ภารกิจของเด็ก วีรบุรุษและวีรสตรีแห่งกัรบาลาอฺ อัลลอฮฺ(ซบ)เป็นผู้ทรงกำหนด
ทำไมอัลลอฮ(ซบ)จึงทรงกำหนดภารกิจอันหนักหน่วงให้กับเด็ก วีรบุรุษและวีรสตรีแห่งกัรบาลาอฺ
หากไม่มีเด็กๆ และสตรี โศกนาฏกรรมครั้งเลวร้ายที่สุดในหน้าประวัติศาสตร์อิสลาม ก็จะถูกบิดเบือนและลบเลือนหายไป
ถามว่า เมื่อรู้ถึงทั้งหมด เมื่อได้รับคำตอบ เมื่อยืนหยัดแบบนี้จะต้องเจ็บปวด
เมื่อผู้หญิงจะต้องทุกข์ทรมานแบบนี้ ถูกกระทำอะไรต่างๆนานาทั้งหมด แล้วไซร์จะยืนหยัดเพื่ออะไร???
แน่นอน !!! เราก็รู้ว่า คำตอบที่แท้จริง คำตอบที่สมบูรณ์นั้นทำทั้งหมด เพื่อไปให้ถึงเป้าหมายของความดี และพวกเขาเหล่านั้นรู้ด้วยว่า ด้วยวิธีการรูปแบบนี้เท่านั้น ที่จะทำให้เป้าหมายของความดี ‘การกิยาม’อันนี้ไปถึงจุดสำเร็จที่สมบูรณ์อย่างแท้จริง
และเป้าหมายทั้งหมดถูกวางเพื่อไปให้ถึงในอนาคต เพื่อให้ประชาชาติสามารถนำ ‘การกิยาม’อย่างนี้ รูปแบบ ‘การยืนหยัด’อย่างนี้ ไปใช้ได้ในทุกยุคสมัยทุกสมัย
ซึ่ง บรรดานักวิชาการทั้งหมด ออกมาสรุปเหมือนกัน ว่า…..
วันนั้นหากไม่มีเด็กๆ และสตรี
โศกนาฏกรรมครั้งเลวร้ายที่สุด
ในหน้าประวัติศาสตร์อิสลาม ก็จะถูกบิดเบือนและลบเลือน หายไป แต่ด้วยวีรกรรมของบรรดาเด็กๆ และสตรี
จึงทำให้เรื่องราวเหล่านี้ ได้ถูกถ่ายทอดอย่างสมบูรณ์แบบ จนถึงวันสิ้นโลก
ถามว่า การถ่ายทอดอันนี้ให้ประโยชน์อะไรหรือ??
คำตอบ ก็คือ การที่เด็ก สตรี และเหล่าบรรดาวีรบุรุษ ได้ถ่ายทอดเรื่องราววีรกรรมต่างๆ ก็เพื่อจะปลุกเร้ามวลมนุษยชาติทุกยุคทุกสมัยเพราะโศกนาฏกรรมครั้งเลวร้ายที่สุด ในหน้าประวัติศาสตร์อิสลาม มีเด็กๆและบรรดาสตรีได้แสดงวีรกรรมในครั้งนี้ด้วย
วีรกรรมของเด็กๆและวีรสตรีแห่งกัรบาลาอฺ ก็จะเป็นแบบอย่างสำหรับเด็กๆ และสตรีทุกยุคทุกสมัยเช่นกัน
ที่ผ่านมา ยุคสมัยต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นในอดีตหรือในยุคกลาง ก่อนหน้าที่จะเกิดพวกวะฮาบี ก่อนหน้าที่จะเกิดกลุ่มไอซิส
เราอาจจะยังไม่เห็นความสำคัญของบทบาท แห่งการแสดงวีรกรรมของเด็กๆและสตรี ว่า สามารถนำมาใช้ได้ขนาดไหน ???
แต่ วันนี้เราได้เห็นปรากฏการณ์อันนี้แล้ว วันนี้ แม้แต่เด็กๆและสตรีก็ถูกเชือดคอ ถ้าชื่อของเด็กๆและสตรีเหล่านั้น เป็นชื่อที่ตรงกับบุคคลในสายธารของอะฮฺลุลบัยตฺ(อ) เด็กๆและสตรีจำนวนหนึ่งที่อยู่ในเขตที่พวก ‘ไอซิส’ยึดได้นั้น ก็จะถูกตัดคอ
วันนี้ การพิสูจน์วีรกรรมอันนี้ ได้ปรากฏขึ้นแล้วว่า ถ้าเด็กและสตรีไม่มีจิตวิญญาณแห่งกัรบาลาอฺ เหมือนกับเด็กๆและวีรสตรีแห่งกัรบาลาอฺแล้ว ก็ไม่สามารถรักษาศาสนาของเขาไว้ได้อีกเช่นกัน
ฉะนั้น ขบวนการที่รู้แจ้งเห็นจริงอย่างสมบูรณ์ คือ แบบฉบับการต่อสู้ของกัรบาลาอฺเท่านั้น ที่เป็นหนทางรอดพ้น ที่จะนำสู่ชัยชนะได้ เมื่อต้องการสร้างหลักประกันอันนี้ เพื่อรักษาความบริสุทธิ์ของศาสนา ไม่ว่าศัตรูจะทำอะไรก็ตาม บุคคลที่ต้องการนับถือศาสนาอย่างบริสุทธิ์ ก็สามารถยืนหยัดอยู่ได้ และไม่มีใครสามารถยืนหยัดอยู่ได้ ถ้าไม่มีแบบฉบับและจิตวิญญาณแห่งกัรบาลาอฺ
อัลลอฮฺ(ซบ)เป็นผู้กำหนด ภารกิจของวีรบุรุษและวีรสตรีแห่งกัรบาลาอฺ
เป้าหมายของมันนั้นชัดแจ้ง ว่า ถ้าทำแบบนี้แล้วมันจะไปถึงเป้าหมาย
จริงๆแล้วผู้ที่กำหนดวิธีการนี้ คือ อัลลอฮ์(ซบ) ที่พระองค์กล่าวว่า หน้าที่ของเจ้าคืออันนี้
“คือไปต่อสู้ จนตาย”
ทำไมอัลลอฮ์(ซบ)จึงเลือกวิธีนี้เท่านั้น?? เพราะวิธีนี้ไม่เคยเลือกให้บุคลากรใดๆของพระองค์ และไม่ได้กำหนดโดยตรงให้แก่บุคลากรของพระองค์
– นบีมูซา(อ) เมื่อถูกไล่ล่า เมื่ออัลลอฮฺ(ซบ)เห็นว่ายังไม่ถึงเวลาที่ท่านต้องเสียชีวิตในเวลานั้นก็เลยถูกยกเลิกไป
– ท่านนบียะหฺยา(อ)ถูกไล่ล่า แล้วถูกจับได้แล้วถูกฆ่า อัลลอฮฺ(อ)ไม่ได้กำหนดว่าให้ท่านวิ่งเข้าไปหาความตาย อนุญาตให้ท่านหลบหนี แต่สุดท้ายชีวิตของท่านต้องพบกับความเป็นชะฮีด
แต่สำหรับท่านอิมามฮุเซ็น(อ) นั้นไม่มีอันอื่นใด
นอกจากต้องต้องต่อสู้
“ไม่ใช่ต่อสู้จนได้รับชัยชนะ แต่ต้องต่อสู้จนเป็นชะฮีด”
นั้นคือ เป้ากำหนดของอัลลอฮฺ(ซบ)ว่าภารกิจอันนี้คือแบบนี้เท่านั้น ส่วนบรรดาเด็กๆและสตรี คือ การได้รับความเจ็บปวดและทรมาน
อิมามฮุเซ็น(อ)ยืนยันว่า ภารกิจของวีรบุรุษ อัลลอฮฺ(ซบ)เป็นผู้กำหนด และภารกิจของสตรีและเด็กๆก็เป็นภารกิจที่อัลลอฮฺ(ซบ)กำหนดเช่นกัน
ดังนั้น เมื่อท่านถูกถามในลักษณะที่โต้แย้งในขณะที่ออกจากเมืองเมืองมะดีนะฮฺ ว่า ท่านเอาเด็กๆและสตรีไปทำไม?? อิมามฮุเซ็น(อ)ตอบอย่างชัดแจ้งว่า
ان الله قد شاء ان يراهن سبايا
“แท้จริงอัลลอฮ์(ซบ)ทรงประสงค์ต้องการที่จะเห็นพวกนางเป็นเชลยศึกสงคราม”
(แหล่งอ้างอิง อัลลุฮูฟ หน้า ๒๗ และ อัลมุนตะค็อบ ลิลตุรัยฮี หน้า ๔๒๔)
@@@@@@@