ทำไมต้องเราต้องมารำลึก กัรบะลาอ์ และอาชูรอ? ตอนที่ 3
การยืนหยัดเพื่อพระองค์ คือการยอมรับในวิลายัต หมายถึงอะไร?
การยืนหยัดเพื่อพระองค์ คือ การยอมรับในวิลายัต (อำนาจการปกครองของพระผู้เป็นเจ้า) หมายถึงอะไร? คือ การเข้าร่วมสงครามกับท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ) และการร่วมรบในสงครามกับท่านอิมามอะลี (อ) ของบรรดานักรบเหล่านั้น ไม่ได้เป็นการยืนหยัดเพื่ออัลลอฮ์ เนื่องจากว่าเขาได้ฝ่าฝืนคำสั่งของท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ) และไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของท่านอิมามอะลี (อ) การฝ่าฝืนเหล่านั้นคือข้อพิสูจน์ว่าเขาไม่ได้ยอมรับในวิลายัตของท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ) และวิลยัตของท่านอิมามอะลี (อ)
แต่ในสงครามกัรบะลาอ์ ผู้ที่เข้าร่วมรบกับท่านอิมามฮูเซน (อ) ไม่ว่าจะเป็นเด็ก สตรี หนุ่มสาว และคนชรา ทั้งหมดล้วนมีเป้าหมายเดียวกัน และเป็นผู้ที่ยอมรับในวิลายัต (อำนาจการปกครองจากพระผู้เป็นเจ้า) ของท่านอิมามฮูเซน (อ) ทั้งสิ้น ไม่มีการฝ่าฝืนคำสั่งใดๆ ของผู้ร่วมรบในสมรภูมิแห่งกัรบะลาอ์
เหล่าวีรชนผู้กล้าเหล่านั้นคือผู้ที่ยอมรับในวิลายัตของท่านอิมามฮูเซน (อ) อย่างแท้จริง นับแต่การเริ่มเดินทางของท่านอิมามฮูเซน (อ) จากนครมะดีนะฮ์มีผู้ร่วมเดินทางมากับท่านอิมามฮูเซน (อ) สี่ร้อยคน บางรายงานมีมากกว่านั้น แต่แรกเดินทางท่านอิมามฮูเซน (อ) ย้ำตลอดทางว่า การเดินทางในครั้งนี้ไม่มีอะไรตอบแทนให้ นอกจากความร้อน ความหิวกระหายน้ำ และความตายเท่านั้น
ท่านหญิงซัยนับ (อ) ได้ถามกับท่านอิมามฮูเซน (อ) ว่า "โอ้พี่จ๋า สหายที่อยู่กับพี่ พี่รู้จักพวกเขาดีแล้วหรือ พี่มีความมั่นใจในตัวพวกเขาแค่ไหน? พวกเขาจะอยู่เคียงข้างพี่ พวกเขาจะไม่ทอดทิ้งพี่ใช่ไหม?"
อิมามฮูเซน (อ) น้ำตาไหลรินตอบว่า "ขอสาบานฉันได้ทดสอบพวกเขาแล้ว พี่ได้ใช้ให้พวกเขากลับไปแล้ว พี่ได้บอกพวกเขาแล้วว่าศัตรูต้องการชีวิตพี่เพียงคนเดียว แต่พวกเขายืนยันที่จะอยู่เคียงข้างพี่ พวกเขาจะไม่ทอดทิ้งพี่"
อิมามฮูเซน (อ) ได้พูดย้ำแล้วย้ำอีกจนกระทั่งถึงค่ำคืนของวันอาชูรอ อิมามฮูเซน (อ) ก็ยังได้กล่าวย้ำแก่เหล่าวีรชนเหล่านั้นอีกครั้งว่า "พวกเขาต้องการชีวิตของฉันแค่คนเดียว พวกท่านเป็นอิสระแล้ว ฉันได้ยกเลิกการสัตญาบันของพวกท่านที่มีต่อฉันแล้ว พวกท่านทั้งหลายได้ทำหน้าที่สมบูรณ์ทุกคนแล้ว พวกท่านไม่มีความผิดใดๆ อีกแล้ว จงใช้ความมืดมิดในคืนนี้หลบหนีไปเสียเถิด เพราะพรุ่งนี้จะไม่มีใครรอดชีวิตแม้แต่คนเดียว ทุกคนต้องตาย
อิมามซัยนุลอาบิดีน (อ) กล่าวว่า "ในคืนอาชูรอ ฉันได้ยินพ่อของฉันได้บอกกับสหายทั้งหมดว่า ฉันไม่เคยรู้จัก และไม่เคยพบสหายกลุ่มใดที่จะดีเลิศ และมีสัจจะไปกว่าสหายของฉัน ฉันขอบอกแก่พวกท่านว่า พระองค์ได้มอบรางวัลที่ดีเลิศแก่พวกท่านแล้ว ฉันอนุญาตให้พวกท่าน พวกท่านเป็นอิสระ พวกท่านสามารถกลับไปได้ด้วยความพึงพอใจของฉัน ฉันยกคำสัตยาบัญคืนให้แล้ว มืดแล้วจงใช้ความมืดหลบหนี พาลูกๆ หลานๆ ของฉันกลับไปด้วย ศัตรูต้องการชีวิตฉันคนเดียว หากเขาได้ฆ่าฉัน เขาก็จะลืมพวกท่าน"
ทั้งหมดได้ร้องไห้ออกมา และตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า "ทำไมพวกเราต้องกลับไปด้วย จะให้พวกเรามีชีวิตอยู่ไปเพื่ออะไรกัน ในขณะที่ไม่มีท่านอิมามอยู่ด้วย ขอพระองค์ทรงอย่าให้มีวันนั้นเลย
ท่านอับบาสได้ลุกขึ้นแล้วกล่าวขึ้นว่า โอ้อิมามฮูเซน เมาลาของฉัน ท่านจะให้เรากลับไปหรือ แล้วท่านจะให้เราไปตอบกับท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ) เช่นไร? ท่านจะให้เราไปตอบกับท่านอิมามอะลี (อ) ว่าอย่างไร ท่านจะให้เราไปสู้หน้าท่านหญิงฟาติมะฮ์ มารดาของท่านในลักษณะใด ถ้าหากเราคือผู้ที่ทอดทิ้งท่าน และครอบของท่านให้อยู่ต่อสู้อย่างเดียวดาย?
อีกคนได้ลุกขึ้นมาแล้วกล่าวว่า โอ้อิมามฮูเซน ท่านจะให้เราจากไป และจะให้เราไปอ้างว่าท่านคืออิมาม (ผู้นำ) ของเรากระนั้นหรือ? ในขณะที่เราได้ปล่อยให้อิมาม (ผู้นำ) ต้องอยู่ต่อสู้อย่างเดียวดาย? ท่านจะให้พวกเราเป็นคนเช่นนั้นหรือ?
อีกคนลุกขึ้นมาแล้วกล่าวว่า โอ้อิมามข้าฯ ขอสาบานต่อพระองค์ ข้าจะสู้รบเคียงคู่ท่านจนดาบของฉันจะหาไม่ และหากฉันไม่มีดาบเพี่อต่อสู้ ฉันจะหยิบธนูมาต่อสู้ ถ้าฉันไม่มีธนู ฉันจะต่อสู้กับก้อนหิน โอ้อิมาฮูเซน ต่อให้ฉันโดนฆ่าและร่างของฉันถูกเผาเป็นเท่าถ่าน และมลายไปในสายลม แต่ถ้าหากฉันมีชีวิตอีกครั้ง ฉันจะกลับมาหาท่าน และอยู่เคียงคู่กับท่าน และฉันจะขอตายพร้อมกับท่านอีก
นี่คือเหตุผลที่ชี้ให้เห็นว่า ทำไมเหตุการณ์กัรบะลาอ์ วีรกรรมแห่งอาชูรอต้องถูกรำลึกอย่างยิงใหญ่ในทุกๆ ปี
บทความโดยมัรฮูม เชคมาลิกี ภักดี