นได้ถามแก่อิมามอะลี (อ) ว่า “โอ้ผู้นำผู้ทีมีแต่ความห่วงใย ตลอดเวลาท่านนั้นเป็นห่วงเป็นใยสังคมเป็นยิ่งนัก อะไรคือสิ่งซึ่งสร้างความน่าเป็นห่วงแก่ท่านอยากมากมายขนาดนี้?”
อิมามอะลี (อ) ได้ตอบว่า “มีสองสิ่งที่ฉันเป็นกลัวมากที่สุด ว่ามันจะเกิดขึ้นสำหรับพวกเจ้า สิ่งแรกคือการคล้อยตามความปราถนาของตัวเอง และอีกสิ่งคือความหวังที่แสนไกลเกินเอื้อม”
ฉันได้ถามอิมามอะลี (อ) ว่า “หลายคนเมื่อเขากระทำเรื่องที่ผิดพลาด และเมื่อเราได้ทักท้วงเขา เขาก็กล่าวว่า เขาปราถนาที่จะทำ ใคร่จะถามท่านอิมามว่า การกระทำตามอารมณ์ปราถนานั้นคือสิ่งที่ถูกต้องหรือไม่?”
อิมามอะลี (อ) ได้ตอบว่า “ถ้าหากเจ้าปฏิบัติตามความปราถนาของเจ้า มันจะทำให้เจ้านั้นตาบอดและหูหนวก (เจ้าจะออกห่างจากการได้ยินความจริง และไม่มีสิทธิได้เห็นสัจธรรม)”
อิมามอะลี (อ) ยังได้กล่าวอีกว่า “คราใดก็ตามที่อารมณ์ปราถนาได้เข้าครอบงำตัวเจ้าแล้ว มันก็จะนำเจ้าไปยังสถานที่ซึ่งต้องถูกทำลาย และมันจะทำลายเจ้าในที่สุด”
ฉันได้ถามท่านอิมามอะลี (อ) ต่ออีกว่า “มนุษย์บางส่วนที่เขามีอิสรภาพ ซึ่งเขาเข้าใจว่านั่นคือ ความอิสรภาพ และเสรีภาพของเขา เขาเข้าใจว่าเขานั้นคือผู้ที่มีสติปัญญา?”
อิมามอะลี (อ) ได้กล่าวว่า “สติปัญญาของมนุษย์ จะถูกทำลายโดยการชี้นำ หรือการชักจูงของกิเลศตัณหาราคะ”
อิมามอะลี (อ) ได้กล่าวต่ออีกว่า “สติปัญญามากมายที่ต้องพบกับปัญหา เมื่อตกเป็นเชลยของอารมณ์ปราถนา และตัณหาราคะต่างๆ”
ฉันจึงได้ถามท่านอิมามอะลี (อ) ต่อว่า “ถ้างั้นก็หมายความว่า ที่พวกเขาอ้างว่าอิสรภาพ คือการไม่มีข้อผู้มัดใดๆ ที่แท้ก็คือ พวกเขากำลังตกเป็นเชลยอย่างนั้นหรือ?”
อิมามอะลี (อ) ได้ตอบว่า “การเป็นทาสของกิเลศตัณหาราคะ คือการเป็นเชลย และเป็นเชลยที่ไม่มีวันจะได้รับอิสรภาพ”
อิมามอะลี (อ) ได้กล่าวต่ออีกว่า “ถ้าหากเจ้าปล่อยให้กิเลศตัณหาราคะมีอำนาจเหนือเจ้า และเจ้าได้ปฏิบัติตามโดยไม่มีข้อแม้ใดๆ มันจะทำให้เจ้าหูหนวกตาบอด และท้ายที่สุดก็จะเป็นตัวทำลายเจ้าได้ในไม่ช้า”
ฉันได้ถามอิมามอะลี (อ) ต่อว่า “การกระทำความผิด และการคล้อยตามกิเลศตัณหา สามารถเกิดขึ้นพร้อมๆ กับความเชื่อในพระผู้เป็นเจ้าได้หรือไม่?”
อิมามอะลี (อ) ได้ตอบว่า “การปฏิบัติตามกิเลศตัณหา ร้ายแรงกว่าการกระทำความผิดทั้งมวลเสียอีก จงระวังอย่าได้เป็นทาสของมันเด็ดขาด เนื่องจากมันจะนำเจ้าให้ออกห่างจากพระผู้เป็นเจ้าได้”
และมันจะปิดกั้นความยำเกรง และการเข้าใกล้ชิดต่อพระองค์แก่เจ้า ดังนั้นสิ่งใดก็ตามที่เป็นสิ่งไร้สาระ และทำให้มนุษย์หลงลืมพระผู้เป็นเจ้า สิ่งนั้นคือสิ่งต้องห้าม และคือบาปใหญ่ทั้งสิ้น อาธิเช่น การฟังดนตรีที่เป็นต้องห้าม การเล่นการพนัน การดื่มสุรา การทำซินา ฯลฯ