๔๐ หะดีษจากท่านศาสดามุฮัมมัด ตอนที่หนึ่ง
๑.ความประเสริฐของผู้ใฝ่หาความรู้
مَنْ سَلَكَ طَريقًا يَطْلُبُ فيهِ عِلْمًا سَلَكَ اللّهُ بِهِ طَريقًا إِلَى الْجَنَّةِ... وَ فَضْلُ الْعالِمِ عَلَى الْعابِدِ كَفَضْلِ الْقَمَرِ عَلى سائِرِ النُّجُوم لَيْلَةَالْبَدْرِ
บุคคลใดก็ตามได้เดินทางบนหนทางที่เป็นการถวิลหาความรู้ อัลลอฮฺจะทรงนำเขาไปสู่หนทางที่ไปสู่สวรรค์ และนักปราชญ์นั้นย่อมมีความประเสริฐกว่าผู้เคร่งครัด ดุจดังเช่นที่เดือนจันทร์วันเพ็ญเจิดจรัสกว่าหมู่ดวงดาวทั้งหลาย
หมายเหตุ อาบิดหมายถึงผู้ที่เคร่งครัดในการปฏิบัติตามคำสั่งสอนของศาสนา โดยที่ไม่ใยดีกับสิ่งอื่นใด เหมือนกับพวกฤๅษีตาไฟที่บำเพ็ญศีลอย่างเคร่งครัด
๒.การใฝ่หาศาสนาของชนชาวเปอร์เซีย
لَوْ كانَ الدِّينُ عِنْدَ الثُّرَيّا لَذَهَبَ بِهِ رَجُلٌ مِنْ فارْسَ ـ أَوْ قَالَ ـ مِنْ أَبْناءِ فارْسَ حَتّى يَتَناوَلَهُ
มาตรว่าศาสนานั้นอยู่ถึงดาวลูกไก่ ชายหนุ่มแห่งเปอร์เซีย (ลูกหลานแห่งเปอร์เซีย) จะไปนำเอามันมา
๓. ชาวเปอร์เซีย(อิหร่าน) เป็นผู้ถวิลหาอีมาน
إِذا نَزَلَتْ عَلَيْهِ(صلى الله عليه وآله وسلم) سُورَةُ الْجُمُعَةِ، فَلَمّا قَرَأَ: وَ آخَرينَ مِنْهُمْ لَمّا يَلْحَقُوا بِهِمْ. قَالَ رَجُلٌ مَنْ هؤُلاءِ يا رَسُولَ اللّهِ؟ فَلَمْ يُراجِعْهُ النّبِىُّ(صلى الله عليه وآله وسلم)، حَتّى سَأَلَهُ مَرَّةً أَوْ مَرَّتَيْنِ أَوْ ثَلاثًا. قالَ وَفينا سَلْمانُ الفارْسىُّ قالَ فَوَضَعَ النَّبِىُّ يَدَهُ عَلى سَلْمانَ ثُمَّ قالَ: لَوْ كَانَ الاْيمانُ عِنْدَ الثُّرَيّا لَنالَهُ رِجالٌ مِنْ هؤُلاءِ
เมื่อซูเราะฮฺอัลญุมุอะฮฺ ได้ถูกประทานลงมาแก่ท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) ท่านได้อ่านโองการที่ว่า “และกลุ่มชนอื่น ๆ ในกลุ่มพวกเขาที่จะติดตามมาภายหลังจากพวกเขา” وَآخَرِين مِنْهُمْ لَمَّا يَلْحَقُوابِهِمْ ได้มีผู้ถามท่านศาสดาว่า พวกเขาเป็นใครกันหรือโอ้ท่านศาสดา! ท่านศาสดาไม่ได้ตอบเขา จนกระทั่งเขาได้ถามอีกเป็นครั้งที่สองและที่สาม ผู้รายงานได้พูดว่า ในหมู่พวกเรานั้นมี ซัลมาน อัลฟารซีย์อยู่ ขณะนั้นท่านศาสดา (ศ็อลฯ) ได้เอามือไปแตะที่ไหล่ของท่านซัลมาน พร้อมทั้งกล่าวว่า
มาตรว่าอีมาน (ความศรัทธา) จะอยู่ถึงดาวลูกไก่ลูกหลานของซัลมานก็จะเป็นผู้ไปนำเอามันมา”
๔. ผู้ที่ได้รับชะฟาอะฮฺ (การอนุเคราะห์)
أَرْبَعَةٌ أَنَا الشَّفيعُ لَهُمْ يَوْمَ القِيمَةِ: مُعينُ أَهْلِ بَيْتى. : وَ الْقاضى لَهُمْ حَوائِجَهُمْ عِنْدَ مَا اضْطُرُّوا إِلَيْهِ. : وَ الْمحِبُّ لَهُمْ بِقَلْبِهِ وَ لِسانِهِ: وَ الدّافِعُ عَنْهُمْ بِيَدِهِ
ฉันจะให้ชะฟาอะฮฺกับคนสี่กลุ่มในวันกิยามะฮฺ ซึ่งได้แก่..
(๑) ผู้ที่ให้การช่วยเหลืออะห์ลุลบัยต์ของฉัน
(๒) ผู้ที่ตอบสนองความต้องการของพวกเขาในยามที่พวกเขาเดือดร้อน
(๓) ผู้ที่รักอะห์ลุลบัยต์ของฉันทั้งใจและวาจา
(๔) ผู้ที่ปกป้องอะห์ลุลบัยต์ของฉันด้วยมือและการกระทำของเขา
หมายเหตุ อะห์ลุลบัยต์ หมายถึงวงศ์วานผู้ที่ใกล้ชิดของท่านศาสดา ไม่ได้หมายรวมครอบครัวทั้งหมดของท่านศาสดาตามความหมายของโองการที่กล่าวว่า..“อันที่จริงอัลลอฮฺพึงประสงค์ที่จะขจัดมลทินออกไปจากพวกเจ้า โอ้อะห์ลุลบัยต์ และทรง (ประสงค์) ที่จะขัดเกลาพวกเจ้าให้สะอาดบริสุทธิ์” (๓๓/๓๓)
หลังจากโองการดังกล่าวได้ถูกประทานลงมามีศ่อฮาบะฮฺ ๙ ท่านได้รายงานว่า ท่านศาสดา (ศ็อลฯ) ขณะที่ออกจากบ้านเพื่อไปนมาซศุบฮ์ที่มัสญิดท่านจะไปแวะที่บ้านของท่านหญิงฟาฏิมะฮฺ (อ.) และกล่าวว่า
السلام عليكم يااهل البيت إِنَّمَا يُرِيدُ اللَّهُ لِيُذْهِبَ عَنكُمُ الرِّجْسَ أَهْلَ الْبَيْتِ وَيُطَهِّرَكُمْ تَطْهِيرًا
“ขอความสันติจงมีแด่พวกเธอ โอ้บรรดาอะห์ลุลบัยต์ อันที่จริงอัลลอฮฺพึงประสงค์ที่จะขจัดมลทินออกไปจากพวกเจ้า โอ้อะห์ลุลบัยต์ และทรง (ประสงค์) ที่จะขัดเกลาพวกเจ้าให้สะอาดบริสุทธิ์”
ท่านฏ็อบรอนี รายงานไว้ใน มัจมะอฺ จากอะบีสะอีด คุดรีย์ ตอนอธิบายโองการ “อันที่จริงอัลลอฮฺพึงประสงค์ที่จะขจัดมลทินให้ออกไปจากพวกเจ้าโอ้อหฺลุลบัยตฺ ทรงขจัดเจ้าให้สะอาดอย่างแท้จริง” ว่าโองการดังกล่าวได้ลงให้กับคน ๕ คนคือท่านรอซูลลุลลอฮ์ อะลี ฟาฏิมะฮฺ ฮะซัน และฮุซัยน์
نزلت في خمسة : في الرسول وعلي وفاطمة واحسن والحسين
ขอขอบคุณเว็บไซต์อัชชีอะฮ์