ครั้งหนึ่ง ท่านศาสดามุฮัมหมัด ศ็อล นั่งประจำที่ของท่านในมัสญิดุลนาบาวี โดยมีสาวกของท่านมารายล้อมเพื่อฟังคำสอนแห่งวิทยปัญญาและการชี้นำ ในขณะนั้น มีชายผู้หนึ่งซึ่งดูจากการแต่งตัวแล้ว เข้าใจได้ทันทีว่าเสื้อผ้าที่เกรอะกรัง เก่าๆ ที่เขาสวมใส่นั้น คือชายที่ยากจนแร้นแค้นคนหนึ่ง ที่เข้ามาแล้วกล่าวว่า
“อัสลามุ อะลัยกุม” แล้วหาที่ว่างนั่งลงตามสบาย
ท่านศาสดา ศ็อล ได้สอนพวกเขาว่า “มุสลิมทุกคนล้วนเป็นพี่น้องกัน และไม่ว่าเขาจะนั่งที่ไหนก็ตามแต่ ที่มีอยู่ มุสลิมจะไม่คำนึงถึงสถานะใดๆ” ปรากฏว่าชายยากจนคนนี้บังเอิญไปนั่งติดกับชายผู้มีอันจะกินคนหนึ่ง ชายผู้มีอันจะกินผู้นั้นก็เลยพยายามกระชับชายเสื้อของเขาให้เข้ามารอบตัว เพื่อชายยากจนคนนั้นจะได้ไม่สัมผัสโดนมัน
ท่านศาสดา ศ็อล สังเกตเห็นสิ่งนี้และกล่าวกับชายผู้มีอันจะกินว่า
“ท่านคงกลัวว่าความยากจนของเขาจะส่งผลกระทบต่อท่านใช่ไหม?”
“เปล่าเลย ขอรับ โอ้ศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์” ชายผู้มีอันจะกินตอบ
“ถ้าเช่นนั้นท่านก็คงเกรงว่าทรัพย์สินของท่านจะบินไปหาเขา?” ท่านศาสดา ศ็อล ถามต่อ
“เปล่าเลย ขอรับ โอ้ศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์” ชายผู้ร่ำรวยตอบย้ำอีกครั้งหนึ่ง
“หรือว่าท่านกลัวว่าเสื้อผ้าของท่านจะสกปรกถ้าเขาสัมผัสมัน?” ท่านศาสดา ศ็อล ถามต่อ
“หามิได้ขอรับ โอ้ศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์” ชายผู้ร่ำรวยตอบอีกครั้ง
“ถ้าเช่นนั้น ทำไมท่านจึงขยับตัวและเก็บชายเสื้อของท่านออกห่างจากเขาล่ะ?” ท่านศาสดา ศ็อล ถาม
ในที่สุด ชายผู้มีอันจะกินได้สารภาพว่า “ข้าฯยอมรับว่านั่นเป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำมากที่สุด มันเป็นความผิดพลาด และข้าขอสารภาพในความผิดของข้าฯ ตอนนี้เพื่อเป็นการชดใช้ต่อความผิดนั้น ข้าฯจะมอบทรัพย์สินครึ่งหนึ่งของข้าฯให้แก่พี่น้องมุสลิมผู้นี้ เพื่อข้าฯจะได้รับการอภัย”
เมื่อเขากล่าวเช่นนี้ ชายยากจนจึงลุกขึ้นแล้วกล่าวว่า “โอ้ศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ ข้าฯไม่ขอรับสิ่งที่เขาเสนอให้” ทุกคนในที่นั้นล้วนประหลาดใจ พวกเขาคิดว่าชายยากจนคนนี้เป็นคนโง่ แต่เขาอธิบายต่อว่า “โอ้ศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ ข้าฯปฏิเสธไม่ยอมรับสิ่งที่เขาเสนอให้ก็เพียงเพราะว่าข้าฯกลัวว่า ข้าฯอาจจะกลายเป็นคนหยิ่งยะโส และปฏิเสธกับพี่น้องมุสลิมของข้าฯ เฉกเช่นเดียวกับที่เขาทำกับข้าฯ”