณ์ในอาณาจักรอิสลาม ไม่ว่าจะเป็นอีมาน (ความศรัทธา) และอัคลาค เกือบจะ ไม่หลงเหลืออยู่ในหัวใจของผู้นับถือศาสนาอิสลามในยุคนั้นอีกต่อไป ในยุคนั้นศาสนาคือการหลอกลวง ศาสนาคือการแสวงหาถุงเงินถุงทอง ศรัทธาเพียงแต่รักตัวกลัวตาย เมื่อใดก็ตามที่ผู้ศรัทธานั้นถูกทดสอบด้วยความหวาดกลัว เมื่อใดก็ตามที่ผู้ศรัทธานั้นถูกทดสอบด้วยความตาย ด้วยการข่มขู่ พวกเขาก็พร้อมที่จะทิ้งความศรัทธา อีมานและอัคลาค ซึ่งสิ่งเหล่านี้ ณ วันนั้นเป็นสิ่งที่เกือบจะเป็นศูนย์ และคนเกือบทั้งหมดไม่ได้ให้ความสำคัญอีกเลย
การจะนำมาซึ่งอิสลามอันบริสุทธิ์ จะต้องเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆเหล่านี้ ด้วยยุทธวิธีนี้ ทำให้ท่านอิมามซัยนุลอาบีดีน(อ) จึงได้ทุ่มเททั้งชีวิตไม่ว่าจะเป็นการสอนวิชาอัคลาคโดยตรง การสอนเรื่องความศรัทธา การนำมนุษย์เข้าสู่เตาฮีด การนำมนุษย์เข้าสู่การรู้จักนะบูวัต การนำมนุษย์เข้าสู่อะฮฺลุลบัยตฺ(อ) อีกครั้งหนึ่ง ดังนั้นท่านจึงต้องแสดงบทบาททั้งแบบภายนอกและภายใน
แบบภายนอก ก็คือ สอนบทดุอาอฺต่างๆในภาครวม ดุอาอฺต่างๆที่ท่านได้วิงวอนขอ ซึ่งถือเป็นอาวุธที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสิ่งหนึ่งเนื่องจากในวันนั้นดาบไม่มีประโยชน์ใดๆอีกต่อไป !
เบื้องต้นไม่มีใครกล้าคิดที่จะจับดาบต่อกรกับบนีอุมัยยะฮฺ เหตุผลเพราะมีความศรัทธาและอัคลาคที่อ่อนแอ และเกือบจะสูญสิ้นไปหมดแล้ว ฉะนั้นจะมีเพียงท่านอิมามซัยนุลอาบีดีน (อ) เท่านั้นที่สามารถนำมนุษย์กลับเข้าสู่ศรัทธาที่บริสุทธิ์อย่างแท้จริงอีกครั้งหนึ่ง โดยท่านได้ปฏิบัติและสั่งสอนทั้งในภาคของความรู้ มะอฺรีฟัตและในภาคของการอิบาดัตโดยตรง เราไม่สามารถที่จะจินตนาการได้ว่า อิบาดัตของท่านอิมามซัยนุล อาบีดีน(อ) นั้น ยิ่งใหญ่และสำคัญขนาดไหน และด้วยภาคอิบาดัตของท่านที่ท่านได้แสดงต่อหน้าสาธารณะชน สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงจิตใจของผู้คนได้ จนถึงขั้นที่อัลลอฮฺ (ซบ) ได้ขนานนามท่านว่า ซัยนุลอาบีดีน (อาภรณ์แห่งผู้เคารพภักดีพระผู้เป็นเจ้า)
ขอขอบคุณเว็บไซต์ syedsulaiman