ไทยแลนด์
Saturday 23rd of November 2024
0
نفر 0

ปรัชญาของวันอีดฟิตร์

ปรัชญาของวันอีดฟิตร์

โดย เชคมาลีกี ภักดี

 

الله اكبر، الله اكبر، لا اله الا الله و الله اكبر ولله الحمد والحمدلله على ما هدانا وله الشكر على ما اولينا

หากเราได้พิจารณาถึงวจนะหนึ่งของท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ.) ที่ท่านได้กล่าวว่า

"อามั้ลที่ประเสริฐที่สุดในเดือนรอมฎอน คือ การออกห่างจากสิ่งที่เป็นต้องห้ามทั้งมวล"

และอีกวจนะหนึ่งของท่านอะมีรุ้ลมุอ์มินีน อิมามอะลี (อ.) ที่ได้กล่าวว่า

 "ทุกๆ วันซึ่งปราศจากการกระทำความผิดบาปต่อพระองค์อัลลอฮ์ (ซ.บ) วันนั้น คือวันอีด"

 

วจนะข้างต้น จึงพอที่จะทำความเข้าใจถึงปรัชญาของวันอีดฟิตร์ (หรือวันฮารีรายอที่เราหลายคนรู้จัก) ที่มีอยูในอิสลาม ว่าจริงๆแล้ววันอีดฟิตร์คือวันอะไร?

 เพราะว่าในสังคมมุสลิมปัจจุบัน วันอีดได้กลายเป็นเทศกาล หรือประเพณีหนึ่งเสียแล้ว กลายเป็นวันที่จะได้ใส่เสื้อผ้าใหม่ๆ ได้กินขนมอร่อยๆ ได้ไปมัสยิดสำหรับหลายๆ คนที่ตลอดทั้งปีไม่ค่อยจะได้ไปมัสยิด แต่เมื่อวันอีดฟิตร์มาถึง มันจำเป็นอย่างมากที่จะต้องไป และอีกหลายอย่างๆ ที่เกิดเป็นประเพณีวัฒนธรรมในสังคมเราทุกวันนี้ วันอีดในอิสลาม ที่สำคัญมีอยู่ด้วยกันทั้งหมดสี่วัน

 

1-วันอีดกุรบาน คือวันอีดแห่งการเสียสละ ซึ่งคอยย้ำเตือนมวลมุสลิมอยู่เป็นนิจสินว่า พวกเขาได้เข้าสู่แก่นแท้แห่งการเสียสละหรือยัง?

เสมือนดั่งที่ท่านศาสดาอิบรอฮีม (อ.) ได้ไปถึงยังเป้าหมายแห่งการเสียสละที่แท้จริงมาแล้ว และท่านอิมามฮูเซน (อ.)

บุตรของ อะลี บิน อะบีฏอลิบ ได้แสดงการเสียสละอันยิ่งใหญ่ โดยการพลีอันยิ่งใหญ่ ณ ผืนแผ่นดินกัรบะลาอ์อย่างสมบูรณ์แบบในวันนั้น

 

2-วันอีดฆอดีร เป็นวันอีดแห่งอิมามัต หรือวิลายัต เป็นวันแห่งการแต่งตั้งผู้นำประชาชาติอิสลามหลังจากที่ท่านจากโลกนี้ไปแล้ว คือวันที่ท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ.) ได้แต่งตั้งท่าน อะลี บิน อาบีฏอลิบ ให้รับภารกิจในการปกครองประชาชาติอิสลาม และนำพามนุษยชาติสู่การเป็นบ่าวที่ดีของพระองค์ โดยมีพระมหาคัมภีร์อัลกุรอานเป็นธรรมนูญสูงสุด ณ ท้องทุ่งฆอดีรคุม ต่อหน้าสาธารณชนเรือนแสนที่กำลังเดินทางกลับจาก

การประกอบพิธีฮัจญ์ในวันนั้น วันอีดฆอดีร คือวันซึ่งมวลมุสลิมจะต้องคิดให้หนักต่อจิตใต้สำนึกของตัวเองในเรื่องของ "ผู้นำ" ผู้ซึ่งที่จะมาดำรงตำแหน่งสืบสานเจตนารมณ์ของท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ.) ที่เขาเลือกปฏิบัติอยู่นี้มันถูกต้องหรือไม่?

 

ผู้นำประชาชาติแห่งอิสลาม ศาสดามุฮัมมัด (ศ.) จำเป็นจะต้องแต่งตั้งด้วยตัวของท่านเอง หรือว่าประชาชาติอิสลามจะต้องสุมหัวกันเลือกตั้งเองเมื่อท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ.) สิ้นชีวิตลง ? ในมุมมองของอิสลามถือว่าเรื่องนี้คือเรื่องสำคัญยิ่งนัก เป็นเรื่องของรากฐานแห่งรัฐอิสลาม

ซึ่งหากว่าผู้นำผู้นั้นไม่ใช่ตัวจริง รัฐอิสลามของท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ.) เพราะผู้นำที่ไม่ใช่ตัวตนแห่งท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ.) จะไปในทิศทางใด ซึ่งการทำความเข้าใจเรื่องที่สำคัญยิ่งนี้ มุสลิมทุกคนควรกลับไปศึกษาประวัติศาสตร์อิสลามดูให้ดี ว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ.) เสียชีวิตเพียงไม่กี่ชั่วโมง

 

หากจะกล่าวตรงนี้ว่า เกิดการก่อกบฏยึดอำนาจการปกครองของท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ.) ทันที โดยการวางแผนไว้ล่วงหน้ามาก่อน นั่นคือความจริงที่เกิดขึ้นแล้วในประวัติศาสตร์โดยไม่ได้มีการใส่ใคล้บุคคลใด ทั้งหมดมีบันทึกในประวัติศาสตร์อิสลาม แต่การก่อกบฏดังกล่าวได้รับการปกป้อง และเกื้อหนุนจากมุสลิมที่ร่วมหัวอยู่กับบรรดาผู้กบฏเหล่านั้น โดยการอ้างโน้นอ้างนี้อย่างมากมายเพื่อสร้างความเป็นธรรมให้กับ

ผู้ก่อกบฏเหล่านั้น นับจนปัจจุบันนี้ และจวบจนวันสิ้นโลก.....

 

3-วันอีดวันศุกร์ คือวันซึ่งบรรดามวลมุสลิมได้สำนึกในความเป็นมุสลิมของตน โดยการรวมตัวกันในครอบครัว ในหมู่ญาติมิตร หรือการไปร่วมกันนมาซวันศุกร์ เป็นสัญลักษณ์แห่งความเป็นเอกภาพ เป็นหนึ่งเดียวกันในหมู่พี่น้องมุสลิม วันศุกร์จึงมีความประเสริฐยิ่งนักในทัศนะของพระองค์อัลลอฮ์ (ซ.บ)

 

4-วันอีดฟิตร์ คือ วันอีดที่สำคัญที่สุดเช่นเดียวกัน เพราะหากไร้ซึ่งวันอีดฟิตร์ แน่นอน วันอีดอื่นๆ ที่เหลือก็จะไม่สามารถไปสู่ความสมบูรณ์ได้

นั่นเป็นเพราะวันอีดฟิตร์ คือวันแห่งความสมบูรณ์ของการพัฒนาตนเอง โดยการหล่อหลอมจิตวิญญาณด้วยการอ่านพระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน อ่านดุอาอ์ วิงวอนยังพระองค์ การนมาซ การขัดเกลาจิตวิญญาณ การต่อสู้กับอารมณ์ฝ่ายต่ำของตัวเอง ฯลฯ

วันอีดฟิตร์หากประสพกับผู้ใดแล้ว คือวันอีดสำหรับเขาผู้นั้น เนื่องจากคำกล่าวหนึ่งของท่านอะมีรุ้ลมุอ์มินนีน อิมามอะลี (อ.) ที่ว่า

"วันนี้คือวันอีด สำหรับผู้ซึ่งศีลอดของพวกเขา อิบาดัตของพวกเขา ได้รับการยอมรับจากพระผู้ทรงอภิบาลเท่านั้น และทุกๆ วันซึ่งปราศจากการกระทำความผิดบาปต่อพระองค์อัลลอฮ์ (ซ.บ) วันนั้น คือวันอีด"

คำกล่าวข้างต้นของท่านอะมีรุ้ลมุอ์มินีน อิมามอะลี (อ.) มีต้นกำเนิดมากจากวิวรณ์แห่งพระผู้เป็นเจ้าโดยแน่แท้ อันเนื่องมาจากว่าท่านได้กล่าวสิ่งนั้นออกมา เมื่อท่านได้รับคำตอบจากท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ.) จากคำถามที่ท่านได้ถามจากท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ.) ที่ว่า

"ภารกิจใดที่ประเสริฐที่สุดในเดือนรอมฎอนอันทรงเกียรตินี้?

และท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ.) ได้ตอบว่า "คือการออกห่างจากการขัดขืนคำสั่งของพระองค์อัลลอฮ์ (ซ.บ) ทุกประการ"

หมายถึงการพัฒนาตนเองและขัดเกลาจิตวิญญาณ หรือการหวนกลับสู่จิตใต้สำนึกแห่งความบริสุทธิ์ของตน

 

คำว่า อีด عيد  มีรากศัพย์มาจาก เอาวด์ عود หมายถึง การหวนกลับ การคืนกลับ

 

คำว่า ฟิตร์ فطر มีรากศัพย์มาจาก ฟิตรัต فطرت หมายถึง ธาตุแท้ ธรรมชาติ ลักษณะที่แท้จริงของสิ่งๆ หนึ่ง

 

ดังนั้น อีดิ้ลฟิตร์  عيد فطر หมายถึง การหวนกลับของมนุษย์สู่ลักษณะที่แท้จริงของมนุษย์ คือคืนกลับสู่ธาตุแท้แห่งความบริสุทธิ์ผุดผ่องของมนุษยทุกคน

แต่หากกังวลว่า การหวนกลับของมนุษย์สู่ลักษณะที่แท้จริงคือความบริสุทธิ์นั้น ระหว่างความสัมพันธ์ของตัวมนุษย์ กับธรรมชาติอันบริสุทธิ์ของมนุษย์ ตรงกันหรือไม่อย่างไร? เพราะหากวัน "อีดิ้ลฟิตร์" คือวันหวนคืนสู่ธรรมชาติบริสุทธิ์ของเรา แล้วเราจะทราบได้อย่างไร ว่าธรรมชาติบริสุทธิ์ (ฟิตรัต) ของเราที่พระองค์ทรงมอบให้ ที่ปกคลุมไปด้วยความหมองม่น ความมืดมิด ด้วยม่านแห่งความโง่เขลาเบาปัญญา ความหันเห ความผิดบาป ฯลฯ มันยังคงอยู่หรือไม่? และไม่รู้ว่าในเดือนรอมฎอนทั้งเดือนที่ผ่านมา ม่านต่างๆ เหล่านั้นได้ถูกกระชากออกไปบ้างหรือยัง?

ไม่ต้องไปคิดกังวลเช่นนั้นแต่ประการใด เนื่องจากว่า "ความบริสุทธิ์แห่งจิตวิญญาณ" ที่อยู่ในตัวมนุษย์นั้น จะคงบริสุทธิ์ตลอดกาล แต่การกระทำบาป การขัดขืนคำสั่งของพระองค์ จะทำให้ความบริสุทธิ์แห่งจิตวิญญาณมีม่านมากั้นขวาง ระหว่างมนุษย์ กับธรรมชาติแห่งความบริสุทธิ์นั้น และเดือนรอมฎอนที่ผ่านมาทั้งเดือน พระองค์อัลลอฮ์ (ซ.บ) ได้วางมารตการต่างๆ อย่างมากมายให้กับมนุษย์ เป็นความเมตตา

อันยิ่งใหญ่ที่พระองค์ทรงมอบให้ เพื่อทำลายและให้มนุษย์ได้ทำลายม่านต่างๆ ที่มันมาขัดขวางระหว่าง มนุษย์กับธรรมชาติแห่งความบริสุทธิ์ จึงสามารถกล่าวได้ว่าระดับของการหวนกลับ หรือกลับคืนสู่ธรรมชาติแห่งความบริสุทธิ์ของแต่ละคนแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับการขัดเกลา

จิตวิญญาณ การปฏิบัติของแต่ละคนในสามสิบวันที่ผ่านมาว่าอยู่ในระดับใด

 

ดังนั้นเดือนรอมฎอนคือ เดือนแห่งการขัดเกลาจิตวิญญาณที่บริสุทธิ ให้ปราศจากความโสมมต่างๆ หากเปรียบจิตวิญญาณที่บริสุทธิ์เหมือนเหล็กก้อนหนึ่งที่มีสนิมร้ายกำลังเกาะกินเหล็กก้อนนั้นอยู่ทุกวี่วัน ก็เหมือนกันในเดือนรอมฎอนเราได้ขัดเกลา ความบาป ความโง่เขลา

ความปราถนาแห่งอารมณ์ฝ่ายต่ำที่มี ซึ่งกำลังเกาะกินความบริสุทธิ์แห่งจิตวัญญาณอยู่นานนับปี นั่นคือความหมายของการขัดเกลา

จิตวิญญาณ หรือคือการพัฒนาตนเองสู่การเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์แบบ

 

วันอีดิ้ลฟิตร์ คือ วันที่มุสลิมต้องเฉลิมฉลอง ที่ตลอดเวลาทั้งเดือนที่ผ่านมามุสลิมได้ต่อสู้กับอารมณ์ปราถนาของตนเองอย่างแข็งขัน มุสลิมได้ทำสงครามกับตัวเอง และวันอีดิ้ลฟิตร์ คือวันประกาศชัยชนะนั้น เป็นวันที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งเป็นของขวัญจากพระองค์อัลลอฮ์ (ซ.บ) เนื่องจากว่า

ในทุกๆ ศาสนาของพระองค์มีบทบัญญัติการถือศีลอดทั้งสิ้น และผู้ที่อยู่ในศาสนาเหล่านั้นต่างก็ต้องถือศีลอด ซึ่งวันและเวลาในการถือศีล

ก็จะแตกต่างกันออกไป

 

แต่สาระสำคัญ คือ วันสิ้นสุดการถือศีลอดในศาสนาก่อนหน้านี้ไม่มีวันเฉลิมฉลองวันอีด แต่เมื่อมาถึงยุคของศาสนาอิสลาม เมื่อพระองค์ได้ทรงกำหนดให้เดือนรอมฎอนเป็นเดือนแห่งการถือศีลอด เมื่อเสร็จสิ้นการถือศีล พระองค์ได้ทรงกำหนดวันอีดฟิตร์ให้กับมุสลิมด้วย เป็นสิ่งเฉพาะสำหรับมุสลิม

ท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ.) ได้กล่าวไว้ว่า

"อีดฟิตร์ คือ วันซึ่งพระองค์อัลลอฮ์ (ซ.บ) ได้ทรงมอบให้กับประชาชาติทั้งชายและหญิงของฉัน ซึ่งพระองค์ไม่เคยมอบสิ่งนี้ให้กับผู้ใดเลยก่อนหน้าฉัน" ดังนั้นอีดฟิตร์ คือของขวัญจากสรวงสวรรค์

อีดฟิตร์ คือ วันซึ่งมวลมุสลิมทั่วทั้งโลกได้รวมกันเป็นหนึ่ง เนื่องจากมุสลิมได้นมาซร่วมกัน ปฏิบัติภารกิจหลายๆ อย่างร่วมกัน วันอีดฟิตร์จึงเป็นสัญลักษณ์แห่งความเป็นเอกภาพของมวลมุสลิมทั่วทั้งโลก

 

วันอีดฟิตร์ คือสัญลักษณ์ของพระองค์อัลลอฮ์ (ซ.บ) และบุคคลใดที่ได้ให้เกียรติสัญลักษณ์ของพระองค์ มันจะก่อให้เกิดความยำเกรงขึ้นใน

จิตใจของบุคคลผู้นั้น และวันอีดฟิตร์ คือสัญลักษณ์หนึ่งของพระองค์ การปฏิบัติอามั้ล การให้เกียรติต่อวันอีดฟิตร์ คือการให้เกียรติ

ต่อสัญลักษณ์ของพระองค์อัลลอฮ์ (ซ.บ) พระองค์ทรงตรัสไว้ในซูเราะฮ์ฮัจญ์ โองการที่ 32 ว่า

"ฉะนั้น ผู้ใดที่ได้ให้เกียรติแก่สัญลักษณ์ของ

อัลลอฮ์ แท้จริงมันเป็นส่วนหนึ่งแห่งความยำเกรงของจิตใจ"

 

ท่านอะมีรุ้ลมุอ์มินีน อิมามอะลี (อ.) ได้กล่าวว่า

"โอ้ปวงบ่าวของพระองค์อัลลอฮ์เอ๋ย พึงรู้ไว้เถิดว่าสิ่งที่ใกล้ที่สุดซึ่งพระองค์อัลลอฮ์ ได้ทรงมอบให้แก่ปวงบ่าวผู้ถือศีลอดของพระองค์ทุกคน คือในวันสุดท้ายของเดือนรอมฎอน จะมีมะลาอิกะฮ์องค์หนึ่งถูกส่งมาจากพระองค์ ได้คอยตะโกนว่า โอ้ปวงบ่าวของพระองค์เอ๋ย จงรับฟังข่าวดี ว่าพระองค์นั้นได้อภัยโทษแก่บาปต่างๆ ที่ผ่านมาของพวกเจ้าหมดสิ้นแล้ว

 

ดังนั้นพึงสำนึกให้ดีว่าการใช้ชีวิตใหม่ที่จะเกิดขึ้นในวันข้างหน้านี้จะเป็นไปอย่างไร และคำประกาศนี้จะดังขึ้นจะกระทั่งดวงเดือนของเดือน

เชาวาลโผล่ออกมา มะลาอิกะฮ์จะกล่าวอีกว่า โอ้ผู้ศรัทธาทั้งหลาย มารับรางวัลต่างๆ ของพวกท่านเถิด"

 

ขอขอบคุณเว็บไซต์อะฮ์ลุลบัยต์อะคาเดมี

 

0
0% (نفر 0)
 
نظر شما در مورد این مطلب ؟
 
امتیاز شما به این مطلب ؟
اشتراک گذاری در شبکه های اجتماعی:

latest article

ตัฟซีรซูเราะฮ์อัลฟาติฮะฮ์ ...
ดุอากุเมล คำอ่านพร้อมความหมาย
...
เปชวาร์ราตรี : เสวนาคืนที่ 1 ...
...
สระน้ำเกาษัรคืออะไร?
ความอธรรมในอัลกุรอาน
...
“ฟาฏิมะฮ์”แปลว่าอะไร? ...
...

 
user comment