ประชาชนไม่เชื่อฟังอิมามฮะซัน(อ.)
เมื่ออิมามฮะซัน(อ.) มาพร้อมกับประชาชนที่ส่วนใหญ่ตะโกนคำขวัญว่า “สงคราม” การสงครามไม่ได้เกิดขึ้นที่นั่น และพวกเขาได้หันหลังกลับและกลับคำสัญญาที่ได้ให้ไว้กับท่าน เพราะพวกเขาเหล่านั้นประกอบไปด้วย
1. กลุ่มคอวาริจ ผู้ที่มาเพื่อต่อสู้กับมุอาวียะฮ์เท่านั้น และไม่ใช่เพื่อปฏิบัติตามคำสั่งของอิมามฮะซัน(อ.) แต่อย่างใด
2. ผู้ที่ต้องการวัตถุทางโลกและละโมบโลภมาก ที่ต้องการเพียงแค่สิ่งที่ได้จากการสงครามเท่านั้น
3. บรรดาผู้ที่เข้าร่วมสงครามตามพรรคพวกหรือหัวหน้าเผ่าของตนเท่านั้น ไม่ใช่เพราะเจตนารมณ์เพื่อศาสนาแต่อย่างใด
ด้วยเหตุผลเหล่านี้ อิมามฮะซัน(อ.) ได้กล่าวกับพวกเขาว่า “พวกท่านหลอกลวงฉัน เช่นเดียวกับที่ได้หลอกลวงบิดาของฉัน ซึ่งเป็นอิมามของพวกท่านมาก่อนฉัน ฉันไม่รู้ว่าพวกท่านจะต่อสู้เคียงข้างกับอิมาม หรือใครบางคนที่ไม่ได้ศรัทธาในพระเจ้าและมุฮัมมัด(ศ.) ศาสนทูตของพระองค์อย่างแท้จริงกันแน่”
ท่านได้คัดเลือกฮะกัมให้เป็นแม่ทัพ นำทหารสี่พันคนเคลื่อนไปยังเมืองอัมบารฺเพื่อรับมือกับกองทัพของมุอาวียะฮ์และรอคำสั่งต่อไป แต่มุอาวียะฮ์ได้ล่อลวงเขาด้วยเงินและสัญญาต่างๆ นานา จนเขาได้เข้าร่วมกับกองทัพของมุอาวียะฮ์พร้อมทหารของเขาสองร้อยคน
อิมามฮะซัน(อ.) ได้เลือกชายอีกคนหนึ่งจากเผ่าบะนีมุรอด และเช่นเดียวกัน มุอาวียะฮ์ได้ส่งคนไปเจรจากับเขาพร้อมด้วยเงินห้าพันดิรฮัมและสัญญาจะให้เขาเป็นเจ้าเมืองแห่งหนึ่ง เขาจึงแปรพักตร์ไปเข้าร่วมกับมุอาวียะฮ์อีกคนหนึ่ง
ความทุกข์ของอิมามฮะซัน(อ.)
เมื่ออิมามฮะซัน(อ.) ได้ทราบข่าวการทรยศของทหารของท่านที่ไปเข้าร่วมกับมุอาวียะฮ์ ท่านเศร้าใจเป็นอย่างมาก และกล่าวว่า “ฉันพูดหลายครั้งแล้วไม่ใช่หรือว่าพวกท่านไม่ได้มีความซื่อสัตย์และไว้วางใจไม่ได้ และการปฏิบัติต่อฉันของพวกท่านนั้นเป็นแค่เล่ห์เหลี่ยมและกลโกง?”
ท่านตัดสินใจที่จะเคลื่อนทัพไปด้วยตัวเอง โดยมีสหายของท่านเกือบสี่พันร่วมไปด้วย อิมามฮะซัน(อ.) พร้อมด้วยมิตรสหายจากมาดายัน ได้ส่งทหารสองพันคนภายใต้การบัญชาการของอุบัยดุลลอฮ์ บิน อับบาส และเกส บิน สะอัด ผู้ช่วยของเขา ได้นำทัพล่วงหน้าไปรับมือกับมุอาวียะฮ์
มุอาวียะฮ์ได้ส่งตัวแทนมาพร้อมกับเงินหนึ่งล้านดิรฮัมมายังกองกำลังของอิมามฮะซัน(อ.) เพื่อหลอกซื้อตัวเกส แต่เกสไม่หลงกลและตอบพวกเขาไปว่า “ไปบอกมุอาวียะฮ์ว่าเจ้าไม่สามารถซื้อความศรัทธาจากฉันได้ และไม่สามารถทำให้ฉันทอดทิ้งและผละจากอิมามของฉันด้วยเล่ห์เหลี่ยมกลลวงของเจ้าได้”
เมื่อผิดหวังจากเกส เขาได้ไปหาอุบัยดุลลอฮ์ บิน อับบาส ซึ่งเป็นแม่ทัพตัวจริง และสามารถล่อลวงเขาพร้อมกับทหารกลุ่มหนึ่งให้ไปเข้าร่วมกับกองทัพของมุอาวียะฮ์ได้กลางดึก
หลังจากนั้น มุอาวียะฮ์ได้ส่งสายลับจำนวนหนึ่งเข้าไปในกองทหารของเกส เพื่อให้แพร่ข่าวไปว่าอิมามฮะซัน(อ.) ได้เข้าเจรจาสงบศึกกับมุอาวียะฮ์แล้ว และไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องสู้รบกันต่อไปอีก ด้วยวิธีนี้ มุอาวียะฮ์ประสบความสำเร็จไปการสร้างความแตกแยกขึ้นในกองทหารของอิมามฮะซัน(อ.) กลุ่มของคอวาริจได้แยกตัวออกไป และหันกลับมาโจมตีอิมามฮะซัน(อ.) ตามแผนการของมุอาวียะฮ์
การลุกฮือของคอวาริจ
คนกลุ่มนี้เชื่อในสิ่งที่สายลับของมุอาวียะฮ์บอก พวกเขาป่าวประกาศต่อกันว่าอิมามฮะซัน(อ.) ได้กลายเป็นคนทรยศเหมือนกับบิดาของท่านและได้ร่วมมือกับมุอาวียะฮ์ไปเสียแล้ว จึงมีการลุกฮือขึ้นโจมตีกระโจมที่พักของอิมามฮะซัน(อ.) และปล้นสะดมทุกอย่างที่พบเจอ อิมามฮะซัน(อ.) ต้องหลบหนีออกจากที่พักและขึ้นม้าไปพร้อมกับสหายของท่านกลุ่มหนึ่ง แต่ก็ยังถูกทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บ
สหายของอิมามฮะซัน(อ.) ได้นำตัวท่านไปพักรักษาตัวอยู่ในที่แห่งหนึ่ง สถานการณ์เลวร้ายจนถึงขนาดที่เจ้าเมืองส่วนใหญ่ได้เขียนจดหมายลับถึงมุอาวียะฮ์ โดยบอกว่าพวกเขาคอยปฏิบัติตามคำสั่งจากเขาอยู่ ให้เขารีบมาอิรักโดยเร็ว และพวกเขาจะจับตัวอิมามฮะซัน(อ.) ส่งมอบให้เขา มุอาวียะฮ์ได้ส่งจดหมายเหล่านั้นมาให้อิมามฮะซัน(อ.) พร้อมกับจดหมายของเขาเองที่เขียนว่า “คนเหล่านี้ไม่ได้ซื่อสัตย์กับบิดาของเจ้าอีกต่อไป และพวกเขาก็ไม่ได้อยู่ฝ่ายเจ้าอีกแล้ว ฉันพร้อมที่จะทำสัญญาสงบศึกกับเจ้าและละเว้นการทำสงคราม”
สนธิสัญญาสงบศึก
กลุ่มคอวาริจ และมิตรที่ไม่ซื่อของอิมามฮะซัน(อ.) ทำให้ท่านไม่มีทางเลือกนอกจากต้องยอมรับการทำสัญญาสงบศึกกับมุอาวียะฮ์
แต่การสงบศึกครั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าอิมามฮะซัน(อ.) จะหลงกลและยอมแพ้ต่อมุอาวียะฮ์หรือเห็นชอบกับการกระทำที่โหดเหี้ยมร้ายกาจของเขา แต่มันหมายถึงการตกลงกันว่าจะไม่ทำสงครามกับมุอาวียะฮ์ในระยะเวลาหนึ่ง เพราะหากยังทำสงครามกันในเวลานั้น แล้วมุอาวียะฮ์เป็นผู้ชนะ เขาจะต้องเหยียบย่ำและทำลายความหวังของอิสลามไปจนหมดสิ้น รากฐานของอิสลามจะต้องถูกทำลายไปและมุสลิมที่แท้จริงทั้งหมดก็จะต้องถูกฆ่า นอกจากนั้น อาณาจักรโรมก็ยังคงหาโอกาสที่จะโจมตีดินแดนอิสลาม และความแตกแยกระหว่างมุสลิมคือโอกาสดีที่สุดสำหรับพวกเขา
อิมามฮะซัน(อ.) ได้กล่าวไว้ว่า “ขอสาบานต่ออัลลอฮ์ หากฉันมีเพื่อนและผู้ช่วยเหลือ ฉันจะไม่ยอมมอบการนี้ให้มุอาวียะฮ์ เพราะฉันถือว่าตำแหน่งคอลีฟะฮ์เป็นที่ต้องห้ามสำหรับตระกูลอุมัยยะฮ์ ในไม่ช้าพวกท่านจะได้ลิ้มรสความขมขื่นจากการกระทำของมุอาวียะฮ์ไปตราบนานเท่านาน”
หลังจากนั้น อิมามฮะซัน(อ.) ได้เขียนจดหมายถึงมุอาวียะฮ์ โดยกล่าวว่า “ฉันต้องการจะฟื้นฟูความถูกต้อง ยุติการละเมิดศาสนาและเรื่องไร้สาระ และต้องการสถาปนาการปกครองของอัลลอฮ์และแบบอย่างของท่านศาสดา(ศ.) แต่ประชาชนไม่เห็นชอบและร่วมมือกับฉัน บัดนี้ ฉันจะทำการสงบศึกกับเจ้าโดยมีเงื่อนไขบางประการ ซึ่งฉันรู้ว่าเจ้าจะไม่ปฏิบัติตามมัน แต่อีกไม่นานเจ้าจะสำนึกเสียใจ และเมื่อเวลานั้นมาถึงมันจะไม่มีประโยชน์ใดๆ ต่อเจ้าแล้ว”
ข้อตกลงบางประการในสนธิสัญญาสงบศึก
1. เลือกของชีอะฮ์จะต้องได้รับความเคารพในคุณค่า และสิทธิ์ของพวกเขาจะต้องไม่ถูกทำลายและถอดถอนไป
2. ต้องไม่กล่าววาจาชั่วร้ายต่ออิมามอะลี(อ.) และชีอะฮ์ของท่าน
3. มุอาวียะฮ์จะต้องปฏิบัติตามคัมภีร์ของอัลลอฮ์ และแบบอย่างของศาสดามุฮัมมัด(ศ.)
4. สหายและสาวกของอิมามฮะซัน(อ.) จะต้องได้รับความปลอดภัยและการปกป้องจากความโหดเหี้ยมและการกลั่นแกล้งของเขา ไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ที่ไหน และต้องไม่มีใครละเมิดสิทธิของพวกเขา
5. อิมามฮะซัน(อ.) จะไม่เรียกมุอาวียะฮ์ว่า อะมีรุลมุอฺมินีน และจะไม่เอ่ยชื่อเขาในการคุตบะฮ์(เทศนาธรรม)
6. มุอาวียะฮ์จะต้องไม่แต่งตั้งผู้ใดสืบทอดตำแหน่งคอลีฟะฮ์หลังจากตัวเอง
มุอาวียะฮ์ผิดสัญญาและสังหารอิมามฮะซัน(อ.)
มุอาวียะฮ์ได้ละเมิดข้อตกลงในสนธิสัญญานี้เกือบทุกข้อ แม้เขาจะได้ประกาศตัวที่มัสยิดในกูฟะฮ์ว่าจะรักษาสัญญาก็ตาม มุอาวียะฮ์ต้องการแต่งตั้งยะสีดให้เป็นผู้สืบทอดตำแหน่งคอลีฟะฮ์ภายหลังจากเขา และสนธิสัญญาที่เขาได้ลงนามกับอิมามฮะซัน(อ.) นี้ ก็ไม่สามารถหยุดเขาจากความต้องการนี้ได้ เขาตัดสินใจวางยาพิษอิมามฮะซัน(อ.) เพื่อเปิดทางให้ยะสีดเป็นผู้สืบทอดของเขาได้อย่างเปิดเผยและชัดเจน
มุอาวียะฮ์ได้ติดต่อกับ “จูดะฮ์ บินตฺ อะสัช” ภรรยาของอิมามฮะซัน(อ.) และหลอกลวงนางด้วยการหลอกล่อในจดหมายที่ส่งมาพร้อมกับยาพิษว่า “ถ้าเจ้าสามารถเอายาพิษนี้ให้สามีของเจ้ากินได้ เจ้าจะได้รับเงินรางวัลหนึ่งแสนดิรฮัมจากฉัน นอกจากนั้น ฉันจะเลือกเจ้าให้เป็นภรรยาของยะสีด และเจ้าจะได้เป็นภรรยาของคอลีฟะฮ์”