ปาเลสไตน์ แผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามศาสนา
แผ่นดินปาเลสไตน์เป็นดินแดนเก่าแก่ซึ่งเคยถูกเรียกว่ากันอาน แผ่นดินนี้มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของทั้งชาวยิว ชาวคริสเตียนและมุสลิม เพราะเป็นดินแดนที่นบีอิบรอฮีมหรืออับราฮัม บรรพบุรุษแห่งความศรัทธาของทั้งสามศาสนิกเคยพานางซาราห์ภรรยาคนแรกอพยพมาตั้งถิ่นฐานอยู่ที่นี่
เมื่ออับราฮัมอพยพไปยังอียิปต์ เขาได้แต่งงานกับหญิงพื้นเมืองชื่อฮาการ์(หรือฮาญัร)และมีลูกคนแรกชื่ออิสมาอีล หลังจากนั้น เขาได้พานางฮาการ์กับลูกน้อยอิสมาอีลมาตั้งถิ่นฐานอยู่ในหุบเขาบักกะฮฺในคาบสมุทรอาหรับ คัมภีร์กุรอานกล่าวว่าขณะที่อับราฮัมอยู่ที่นั่นในตอนที่อิสมาอีลโตเป็นเด็กหนุ่มแล้ว พระเจ้าได้บัญชาให้เขาสร้างกะอฺบะฮฺขึ้นมาเพื่อเป็นสถานที่เคารพสักการะพระองค์
หลังจากสร้างกะอฺบะฮฺเสร็จแล้ว อับราฮัมได้กลับไปหานางซาราห์ที่ปาเลสไตน์ และเมื่ออยู่ที่นั่น เขาได้สร้างมัสญิด อัลอักซอขึ้นที่เมืองเยรูซาเล็ม บันทึกคำพูดของนบีมุฮัมมัดกล่าวว่าอับราฮัมสร้างมัสญิด อัลอักซอขึ้นหลังจากสร้างกะอฺบะฮฺเป็นเวลา 40 ปี และมัสญิดนี้เองที่ทำให้เมืองเยรูซาเล็มกลายเป็นจุดศูนย์กลางทางด้านจิตวิญญาณของลูกหลานอิสราเอล
หลังสมัยของอับราฮัม ลูกหลานอิสราเอลได้อพยพจากแผ่นดินกันอานไปอยู่ที่อียิปต์ในสมัยของโยเซฟ(ยูซุฟ) แต่หลังจากโยเซฟเสียชีวิต ลูกหลานอิสราเอลต้องตกเป็นทาสของฟาโรห์ในอียิปต์เป็นเวลานาน จนกระทั่งโมเสสได้พาลูกหลานอิสราเอลอพยพออกมาร่อนเร่อยู่ในทะเลทรายหลายสิบปี ในระหว่างนั้น ลูกหลานอิสราเอลต้องถูกชนชาติต่างๆรุกรานขับไล่
จนกระทั่ง เดวิดสามารถรวบรวมลูกหลานอิสราเอลที่แตกกระจายให้เป็นปึกแผ่นและตั้งอาณาจักรอิสราเอลขึ้นมาได้ ลูกหลานอิสราเอลจึงได้อยู่กันอย่างสงบ เมื่อกษัตริย์เดวิดจากไป โซโลมอนลูกชายของกษัตริย์เดวิดได้ขึ้นมาครองอำนาจการปกครองและในระหว่างนี้เองที่กษัตริย์โซโลมอนซึ่งเป็นมุสลิมได้สร้างวิหารที่เรียกว่า “วิหารโซโลมอน” (Solomon Temple) ขึ้นมาเพื่อสักการะพระเจ้าก่อนคริสตกาลประมาณ 950 ปี
หลังสมัยโซโลมอน อาณาจักรอิสราเอลแตกเป็นสองส่วน กษัตริย์เนบูคัดเนซซาร์แห่งอาณาจักรบาบิโลนได้ทำลายเมืองเยรูซาเล็มและวิหารโซโลมอน ลูกหลานอิสราเอลต้องตกเป็นทาสของชาวบาบิโลน แต่ต่อมา กษัตริย์ไซรัสแห่งเปอร์เซียมีอำนาจ ลูกหลานอิสราเอลได้รับการปลดปล่อยให้เป็นอิสระและได้กลับมายังเมืองเยรูซาเล็ม พวกลูกหลานอิสราเอลจึงสร้างวิหารหลังที่สองขึ้นมาตรงบริเวณที่ตั้งวิหารโซโลมอนเมื่อประมาณ 500 ปีก่อนคริสตกาล
ใน ค.ศ.70 กองทัพโรมันไบแซนตินนำโดยจักรพรรดิติตุสได้บุกเข้ามาปราบพวกลูกหลานอิสราเอลที่เป็นกบฏและทำลายเมืองเยรูซาเล็มพร้อมกับวิหารหลังที่สองลงจนไม่เหลือซาก ช่วงนี้เองที่พวกลูกหลานอิสราเอลต้องอพยพหลบหนีไปอยู่ในส่วนต่างๆของโลกเหมือนคนสิ้นชาติไร้แผ่นดิน มีสามเผ่าที่อพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานในคาบสมุทรอาหรับที่เมืองยัษริบ
ค.ศ.614 อาณาจักรเปอร์เซียได้เข้ามายึดครองเมืองเยรูซาเล็ม แต่ต่อมา อาณาจักรโรมันไบแซนตินได้เข้ามายึดเมืองเยรูซาเล็มคืนได้ใน ค.ศ.629
หลังสมัยของนบีมุฮัมมัด กองทัพของเคาะลีฟะฮ์อุมัรฺได้ยึดเมืองเยรูซาเล็มได้ใน ค.ศ.638 ในเวลานั้น คนส่วนใหญ่ในเมืองเยรูซาเล็มเป็นชาวคริสเตียน เคาะลีฟะฮ์อุมัรฺไม่ได้ทำลายโบสถ์คริสต์ แต่กลับให้สิทธิและเสรีภาพแก่ทุกศาสนิกในการที่จะอยู่ร่วมกันอย่างสันติ
เมืองเยรูซาเล็มอยู่ภายใต้การปกครองของมุสลิมมาจนกระทั่ง ค.ศ.1099 จึงถูกกองทัพครูเสดจากยุโรปบุกมายึดไป แต่ต่อมา ใน ค.ศ.1187 เศาะลาฮุดดีน อัยยูบี (ซาลาดิน) แม่ทัพเชื้อสายเคิร์ดได้ยึดเมืองเยรูซาเล็มกลับคืนมาเป็นของมุสลิมและเขายังใช้นโยบายของเคาะลีฟะฮ์อุมัรฺในการปกครองเมือง นั่นคือ ทุกคนที่อาศัยอยู่ในเมืองนี้มีสิทธิ์และเสรีภาพในการนับถือศาสนาของตน และมุสลิมได้ใช้มัสญิดอัลอักซอละหมาดมาโดยตลอด
แต่ในศตวรรษนี้ ขบวนการยิวไซออนิสต์ต้องการให้ชาวยิวที่สิ้นชาติกลับมาตั้งประเทศอิสราเอลโดยมีเมืองเยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงของตนและต้องการทำลายมัสญิดอัลอักซอเพื่อสร้างวิหารหลังที่สามขึ้นมาใหม่อีกครั้งหนึ่ง
บทความโดย บรรจง บินกาซัน