แรงจูงใจในการออกห่างจากความชั่ว
لَوْ لَمْ يَتَوَعَّدِ اللهُ عَلَى مَعْصِيَةٍ لَكَانَ يَجِبُ أَنْ لاَ يُعْصَى شُكْراً لِنِعَمِه
“แม้ว่าพระผู้เป็นเจ้ามิได้ทรงสัญญาที่จะลงโทษต่อการละเมิดฝ่าฝืนใดๆ ก็ตาม ก็จำเป็นที่มนุษย์จะต้องไม่ละเมิดฝ่าฝืนพระองค์ เพื่อเป็นการขอบคุณต่อเนี๊ยะอ์มัต (ความโปรดปรานและปัจจัยอำนวยสุข) ต่างๆ ของพระองค์ (ที่ทรงประทานให้แก่เขา)”
(นะฮ์ญุลบะลาเฆาะฮ์ ฮิกมะฮ์ที่ 287)
คำอธิบาย :
คนที่ทำความชั่วและไม่ปฏิบัติตามคำบัญชาของพระผู้เป็นเจ้านั้น ในความเป็นจริงแล้วเขากำลังทำลายเนี๊ยะอ์มัต (ความโปรดปรานและปัจจัยอำนวยสุข) ต่างๆ ที่พระองค์ทรงประทานให้แก่เขา ทั้งนี้เนื่องจากบุคคลที่มีพฤติกรรมเช่นนี้ เขาอาจจะกระทำความชั่วอย่างใดอย่างหนึ่งได้ ดังนั้น จึงใช้พละกำลังและความสามารถทั้งหมดที่เขามีอยู่ไปในการกระทำสิ่งดังกล่าว ในขณะที่พระผู้เป็นเจ้ามิได้ให้พละกำลังและความสามารถเหล่านี้แก่เขาเพื่อกระทำความชั่วและการละเมิดฝ่าฝืนต่อพระองค์
เราลองมาพิจารณาบุคคลหนึ่งซึ่งเขาต้องการที่จะกระทำความชั่วและละเมิดฝ่าฝืนคำสั่งของพระผู้เป็นเจ้า ตัวอย่างเช่น เขาต้องการที่จะลักขโมย
อวัยวะทุกส่วนของร่างกายของบุคคลนี้จะต้องทำหน้าที่ของมันอย่างเต็มที่ เพื่อที่เขาจะสามารถกระทำความชั่วดังกล่าวได้
ปอดของเขาจะต้องทำหน้าที่หายใจอย่างต่อเนื่องเพื่อสูดอากาศใหม่เข้าไปในตัวเขา เพื่อทำให้เขามีชีวิตอยู่ต่อไปได้ หัวใจของเขาก็จะต้องเต้นอยู่อย่างต่อเนื่องและเป็นระบบ เพื่อทำให้เลือดไหลเวียนไปทั่วร่างกายของเขาเพื่อทำให้เขามีชีวิตต่อไป สายตาของเขาจะต้องใช้พลังความสามาเพื่อทำให้เขามองเห็นทาง เท้าทั้งสองของเขาจะต้องใช้พลังความสามารถเพื่อให้เขาขับเคลื่อนและย่างก้าวไปในทิศทางที่สายตาของเขามองเห็น หูทั้งสองของเขาจะต้องใช้พลังความสามารถในการรับฟังเพื่อจำแนกและรับรู้ถึงเสียงการเข้ามาใกล้ของผู้คน เพื่อเขาจะได้หลบหนีจากอันตรายได้ มือทั้งสองของเขาก็จะต้องเคลื่อนไหวเพื่อปฏิบัติการต่างๆ เพื่อที่เขาจะเปิดประตูและหยิบฉวยสิ่งต่างๆ สมองของเขาก็จะต้องปฏิบัติหน้าที่ของมันเพื่อออกคำสั่งไปยังอวัยวะส่วนอื่นๆ ของร่างกายของเขา เพื่อให้อวัยวะเหล่านั้นทำหน้าที่ของมัน... หากอวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งจากทั้งหมดเหล่านี้ กล่าวคือหนึ่งในเนี๊ยะอ์มัตที่พระผู้เป็นเจ้าทรงประทานให้แก่มนุษย์นี้ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ของมันอย่างถูกต้องสมบูรณ์แล้ว คนบาปผู้นี้ก็จะไม่มีความสามารถในการทำความชั่วได้
ดังนั้นจะเห็นได้ว่า คนชั่วเพื่อที่จะทำบาปและละเมิดฝ่าฝืนต่อพระผู้เป็นเจ้านั้น เขาจะต้องใช้ประโยชน์จากปัจจัยอำนวยความสะดวกและพละกำลังเหล่านี้ซึ่งพระผู้เป็นเจ้าได้ทรงประทานมันให้แก่เขาเพื่อกระทำในสิ่งที่ถูกต้องและเป็นความดีงาม ดังนั้นคนชั่วด้วยกับการกระทำต่างๆ ที่เป็นบาปแต่ละอย่างของเขานั้น จะไม่เป็นการทำลายและเนรคุณในเนี๊ยะอ์มัตและกำลังความสามารถที่พระผู้เป็นเจ้าทรงประทานให้แก่เขาดอกหรือ?
แน่นอนยิ่งว่า พระผู้เป็นเจ้าทรงเตือนและขู่สำทับการลงโทษแก่ปวงบ่าวของพระองค์จากการทำชั่วและการละเมิดฝ่าฝืนคำสั่งของพระองค์ไว้แล้ว แต่หากพระองค์ไม่ทรงขู่สำทับเช่นนี้ไว้ และมนุษย์วางใจต่อการที่ว่าเขาจะได้รับอภัยโทษและไม่ถูกลงโทษเนื่องจากความชั่วและการละเมิดฝ่าฝืนต่างๆ ของเขา กระนั้นก็ตามเขาก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะทำลายเนี๊ยะอ์มัตต่างๆ ของพระผู้เป็นเจ้า กล่าวคือมนุษย์จำเป็นจะต้องรู้คุณค่าในเนี๊ยะอ์มัตต่างๆ เหล่านี้ อันได้แก่ การมองเห็น การได้ยิน การสัมผัสกลิ่น การเคลื่อนไหว การเต้นของหัวใจ ความคิด ความสามารถในการกระทำสิ่งต่างๆ ที่เขามีอยู่ รวมทั้งปัจจัยอำนวยประโยชน์อีกนับจำนวนร้อยพันประการที่พระองค์ทรงประทานให้แก่เขา เขาจะต้องไม่ใช้เนี๊ยะอ์มัตอันยิ่งใหญ่และทรงคุณค่าเหล่านี้ไปในการกระทำความชั่วและการละเมิดฝ่าฝืนต่อพระองค์ เพื่อเป็นการแสดงความกตัญญูและการขอบคุณต่อพระองค์
แปลและเรียบเรียงโดย : เชคมุฮัมมัดนาอีม ประดับญาติ
source : alhassanain