ชีวประวัติเพียงสังเขปของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ บินติ อะซัด
นาม: ฟาฏิมะฮ์ บินติ อะซัด
บิดา: อะซัด บิน ฮาชิม บิน อับดุลมะนาฟ บิน กุศ็อย
มารดา: ฟาฏิมะฮ์ บินติ กัยซ์ บิน ฮะรอม บิน รอวาฮะฮ์ บิน ฮุจร์ บิน อับด์ บิน มุอัยซ์ บิน อามิร บิน ลุอา
สามี: อะบูฏอลิบ บิน อับดุลมุฏฏอลิบ บิน ฮาชิม บิน อับดุลมะนาฟ บิน
กุศ็อย
บุตรและธิดา: ฏอลิบ, อะกีล, ญะอ์ฟัร, อะลี, อุมมุฮานี, ญัมมานะฮ์
สถานที่กำเนิด : เมืองมักกะฮ์อันทรงเกียรติ
วะฟาต (เสียชีวิต): ปีที่ 4 แห่งฮิจเราะฮ์ศักราช
สถานที่ฝังศพ: เมืองมะดีนะฮ์ สุสานอัลบะเกียะอ์
รายงานหนึ่งจากท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ ได้กล่าวเกี่ยวกับการวะฟาตของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ บินติ
อะซัด ว่า ท่านได้กล่าวว่า
عن عبد الله ابن عباس قال: أقبل علي بن أبي طالب عليه السلام ذات يوم إلى النبي صلى الله عليه واله باكيا وهو يقول: (إنا لله وإنا إليه راجعون) فقال له رسول الله صلى الله عليه واله: مه يا علي ؟ فقال علي: يا رسول الله ماتت امي فاطمة بنت أسد، قال: فبكى النبي صلى الله عليه واله ثم قال: رحم الله امك يا علي، أما إنها إن كانت لك اما فقد كانت لي اما، خذ عمامتي هذه وخذ ثوبي هذين فكفنها فيهما، ومر النساء فليحسن غسلها، ولا تخرجها حتى أجئ فإلي أمرها. قال: وأقبل النبي صلى الله عليه واله بعد ساعة واخرجت فاطمة ام علي عليه السلام فصلى عليها النبي صلى الله عليه واله صلاة لم يصل على أحد قبلها مثل تلك الصلاة، ثم كبر عليها أربعين تكبيرة ثم دخل إلى القبر فتمدد فيه، فلم يسمع له أنين ولا حركة، ثم قال: يا علي ادخل يا حسن ادخل، فدخلا القبر، فلما فرغ مما احتاج إليه قال له: يا علي اخرج يا حسن اخرج، فخرجا ثم زحف النبي صلى الله عليه واله حتى صار عند رأسها، ثم قال: يا فاطمة أنا محمد سيد ولد آدم ولا فخر، فإن أتاك منكر ونكير فسألاك من ربك ؟ فقولي: الله ربي، ومحمد نبيي، والاسلام ديني، والقرآن كتابي، وابنئ امامي ووليي، ثم قال: اللهم ثبت فاطمة بالقول الثابت، ثم خرج من قبرها وحثا عليها حثيات ، ثم ضرب بيده اليمنى على اليسرى فنفضهما، ثم قال: والذي نفس محمد ببده لقد سمعت فاطمة تصفيق يميني على شمالي. فقام إليه عمار بن ياسر فقال: فداك أبي وامي يا رسول الله صليت عليها صلاة
لم تصل على أحد قبلها مثل تلك الصلاة، فقال: يا أبا اليقظان وأهل ذلك هي مني، لقد كان لها من أبي طالب ولد كثير ولقد كان خيرهم كثيرا وكان خيرنا قليلا فكانت تشبعني وتجيعهم، وتكسوني وتعريهم، وتدهنني وتشعثهم، قال: فلم كبرت عليها أربعين تكبيرة يا رسول الله ؟ قال: نعم يا عمار التفت عن يميني فنظرت إلى أربعين صفا من الملائكة فكبرت لكل صف تكبيرة، قال: فتمددك في القبر ولم يسمع لك أنين ولا حركة ؟ قال: إن الناس يحشرون يوم القيامة عراة ولم أزل أطلب إلى ربي عزوجل أن يبعثها ستيرة، والذي نفس محمد بيده ما خرجت من قبرها حتى رأيت مصباحين من نور عند رأسها ومصباحين من نور عند يديها ومصباحين من نور عند رجليها، وملكيها الموكلين بقبرها، يستغفران لها إلى أن تقوم الساعة
รายงานจากอับดุลลอฮ์ บิน อับบาส กล่าวว่า วันหนึ่งอะลี บิน อะบีฏอลิบได้เข้ามาหาท่านนบี ในสภาพที่เขานั้นร้องไห้ และกล่าวขึ้นว่า
انا لله وانا الیه راجعون
แท้จริงเราเป็นสิทธิของอัลลอฮ์ และแท้จริงเราย้อนกลับยังพระองค์
ท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ (ศ็อลฯ) ได้บอกกับเขา ว่า โอ้อะลี จงเงียบเถิด
ท่านอะลี กล่าวตอบว่า โอ้ท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์(ศ็อลฯ) บัดนี้ มารดาของฉัน ฟาฏิมะฮ์ บินติ อะซัด
ได้ลาจากโลกนี้ไปแล้ว
แล้วท่านนบี (ศ็อลฯ)ก็ได้ร้องไห้ออกมา พร้อมกับกล่าวว่า ขอองค์อัลลอฮ์ทรงเมตตาต่อมารดาของเจ้า
โอ้อะลี นางคือ มารดาของฉัน ด้วยเช่นกัน ดั่งที่นางคือ มารดาของเจ้า เจ้าจงเอาผ้าอะมามะฮ์ (ผ้าโพกศีรษะ)ของฉัน และเสื้อผ้าของฉัน ทั้งสองชิ้นนี้ไป แล้วท่านอะลีก็ทำการห่อผ้ากะฝั่น ด้วยกับผ้าทั้งสองชิ้นนั้น และบรรดาสตรีก็ได้เข้ามาและทำการอาบน้ำฆุซุลให้กับนาง และเจ้าอย่าได้ออกห่างจากนาง จนกว่าฉันจะเข้ามา เพราะฉะนั้น มันเป็นหน้าที่ของฉันต่อไป
ราวีย์ (ผู้รายงาน)กล่าวว่า หลังจากนั้น อีกหนึ่งชั่วโมง ท่านนบีก็ได้เข้ามาและนำร่างมัยยิตของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ มารดาของอะลี ออกมาและท่านก็ทำนมาซให้กับมัยยิต ซึ่งการนมาซนั้นไม่เหมือนกับการนมาซให้กับผู้ใด หลังจากนั้น ท่านก็กล่าวตักบีร (อัลลอฮุ อักบัร) 40 ครั้ง และก็นำร่างมัยยิตไปฝังในหลุม และท่านก็ลงไปในนั้น ไม่มีผู้ใดได้ยินและไม่มีการเคลื่อนไหว(จากท่านศาสนทูต)
จากนั้น ท่าน(ศ็อลฯ)ได้กล่าวว่า โอ้อะลี จงเข้ามาในนี้ โอ้ฮะซัน เจ้าจงเข้ามาด้วย เมื่อทั้งสองเข้ามาในหลุม หลังจากที่เสร็จสิ้นจากสิ่งที่ท่านศาสนทูตขอวิงวอนต่ออัลลอฮ์ ได้กล่าวว่า โอ้อะลี เจ้าจงลุกขึ้นเถิด โอ้ฮะซัน เจ้าก็จงลุกขึ้นด้วย แล้วทั้งสองก็ลุกขึ้นจากหลุม
หลังจากนั้น ท่านศาสนทูต(ศ็อลฯ)ก็กล่าวว่า โอ้ฟาฏิมะฮ์ ฉันคือ มุฮัมมัด หัวหน้าแห่งลูกหลานอาดัม หากว่า นะกีร และมุงกัร (สองเทวทูต)มาถามเจ้า ใครคือ พระผู้เป็นเจ้าของเจ้า ก็จงตอบไปว่า อัลลอฮ์ คือ พระผู้เป็นเจ้าของฉัน และมุฮัมมัด คือ ศาสนทูตของพระองค์ และอิสลาม คือศาสนาของฉัน และอัลกุรอานคือ คัมภีร์ของฉัน ลูกชายของฉันคือ อิมาม(ตำแหน่งผู้นำ)ของฉัน หลังจากนั้นท่านก็ได้กล่าวว่า โอ้พระผู้เป็นเจ้า ขอพระองค์ทรงตอบคำกล่าวของฟาฏิมะฮ์ด้วยเถิด จากนั้น ท่านศาสนทูตก็ลุกขึ้นจากหลุม และเอามือขวาของท่านตีไปที่มือซ้าย แล้วกล่าวว่า ขอสาบานต่อพระองค์ ผู้ที่มุฮัมมัด ด้วยกับอำนาจของพระองค์ แท้จริงฉันได้ยินคำตอบรับจากฟาฏิมะฮ์
หลังจากนั้น อัมมาร บิน ยาซิร ได้ลุกขึ้นและถามท่านศาสนทูต(ศ็อลฯ)ว่า ขออุทิศตนเพื่อท่าน บิดาและมารดาของฉัน โอ้ท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ ท่านนั้นได้ทำนมาซที่ไม่เหมือนกับการนมาซให้กับผู้ใด
ท่านได้ตอบกับเขาว่า โอ้อะบายักซอน นั่นคือสิทธิของนางจากฉัน นางได้มีบุตรอันมากมายจากอะบูฏอลิบ อันความดีที่มากมายของนางที่มีต่อฉัน ขณะที่ความดีอันน้อยนิดของฉันต่อนาง นางคือผู้ที่ทำให้ฉันอิ่ม นางคือผู้ที่สวมอาภรณ์ให้กับฉัน
อัมมาร บิน ยาซิร กล่าวถามอีกว่า แล้วทำไมท่านจึงกล่าวตักบีรถึง 40 ครั้งด้วย?
ท่านศาสนทูต(ศ็อลฯ)ตอบว่า โอ้อัมมาร ฉันเห็นบรรดามะลาอิกะฮ์ (เทวทูต)มารวมตัวกันทางด้านขวามือของฉัน มีจำนวนถึง 40 แถว ฉันจึงกล่าวตักบีรแต่ละแถวหนึ่งครั้ง
ท่านศาสนทูต(ศ็อลฯ)ยังได้กล่าวอีกว่า แท้จริงมนุษย์ เมื่อถึงวันกิยามะฮ์ (วันแห่งการตัดสินความดีและความชั่ว) จะลุกขึ้นมาในสภาพที่ไม่มีอาภรณ์ห่อร่างกายเขา และฉันขอต่อองค์อัลลอฮ์ เสมอว่าโปรดสวมอาภรณ์ให้กับนาง ผู้ซึ่งมุฮัมมัดนั้น อยู่ในอำนาจของพระองค์ และฉันจะไม่ลุกขึ้นจากหลุมของนาง จนกว่าฉันได้เห็นแสงสว่างจากรัศมีที่มีบนศีรษะของนาง และแสงสว่างจากรัศมีบนมือทั้งสองของนาง อีกทั้งแสงสว่างจากรัศมี บนเท้าทั้งสองของนาง และยังมีมะลาอิกะฮ์สององค์ ลงมาปกป้องหลุมของนางและขออภัยโทษให้กับนาง จนถึงวันกิยามะฮ์
(บิฮารุลอันวาร เล่ม 35 หน้า 70 ฮะดีษที่ 4)
โดย อะบูอะลี บิน มุฮัมมัด
source : alhassanain