ในช่วงเวลาที่อาการป่วยของท่านหญิงคอดีญะฮ์ (อ.) ได้รุนแรงขึ้น นางได้กล่าวกับท่านศาสนทูตของอัลลอฮ์ (ซ็อลฯ) ว่า :
يا رسول الله! اسمع وصاياي
"โอ้ท่านศาสนทูตของอัลลอฮ์! โปรดฟังคำสั่งเสียต่าง ๆ ของข้าพเจ้า"
(หมายความว่า นี่คือคำพูดสุดท้ายของข้าพเจ้าแล้ว ที่ข้าพเจ้าจะพูดกับท่านในช่วงสุดท้ายของชีวิตนี้) หลังจากนั้นนางได้เริ่มต้นกล่าวที่ละอย่าง ๆ ว่า :
أولا، فإنی قاصرة فی حقك، فاعفنی یا رسول اللّه
"ประการแรก แท้จริงข้าพเจ้าได้กระทำบกพร่องในสิทธิของท่าน ดังนั้นได้โปรดอภัยให้ข้าพเจ้าด้วยเถิด โอ้ท่านศาสนทูตของอัลลอฮ์!"
ท่านศาสนทูตของอัลลอฮ์ (ซ็อลฯ) ได้กล่าวตอบว่า :
حاشا و كلا، ما رأیت منك تقصیرا فقد بلغت جهدك و تعبت فی ولدی غایة التعب، و لقد بذلت أموالك و صرفت فی سبیل اللّه مالك
“หามิได้และมันไม่ใช่เช่นนั้น ฉันไม่เคยเห็นความบกพร่องใด ๆ จากเจ้าเลย แน่นอนเจ้าได้ทุ่มเทความพยายามของเจ้าอย่างดีที่สุดแล้ว และเจ้าได้เหนื่อยยากอย่างแท้จริงใน (การดูแลลูก ๆ) ของฉัน และเจ้าได้เสียสละทรัพย์สินของเจ้า และใช้จ่ายเงินทองของเจ้าไปในทางของอัลลอฮ์”
นางได้กล่าวต่อว่า :
یا رسول اللّه! الوصیة الثانیة؛ أوصیك بهذه- أشارت إلى فاطمة علیها السّلام- فإنها یتیمة غریبة من بعدی فلا یۆذینها أحد من نساء
قریش و لا یلطمن خدّها و لا یصحن فی وجهها و لا یرینها مكروها
“โอ้ท่านศาสนทูตของอัลลอฮ์! คำสั่งเสียประการที่สองคือ ข้าพเจ้าขอสั่งเสียท่านเกี่ยวกับคนผู้นี้ {ท่านชี้ไปที่ท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (อ.)} แท้จริงเธอเป็นเด็กกำพร้าและจะเป็นผู้ที่อยู่อย่างเดียวดายภายหลังจากข้าพเจ้า ดังนั้นอย่าให้สตรีกุเรชคนใดทำร้ายนาง อย่าให้ใครตบแก้มนาง อย่าให้ใครตระคอกใส่หน้านาง และอย่าทำให้นางได้เห็นในสิ่งที่น่ารังเกียจ”
و أما الوصیة الثالثة، فإنی أقولها لابنتى فاطمة علیها السّلام و هی تقول لك، فإنی مستحیة منك یا رسول اللّه
“และคำสั่งเสียที่สาม แท้จริงข้าพเจ้าจะพูดมันกับฟาฏิมะฮ์ (อ.) บุตรสาวของข้าพเจ้า และนางจะเป็นผู้บอกกับท่านเอง เพราะแท้จริงข้าพเจ้าละอายท่าน (ที่จะบอกกับท่านโดยตรง) โอ้ท่านศาสนทูตของอัลลอฮ์!”
فقام النبی صلّى اللّه علیه و آله و خرج من الحجرة، فدعت بفاطمة علیها السّلام و قالت :
«یا حبیبتی! و قرة عینی، قولی لأبیك: إن أمی تقول: إنی خائفة من القبر، أرید منك رداءك الذی تلبسه حین نزول الوحی؛ تكفننی فیه؛
ดังนั้นท่านศาสดา (ซ็อลฯ) จึงได้ยืนขึ้นและออกไปจากห้อง แล้วนางได้เรียกท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (อ.) และกล่าวว่า “โอ้ผู้เป็นที่รักของฉัน โอ้แก้วตาดวงใจของฉัน จงบอกกับพ่อของเธอว่า แม่ของหนูกล่าวว่า แท้จริงข้าพเจ้าหวั่นกลัวต่อหลุมฝังศพ ข้าพเจ้าอยากได้ผ้าคุมกายที่ท่านสวมใส่มันในขณะที่วะห์ยู (วิวรณ์) ได้ถูกประทานลงมา เพื่อให้ท่านได้ใช้ห่อศพข้าพเจ้า”
ท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (อ.) ได้ออกจากห้องและนำคำพูดของท่านหญิงคอดิญะฮ์ (อ.) ไปบอกแก่ท่านศาสนทูตของอัลลอฮ์ (ซ็อลฯ) บิดาของตน ทันใดนั้นเองท่านศาสนทูตก็ลุกขึ้นและมอบผ้าคลุมกายนั้นแก่ท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (อ.) เมื่อท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (อ.) ได้นำผ้าคลุมกายดังกล่าวกลับเข้าไปในห้อง ท่านหญิงคอดีญะฮ์ (อ.) รู้สึกดีใจอย่างมาก
เมื่อท่านหญิงคอดีญะฮ์ (อ.) ได้เสียชีวิต ท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ (ซ็อลฯ) ได้จัดการอาบน้ำศพ (ฆุซุล) และใส่เครื่องหอม (หะนูฏ) แก่ท่านหญิงด้วยตัวท่านเอง แต่เมื่อท่านต้องการจะห่อศพ (กะฝั่น) ญิบรออีล อัลอามีน ได้ลงมาและกล่าวว่า :
“โอ้ท่านศาสนทูตของอัลลอฮ์! พระผู้เป็นเจ้าได้ฝากสลามมายังท่าน และพระองค์ได้มอบการคารวะและการให้เกียรติเป็นพิเศษมายังท่าน และพระองค์ทรงตรัสต่อท่านว่า :
إن كفن خدیجة من عندنا، فإنها بذلت مالها فی سبیلنا
“แท้จริงกะฝั่น (ผ้าห่อศพ) ของคอดีญะฮ์นั้น เป็นหน้าที่ของเรา เพราะแท้จริงนางได้เสียสละทรัพย์สมบัติของนางในทางของเรา”
จากนั้นญิบรออีลได้นำกะฝั่นมาให้และกล่าวว่า :
یا رسول اللّه! هذا كفن خدیجة و هو من أكفان الجنة، أهداه اللّه إلیها
“โอ้ท่านศาสนทูตของอัลลอฮ์! นี่คือผ้ากะฝั่นของคอดีญะฮ์ มันคือผ้าจากสวรรค์ ที่อัลลอฮ์ทรงมอบให้แก่นาง”
ท่านศาสทูตของอัลลอฮ์ (ซ็อลฯ) ได้เริ่มต้นด้วยการห่อผ้าคลุมกายของตนให้แก่ภรรยาผู้มีเกียรติของท่าน หลังจากนั้นได้ห่อทับด้วยผ้าจากสวรรค์ ดังนั้นท่านหญิงคอดิญะฮ์ (อ.) จึงได้รับการห่อศพด้วยผ้ากะฝั่นสองชิ้น ชิ้นหนึ่งจากจากพระผู้เป็นเจ้า และอีกชิ้นหนึ่งจากท่านศาสนทูตของอัลลอฮ์ (ซ็อลฯ)
หลังจากการห่อผ้ากะฝั่นและการนมาซญะนาซะฮ์แล้ว ร่างอันบริสุทธิ์ของท่านหญิงคอดิญะฮ์ (อ.) จึงถูกนำไปยังเชิงเขา “ฮัจญูน” และถูกฝังลงใกล้ ๆ กับหลุมฝังศพของท่านอบูฏอลิบ
ท่านศาสนทูตของอัลลอฮ์ (ซ็อลฯ) ได้ลงไปในหลุมศพและฝังร่างอันบริสุทธิ์ของท่านหญิงคอดีญะฮ์ (อ.) ด้วยมือของท่านเอง (1)
แหล่งที่มา :
(1) ชะญะร่อตุน ฏูบา, มาซันดารอนี ฮาอิรี, เล่มที่ 2, หน้าที่ 22
ขอขอบคุณเว็บไซต์ islamicstudiesth
source : alhassanain