บทเรียนอูศูลุดดีน (รากฐานของศาสนา)
เตาฮีด (ความเป็นเอกะของพระผู้เป็นเจ้า) ตอนที่ 28
เตาฮีดรูบูบียะฮ์ “(توحید ربوبية)ความเป็นเอกะในการอภิบาลบริหารของพระผู้เป็นเจ้า
“รูบูบียะฮฺ” การอภิบาล การบริหาร ส่วนผู้ที่อภิบาลนั้นเรียกว่า “ร็อบ” “ربّ” ผู้อภิบาลที่แท้จริงคือผู้ที่มี “อิคติยาร” สิทธิเสรีและความเป็นเอกเทศอย่างสมบูรณ์ปรารถนาสิ่งใดก็สามารถทำได้ในทันที และการเป็นผู้อภิบาลที่สมบูรณ์นั้นต้องควบคู่กับความเป็นเจ้าของ “มาลิกียะฮ์” “مالكية” อย่างแท้จริงด้วย เพราะถ้าหากไม่ได้เป็นเจ้าของสรรพสิ่งนั้นๆอย่างแท้จริงก็ไม่สามารถอภิบาลสรรพสิ่งได้อย่างเอกเทศและสมบูรณ์
การพิสูจน์ความเป็นพระผู้อภิบาลของอัลลอฮ์(ซ.บ)
1. การอภิบาลที่สมบูรณ์จะเกิดขึ้นได้นั้น เมื่อผู้อภิบาลเป็นเจ้าของสรรพสิ่งอย่างแท้จริงด้วย ถ้าหากไม่ได้เป็นเจ้าของอย่างแท้จริงไม่สามารถอภิบาลสรรพสิ่งได้อย่างเป็นเอกเทศและสมบูรณ์ ซึ่งผู้เป็นเจ้าของที่แท้จริงของสรรพสิ่งก็คือ พระผู้สร้างสรรพสิ่งเหล่านี้ขึ้นมา ซึ่งสรรพสิ่งทั้งหมดอยู่ภายใต้อำนาจของพระผู้สร้าง
เมื่อผู้อภิบาลคือ ผู้ที่เป็นเจ้าของที่แท้จริง และผู้ที่เป็นเจ้าของที่แท้จริงก็คือผู้สร้าง ดังนั้นผู้อภิบาลก็คือผู้เดียวกับพระผู้สร้าง และได้พิสูจน์ไปแล้วว่าพระผู้สร้างมีเพียงหนึ่งเดียวก็คือ อัลลอฮ์(ซบ) ดังนั้นก็หมายความว่าพระผู้อภิบาลก็มีแค่หนึ่งเดียว
2. “รูบูบียะฮ์” คือการบริหาร การอภิบาล การจัดระบบระเบียบ สมมุติว่า พระผู้อภิบาลมีหลายองค์ และแต่ละองค์ก็มีอำนาจอภิบาลเป็นของตัวเองอย่างสมบูรณ์ เมื่อเป็นเช่นนี้ก็หมายความว่าพระผู้อภิบาลแต่ละองค์มีระบบจักรวาลเป็นของตัวเอง ในขณะที่เห็นได้ว่าในความเป็นจริงระบบระเบียบจักรวาลอยู่ภายใต้อำนาจหนึ่งเดียว มีความเป็นหนึ่งเดียวกัน จนถูกเรียกว่าเอกภพ ไม่ได้มีความขัดแย้งกัน ด้วยเหตุนี้ความเป็นหนึ่งเดียวกันของระบบจักรวาลได้ยืนยันว่าพระผู้อภิบาลที่แท้จริงต้องมีเพียงหนึ่งเดียว นั่นก็คืออัลลอฮ์(ซบ) และโองการที่มาสำทับคือ ซูเราะฮอัมบิยาอ์ โองการที่ 22
لَوْ كاَنَ فِيهِمَا ءَالهَِةٌ إِلَّا اللَّهُ لَفَسَدَتَا فَسُبْحَانَ اللَّهِ رَبِّ الْعَرْشِ عَمَّا يَصِفُون
“ถ้าหากในชั้นฟ้าและแผ่นดินมีพระเจ้าอื่นนอกจากอัลลอฮ์แล้ว มันทั้งสองจะพินาศอย่างแน่นอน อัลลอฮ์ผู้อภิบาลแห่งบัลลังก์ มหาบริสุทธิ์จากสิ่งที่พวกเขาเสกสรรปั้นแต่ง”
การเป็นพระผู้อภิบาลของอัลลอฮ์(ซบ)หมายถึง การนำสิ่งต่างๆไปสู่ความสมบูรณ์ของมัน การนำสิ่งต่างไปสู่ความ “กะมาล” “كمال” ของสิ่งนั้นๆ ทั้งความสมบูรณ์ทางด้านวัตถุและความสมบูรณ์ทางด้านจิตวิญญาณ ฉะนั้น ผู้ที่สามารถบริหารอภิบาลสิ่งต่างได้ดีที่สุดคือ ผู้ที่ได้สร้างสรรพสิ่งเหล่านั้นขึ้นมาเพราะรู้กลไกรายละเอียดของสิ่งนั้นดีที่สุด
ตัวอย่าง : พ่อแม่ที่ให้กำเนิดบุตร
พ่อแม่ที่ให้กำเนิดบุตขึ้นมา ย่อมรู้จักบุตรของตัวเองดีที่สุด รู้จักลักษณะนิสัยของบุตรดีที่สุด พ่อแม่รู้วิธีการจัดการและอบรมสั่งสอนเลี้ยงดูที่ดีที่สุด
ตัวอย่าง : บริษัทที่สร้างรถยนต์
แน่นอนว่า ผู้ที่รู้เกี่ยวกับรายละเอียดต่างๆของรถยนต์ดีที่สุดก็คือบริษัทผู้ผลิต
ดังนั้น อัลลอฮ์(ซ.บ)ก็เช่นกัน สรรพสิ่งต่างๆนั้นเกิดขึ้นมาจากการสร้างของพระองค์ และแน่นอนว่าพระองค์คือผู้ที่รู้ดีที่สุดว่าจะอภิบาลสรรพสิ่งนั้นๆอย่างไร พระองค์รู้ดีว่าจะนำสรรพสิ่งเหล่านั้นไปสู่ความสมบูรณ์อย่างไร
พระองค์คือ “รอบบุลอาละมีน” พระผู้อภิบาลแห่งสากลจักรวาล หมายถึง พระองค์ทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหมดขึ้นมาและทรงอภิบาลด้วยตนเอง
การอภิบาลและการสร้างนั้นต้องมีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน การอภิบาลที่สมบูรณ์จะเกิดขึ้นได้นั้น เมื่อพระผู้อภิบาลและพระผู้สร้างคือผู้เดียวกัน
“ด้วยเหตุนี้มนุษย์ควรมอบการเคารพภักดีแก่พระผู้เป็นเจ้าที่สร้างเขามาและทรงอภิบาลเขาไปสู่ความสมบูรณ์”
ขอขอบคุณสถาบันศึกษาศาสนาอัลมะฮ์ดี