ถาม
สามารถยืนยันได้อย่างไรว่าท่านอาลี คือคนที่ยอมรับอิสลามคนแรก
ตอบ
เหตุผลที่ท่านอิมามอะลี (อ.) ยอมรับอิสลามเป็นคนแรก
หลักฐานต่าง ๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ถูกบันทึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์อย่างมากมาย ซึ่งไม่สามารถนำมากล่าวได้ทั้งหมด ณ ที่นี้จะขอนำเสนอบางส่วนเท่านั้น เช่น
๑. ท่านอิมามอะลี (อ.) คือบุคคลแรกที่ยอมรับอิสลามก่อนคนอื่น เกี่ยวกบเรื่องนี้ท่่านศาสดา (ซ็อล ฯ) ท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) ได้กล่าวกับสาวกของท่านว่า ในวันกิยามะฮฺบุคคลแรกที่จะเข้ามาหาฉัน ณ บ่อน้ำเกาซัรคือ บุคคลแรกในหมู่พวกท่านที่เขาเข้ารับอิสลามก่อนใครทั้งสิ้น เขาผู้นั้นคือ อะลี บุตร ของ อบูฏิลิบ
ดูจากหนังสือ อัลอิซตีอาบ ฟีมะอฺริฟะติล อัซฮาบ พิมพ์ครั้งแรก เบรุต ดารุล อะฮฺยาตุรอซิลอะเราะบี ฮ.ศ. ๑๓๒๘ เล่ม ๓ หน้า ๒๘, อิบนิอบิลฮะดีด ชัรฮฺนะญุลบะลาเฆาะฮฺ ค้นคว้าโดย มุฮัมมัด อบุลฟัลฎฺ อิบรอฮีม พิมพ์ครั้งแรก ไคโร สำนักพิมพ์ อะฮฺยากุตุบิลอะเราะับียะฮฺ ฮ.ศ. ๑๓๗๘ เล่ม ๑๓ หน้า ๑๑๙ ,ฮากิม เนะฮฺชาบูรียฺ อัลมุสตัดร็อก อะลัล เซาะฮีฮัยนฺ ค้นคว้าโดย อับดุรเราะฮฺมาน มัรอะชียฺ พิมพ์ครั้งแรก เบรุต ดารุลมะอฺริฟะฮฺ ฮ.ศ. ๑๔๐๖ เล่ม ๓ หน้า ๑๗
๒. บรรดานักปราชญ์และนักรายงานฮะดีซได้บันทึกไว้ว่า ท่านศาสดามุฮัมมัด (ซ็อล ฯ) จันทร์แต่งตั้งในวันจันทร์ และในวันรุ่งขึ้นท่านอิมามอะลี (อ.) ได้นมาซร่วมกับท่านศาสดา
ดูได้จาก อัลอิซตีฮาบ ฟีมะอฺริฟะติล อัซฮาบ พิมพ์ครั้งแรก เบรุต ดารุลอะฮฺยาตุรอซิลอะเราะบียะฮฺ ฮ.ศ. ๑๓๒๘ เล่ม ๓ หน้า ๒๓,อิบนิอะซีร อัลกามิลฟิตตารีค เบรุต ฮ.ศ. ๑๓๙๙ เล่ม ๒ หน้า ๕๗, ฮากิม เนะฮฺชาบูรียฺ อัลมุซตัดร็อกฟีดเซาะฮีฮัยนฺ ค้นคว้าโดย อับดุรเราะฮฺมาน มัรอะชียฺ พิมพ์ครั้งแรก เบรุต ดารุลมะอฺริฟะฮฺ ฮ.ศ. ๑๔๐๖ เล่ม ๓ หน้า ๑๑๒
๓. อิมามอะลี (อ.) กล่าวไว้ในคำเทศนาบทที่ ๑๙๒ กอชีอะฮฺว่า วันที่อิสลามยังคงอยู่กับครอบครัวของท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) ซึ่งยังไม่ได้ประกาศอย่างเป็นทางการท่านหญิงคอดิยะฮฺ และฉันเป็นบุคคลทีี่สามที่อยู่ร่วมกับท่าน ฉันได้เห็นรัศมีของวะฮฺยูและได้สูดดมกล่ินไอของนบูวัต
๔. ท่านอิมามอะลี (อ.) ได้กล่าวถึงสาเหตุที่ท่านเข้ารับอิสลามเป็นคนแรกไว้ในคำเทศนาที่ ๑๓๑ ว่า โอ้พระผู้อภิบาลของฉัน ฉันคือบุคคลแรกที่กลับมาหาพระองค์ ฉันคือบุคคลแรกที่ได้ยินเสียงแห่งวฮฺยู ฉันคือบุคคลแรกที่ตอบรับคำเชิญของท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) และนอกจากฉันแล้วไม่มีบุคคลใดนมาซตามหลังท่านศาสดา
๕. ท่านอิมามอะลี (อ.) กล่าว่า ฉันคือบ่าวของอัลลอฮฺ (ซบ.) เป็นพี่น้องกับท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) เป็นผู้สัจจริง แต่คำพูดเช่นนี้บรรดาผู้โกหกมดเท็จทั้งหลายจะไม่กล่าวถึงมัน ฉันได้นมาซร่วมกับท่านศาสดาเป็นเวลานาน ๘ ปี ก่อนหน้าพวกเขาทั้งหลาย
ดูจากหนังสือ ฏ็อบรียฺ มุฮัมมัด อิบนิญะรีร, ตารีคุลอุมัม วัลมุลกฺ เบรุต ดารุลกอมูซิลฮะดีซ เล่ม ๒ หน้า ๓๑๒ , อิบนิอะซีร อัลกามิลฟิลตารีค เบรุต ฮ.ศ. ๑๓๙๙ เล่ม ๒ หน้า ๕๗, และเนื้อหาเช่นเดียวกันในหนังสือ อัลมุซตัดร็อก ฮากิม เนะฮฺชาบุรียฺ ค้นคว้าโดย อับดุรเราะฮฺมาน มัรอะชียฺ พิมพ์ครั้งแรก เบรุต ดารุลมะอฺริฟะฮฺ์ ปี ๑๔๐๖ เล่ม ๓ หน้า ๑๑๒
๖.อิบนิกิซคันดี กล่าวว่า สมัยที่อิสลามกำลังเผยแผ่อยู่นั้น ฉันเป็นพ่อค้าน้ำหอม และครั้งหนึ่งฉันมีโอกาสเดินทางไปทำการค้าที่นครมักกะฮฺฉันได้เป็นแขกของท่านอับบาซซึ่งเป็นพ่อค้าคนหนึ่งในเมืองมักกะฮฺ และวันหนึ่งฉันได้นั่งอยู่ในมัสญิดฮะัรอมพร้อมกับท่านอับบาซ ซึ่งตรงกับเวลาเที่ยงพอดี ได้มีชายวัยกลางคนเดินเข้ามาในมัสญิด เขามีใบหน้าที่ขาวนวล มีรัศมีเหมือนกับดวงจันทร์ ชายคนนั้นได้มองไปบนท้องฟ้าหลังจากนั้นได้ยืนหันหน้าไปทางกะบะฮฺและเริ่มทำการขอพร (นมาซ) ขณะนั้นได้มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งมีลักษณะท่าทางเหมือนกับชายคนแรกได้ไปยืนอยู่ทางด้านขวามือของเขา หลังจากนั้นได้มีสตรีอีกคนหนึ่งไปยืนหลังจากชายทั้งสองคนและทั้งสามได้ร่วมกันขอพร
ฉันแปลกใจเป็นอย่างมากที่ได้เห็นการกระทำดังกล่าว เพราะนี่คือศูนย์กลางของพวกบูชารูปปั้นทั้งหลาย แต่ทั้งสามคนได้ปฏิบัติในรูปแบบที่ไม่ใช่บรรดาพวกบูชารูปปั้นได้กระทำกัน ฉันได้หันไปบอกกับท่านอับบาซว่า เกิดอะไรขึ้นแล้ว ท่านอับบาซได้ถามฉันว่ารู้จักบุคคลทั้งสามไหม ฉันตอบว่าไม่ เขากล่าวว่า คนแรกที่เดินเข้ามาในมัสญิดและยืนอยู่ด้านหน้ากับชายคนที่สองนั้นเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน คนแรกชื่อว่า มุฮัมมัด บุตร ของอับดุลลอฮฺ ส่วนคนที่สองชื่อว่า อะลี บุตร อบูฏอลิบ ส่วนสตรีท่านนั้นเป็นภรรยาของชายคนแรกชื่อว่า คอดิญะฮฺ และมุฮัมมัดได้บอกเสมอว่า ศาสนาของเขาได้ถูกประทานมาจากพระผู้เป็นเจ้า ซึ่งนอกจากสามคนนี้แล้วไม่มีบุคคลใดปฏิบัติตามอีก
ดูจากหนังสือ อิบนุ อบิลฮะดีด ชัรฮฺนะญุลบะลาเฆาะฮฺ ค้นคว้าโดย มุฮัมมัด อบุลฟัฎลฺ อิบรอฮีม พิมพืครั้งแรก ไคโร ฮ.ศ. ๑๓๗๘ เล่ม ๓ หน้า ๒๒ต, ฏ็อบรียฺ มุฮัมมัด อิบนิ ญะรีร ตาีรีคอุมัม วัลมุลกฺ เบรุต ดารุลกอมูซิลฮะดีซ เล่ม ๒ หน้า ๒๑๒
และนี่คือเรื่องราวที่ดีงามที่แสดงให้เห็นว่าในสมัยแรกแห่งการประกาศศาสนาของท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) นอกจากภรรยาของท่านและอิมามอะลีแล้วไม่มีบุคคลใดยอมรับอิสลามอีก