ฮิญาบในอิสลาม
ทำไมผู้หญิงมุสลิมจึงจำเป็นต้องสวมฮิญาบ?
ท่านอิมามญะอฺฟัร อัศศอดิก(อ.) กล่าวว่า "ความอ่อนน้อมถ่อมตน คือ สัญลักษณ์ของความศรัทธา ผู้ใดที่ไม่มีความอ่อนน้อมถ่อมตน ย่อมไม่มีศาสนา"
การสวมฮิญาบที่แท้จริง คือ การสวมใส่ความอ่อนน้อมถ่อมตนและปกปิดร่างกายทั้งหมดยกเว้นใบหน้าและฝ่ามือด้วยความเรียบร้อยเหมาะสม โดยที่ไม่เผยให้เห็นทรวดทรงหรือส่วนเว้าส่วนโค้งของร่างกาย และไม่แต่งเติมความงามบนใบหน้าด้วยเครื่องแต่งหน้าใดๆ
ยิ่งกว่านั้น ฮิญาบยังทำให้ผู้หญิงรู้สึกถึงการมีอำนาจ มีเกียรติยศศักดิ์ศรี และได้รับความเคารพ ซึ่งผู้ไม่ศรัทธาจะไม่รู้สึกได้เลย บรรดาผู้ที่มีความประพฤติดีเท่านั้นที่จะได้รับความชื่นชมยกย่องและความนับถืออย่างสูงจากคนอื่น ส่วนบรรดาผู้ที่พยายามดึงดูดความสนใจจากผู้ชายไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นคนมีความประพฤติดีอย่างแท้จริง
บรรดาผู้ที่ปฏิเสธฮิญาบและหวังจะดึงดูดความสนใจจากผู้ชายนั้นกำลังเป็นโรคจิตขั้นร้ายแรง พวกเธอเหล่านั้นเชื่อว่าผู้ชายมีความประเสริฐกว่าและเพื่อเอาชนะความรู้สึกนี้ พวกเธอจึงต้องเอาเสน่ห์แห่งสตรีเพศของตัวเองมาใช้ แต่ทำไมสตรีมุสลิมจะต้องมีความรู้สึกเช่นนี้ด้วยเล่า ในเมื่อพวกเธอรู้ดีอยู่แล้วว่าพวกเธอมีความเสมอภาคเท่าเทียมกันกับผู้ชาย?
ดังนั้น ฮิญาบจึงมีคุณค่าให้คุณประโยชน์อย่างมากมาย เป็นเครื่องป้องกันความเสื่อมเสีย เป็นความเสมอภาคเท่าเทียมกันกับผู้ชาย ทำให้มีเกียรติและน่านับถือ และเหนือสิ่งอื่นใดทั้งหมด มันเป็นการเชื่อฟังต่ออัลลอฮ์(ซ.บ.) ซึ่งมีค่าเสมอเหมือนเลือดของบรรดาชะฮีด(ผู้พลีชีพเพื่อศาสนา) ฮิญาบกำหนดให้ผู้หญิงต้องหลีกเลี่ยงการดึงดูดความสนใจของผู้ชายในทุกด้าน
ฮิญาบ สัญลักษณ์แห่งเกียรติยศและความเท่าเทียม
พระองค์อัลลอฮ์(ซ.บ.) ได้ให้สิทธิ์แก่ทั้งบุรุษและสตรีอย่างเท่าเทียมกัน พระองค์ทรงห้ามไม่ให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอ้างความเหนือกว่าซึ่งกันและกัน
สตรีในอิสลามได้รับความเคารพและมีเกียรติ และผู้ชายมุสลิมก็ให้ความสำคัญกับภรรยาของเขาอย่างยิ่ง ศาสดามุฮัมมัด(ศ.) ได้กล่าวว่า "คนดีที่สุดในหมู่พวกท่านคือผู้ที่ให้ความช่วยเหลือที่ดีที่สุดแก่ภรรยาของเขา"
สถานะของภรรยาได้รับการยกย่องไว้อย่างสูง และเธอไม่มีหน้าที่ต้องทำงานบ้านใดๆ นอกจากเธอทำด้วยความเต็มใจและด้วยความรัก แต่ถ้าสามีของเธอบังคับให้เธอต้องทำงานใด เขาจะต้องตอบคำถามต่ออัลลอฮ์(ซ.บ.) สำหรับการกระทำของเขา เธอไม่มีหน้าที่ต้องหารายได้มาจุนเจือในบ้านของสามี งานของเธอเป็นไปตามกฎของอิสลามเสมอ ภรรยาของมุสลิมนั้นเป็นราชินีในบ้านของสามี สิ่งแรกที่สามีต้องทำให้แก่ภรรยาของเขาคือการหาคนรับใช้มาช่วยงานเธอตามความสามารถของเขา และเมื่อเธอได้เป็นแม่ เธอจะได้รับความเคารพอย่างยิ่งจากสามีของเธอ ดังคำกล่าวของศาสดา(ศ.) ที่ใช้กันบ่อยในอิสลามที่ว่า "สวรรค์นั้นอยู่ใต้เท้าของมารดา"
และอัลลอฮ์(ซ.บ.) ทรงตรัสไว้ว่า
"และพระเจ้าของเจ้า บัญชาว่า พวกเจ้าอย่าเคารพภักดีผู้ใดนอกจากพระองค์เท่านั้นและจงทำดีต่อบิดามารดา เมื่อผู้ใดในทั้งสองหรือทั้งสองบรรลุสู่วัยชราอยู่กับเจ้า ดังนั้นอย่ากล่าวแก่ทั้งสองว่า อุฟ ! และอย่าขู่เข็ญท่านทั้งสอง และจงพูดแก่ท่านทั้งสองด้วยถ้อยคำที่อ่อนโยน" (อัล-กุรอาน 17/23)
ฮิญาบ คือ การกระทำที่ถูกต้องอย่างหนึ่ง และมันเป็นสัญลักษณ์ของความมีเกียรติยศและเท่าเทียมกันกับผู้ชาย และเป็นเกราะป้องกันจากผู้ชายที่ชั่วร้าย อัลลอฮ์ทรงตรัสไว้ว่า
"และจงกล่าวเถิดมุฮัม มัดแก่บรรดาผู้ศรัทธาหญิงให้พวกเธอลดสายตาของพวกเธอลงต่ำ และให้พวกเธอรักษาส่วนพึงสงวนของพวกเธอ และอย่าเปิดเผยเครื่องประดับของพวกเธอ เว้นแต่สิ่งที่พึงเปิดเผยได้และให้เธอปิดด้วยผ้าคลุมศีรษะของเธอลงมาถึงหน้าอกของเธอ และอย่าให้เธอเปิดเผยเครื่องประดับของพวกเธอ เว้นแต่แก่สามีของพวกเธอ หรือบิดาของสามีของพวกเธอ หรือลูกชายของพวกเธอ หรือลูกชายสามีของพวกเธอ หรือพี่ชายน้องชายของพวกเธอ หรือลูกชายของพี่ชายน้องชายของพวกเธอหรือลูกชายของพี่สาวน้องสาวของพวกเธอ หรือพวกผู้หญิงของพวกเธอ หรือที่มือขวาของพวกเธอครอบครอง (ทาสและทาสี) หรือคนใช้ผู้ชายที่ไม่มีความรู้สึกทางเพศหรือเด็กที่ยังไม่รู้เรื่องเพศสงวนของผู้หญิง และอย่าให้เธอกระทืบเท้าของพวกเธอ เพื่อให้ผู้อื่นรู้สิ่งที่พวกเธอควรปกปิดในเครื่องประดับของพวกเธอ และพวกกเจ้าทั้งหลายจงขออภัยโทษต่ออัลลอฮ์เถิด โอ้ บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย เพื่อว่าพวกเจ้าจะได้รับชัยชนะ" (อัล-กุรอาน 24/31)
ความเสียหายจากการไม่มีฮิญาบ
ก่อนหน้าที่มหาอำนาจทั้งหลายจะบุกรุกเข้ามาในประเทศมุสลิมและทำให้ชาวมุสลิมต้องเริ่มต้นการใช้ชีวิตปะปนร่วมกับคนต่างศาสนา สตรีมุสลิมทุกคนสามารถเดินอยู่บนโลกใบนี้ได้ด้วยความนับถือและมีเกียรติยิ่ง ผู้ไม่ศรัทธาทั้งหลายต่างค้นพบว่าเป็นการยากที่จะเข้าไปใกล้ขอบเขตแห่งความบริสุทธิ์ของพี่น้องสตรีมุสลิมของเรา ฮิญาบ(อาภรณ์สำหรับสตรีมุสลิม) ไม่เพียงแต่ปกป้องพวกเธอจากสายตาชั่วร้ายของผู้ไม่ศรัทธาเหล่านั้น แต่ยังให้อิสรภาพและเสรีภาพจากการถูกพวกเขาปฏิบัติอย่างเลวร้ายอีกด้วย
บรรดาผู้ไม่ศรัทธาได้วางแผนที่จะทำลายสิ่งกีดขวางของพวกเขาด้วยการถอดฮิญาบออกไป และน่าเสียดายที่พี่น้องสตรีของเราหลายคนได้ถอดฮิญาบและเปิดเผยร่างกายของพวกเธอโดยไม่ได้สำนึกถึงความน่าละอายและความเสียหายที่พวกเธอกำลังนำมาสู่ตัวของพวกเธอเอง
เมื่อมหาอำนาจต้องการจะบุกรุกประเทศจีน พวกเขาต้องพบกับอุปสรรคและการไม่ยอมให้ความร่วมมือของจีน เพื่อเป็นการทำลายการต่อต้านนั้น มหาอำนาจได้ส่งฝิ่นเข้าไปยังประเทศจีนอย่างมากมาย และทำให้มันมีพอสำหรับชาวจีนเสมอโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย เมื่อชาวจีนติดฝิ่น การให้โดยไม่คิดราคาก็หยุดลง จะมีให้ก็เฉพาะแต่บรรดาผู้ที่ทำตามคำสั่งของมหาอำนาจเท่านั้น
การถอดฮิญาบก็มีผลกระทบแบบเดียวกันนั้น เมื่อครั้งหนึ่ง เราอยู่อย่างมีเอกราชและเกียรติยศ แต่เมื่อถอดฮิญาบแล้วก็ไม่ใช่อื่นใดนอกจากทาสของความปรารถนาอันชั่วร้ายของตัวเอง และประพฤติตัวเลวร้ายกว่าผู้ปฏิเสธศรัทธาเสียอีก ด้วยการถอดฮิญาบเท่ากับได้ทำลายความศรัทธาของตัวเองลงแล้ว อิสลามหมายถึงการยอมจำนนต่ออัลลอฮ์(ซ.บ.) ในทุกการกระทำและพฤติกรรมของเรา บรรดาผู้ปฏิเสธการยอมจำนนนั้นย่อมไม่อาจถูกเรียกได้ว่าเป็นมุสลิม
บรรดาผู้ไม่ศรัทธาที่เปิดเผยเรือนร่างของตัวเอง พวกเขาได้ถอดเกราะคุ้มกันที่เรียกว่าความอ่อนน้อมถ่อมตนในฮิญาบ และปล่อยให้ตัวเองไม่ได้รับการปกป้อง อันนำมาซึ่งความเสื่อมเสีย เช่นมีการข่มขืนแล้วฆ่ากันหนึ่งครั้งในทุกๆ สิบวินาทีบนโลกใบนี้ แต่บรรดามุสลิมที่แท้จริงซึ่งสวมฮิญาบอย่างถูกต้องเหมาะสมได้รับการปกป้องจากความเสื่อมเสียนั้น และยากที่จะพบกับเหตุการณ์เช่นนั้นได้
สวมฮิญาบด้วยความรัก
มีพี่น้องสตรีมุสลิมจำนวนมากที่ให้ความสนใจต่อความพึงพอใจของตัวเองและเพื่อนๆ ที่ไม่ใช่มุสลิม มากกว่าอัลลอฮ์(ซ.บ.) เราอย่าได้ลืมจุดประสงค์ในการมีชีวิตอยู่ของเรา ซึ่งคือการปลูกฝังความรักและความพึงพอใจเพื่ออัลลอฮ์ให้เกิดในหัวใจของเรา และไม่ใช่เพื่อสิ่งอื่นใดทั้งสิ้น เราจะสร้างความรักนั้นได้อย่างไรในเมื่อเราดื้อดึงต่อพระองค์? ความรักและความพึงพอใจเกิดมาจากหัวใจ และบรรดาผู้ที่รักอัลลอฮ์(ซ.บ.)อย่างแท้จริงนั้น จะไม่ทำสิ่งอื่นใดที่ตรงข้ามกับสิ่งนี้เลย
พี่น้องสตรีมุสลิมของเราบางคนมีข้ออ้างว่า บรรดาผู้ที่ไม่ใช่มุสลิมพากันหัวเราะพวกเธอเนื่องจากการคลุมฮิญาบและทำให้พวกเธอรู้สึกขายหน้า รู้ไว้เถิดว่า พวกเขาอาจจะหัวเราะเพียงแค่ระยะหนึ่งเท่านั้น แต่หลังจากนั้นไม่นาน พวกเขาจะไม่มีทางเลือกใดนอกจากต้องให้ความเคารพต่อสตรีมุสลิมที่คลุมฮิญาบ เพราะการปฏิบัติตัวและหลักยึดเหนี่ยวในจิตใจของพวกเธอไม่อาจถูกทำให้หวั่นไหวได้เพียงเพราะการหัวเราะเล็กน้อยของพวกเขา
อย่าลืมประโยคที่คุ้นหูประโยคหนึ่งที่ว่า "คนหัวเราะทีหลังจะหัวเราะได้นานที่สุด"
สตรีมุสลิมมีชีวิตอยู่เพื่ออนาคตไม่ใช่เพื่อปัจจุบัน เราทุกคนกำลังรอคอยที่จะได้เข้าสู่สวรรค์เนื่องจากความศรัทธาและการเคารพเชื่อฟังต่ออัลลอฮ์(ซ.บ.)
ฮิญาบ คือ บทบัญญัติหนึ่งของอัลลอฮ์(ซ.บ.) ศาสดามุฮัมมัด(ศ.) กล่าวว่า บรรดาสตรีที่ไม่คลุมฮิญาบอย่างเหมาะสมนั้นกำลังปฏิเสธบทบัญญัติของอัลลอฮ์(ซ.บ.) อย่างชัดเจน
บรรดาอะฮฺลุลบัยต์(อ.) ผู้บริสุทธิ์ ต้องต่อสู้อย่างหนักและต้องเสียสละอย่างไม่มีสิ่งใดจะเสมอเหมือน เพื่อนำอิสลามที่แท้จริงมาสู่เรา การละทิ้งฮิญาบเท่ากับทำให้การเสียสละของพวกท่านเหล่านั้นต้องสูญเปล่า และความพึงพอพระทัยของอัลลอฮ์(ซ.บ.) นั้นคือความสุขที่ยิ่งใหญ่ที่สุด แต่บรรดาผู้ดื้อดึงทั้งหลายไม่มีการลงโทษอื่นใดรอคอยพวกเขาอยู่นอกจากไฟนรก
ขอขอบคุณเว็บไซต์อะฮ์ลุลบัยต์อะคาเดมี