คำสั่งเสียของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์(อ.)ที่มีต่อท่านอิมามอะลี(อ.)
ส่วนหนึ่งจากกะรอมาต(เกียรติ)ของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์(อ.)ซึ่งบรรดานักรายงานฮะดีษทั้งฝ่ายชีอะฮ์และฝ่ายซุนนีได้รายงานไว้นั่นคือการที่ท่านหญิงได้ล่วงรู้ถึงความตายของตนเอง และได้ชี้ชัดถึงวันและเวลาของมันไว้ ดังเช่นในฮะดีษบทหนึ่ง เมื่อท่านหญิงได้กล่าวต่อท่านอิมามอะลี(อ.)ว่า : ช่วงเวลาแห่งความตายของฉันได้มาถึงแล้ว ท่านอิมามอะลี(อ.)ได้กล่าวว่า : โอ้บุตรีของท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ ทั้งๆที่การประทานวะฮ์ยู(วิวรณ์)ได้สิ้นสุดลงไปจากพวกเราแล้ว เธอยังรับรู้ข่าวนี้มาจากที่ใดหรือ?
ท่านหญิงฟาฏิมะฮ์(อ.)ตอบว่า : เมื่อครู่นี้ฉันได้นอนหลับไปชั่วขณะหนึ่งและได้ฝันเห็นท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์(ซ็อลฯ)ซึ่งท่านได้กล่าวกับฉันว่า : คืนนี้เธอจะได้ไปอยู่กับฉัน และฉันรู้ว่าท่านพูดในสิ่งที่เป็นความจริง และวันนี้เป็นวันสุดท้ายของชีวิตของฉันแล้ว (1)
และในอีกคำรายงานหนึ่งได้กล่าวว่า หลังจากนั้นท่านหญิงได้กล่าวต่อท่านอิมามอะลี(อ.)ว่า : ฉันมีความในใจที่ต้องการจะสั่งเสียต่อท่าน
ท่านอิมามอะลี(อ.)ได้กล่าวว่า : โอ้บุตรีของท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ จงพูดสิ่งที่เธอต้องการออกมาเถิด!
ในช่วงเวลานี้เองท่านอิมามอะลี(อ.)ได้ขอให้ผู้ที่อยู่ในห้องนั้นออกไปข้างนอกและและท่านได้นั่งลงใกล้ๆศรีษะของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์(อ.) แล้วท่านหญิงฟาฏิมะฮ์(อ.)ก็ได้เริ่มต้นการพูดคุยโดยกล่าวว่า :
โอ้บุตรชายแห่งลุง ท่านไม่เคยเห็นฉันเป็นคนพูดโกหกและเป็นคนทรยศ และนับจากช่วงเวลาที่ฉันได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับท่าน ฉันก็ไม่เคยฝ่าฝืนคำสั่งใดๆต่อท่านเลย !
ท่านอิมามอะลี(อ.)ได้กล่าวตอบท่านหญิงว่า : ขอความคุ้มครองต่ออัลลอฮ์! เธอคือผู้มี่ความรอบรู้ มีความดีงาม เป็นผู้เคร่งครัด เป็นผู้มีเกียรติ และมีความยำเกรงต่อพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงสูงส่งมากยิ่งเกินกว่าการทีฉันจะสามมารถตำหนิใดๆต่อเธอได้เกี่ยวกับการละเมิดและการไม่เชื่อฟังฉัน และแน่นอนยิ่งการจากไปของเธอย่อมเป็นเรื่องที่หนักหน่วงยิ่งสำหรับฉัน เว้นเสียแต่ว่าไม่มีหนทางเลือกอื่นไปจากนี้ ...
จากนั้นท่านได้กล่าวต่อไปว่า :
ขอสาบานต่ออัลลอฮ์ เธอได้ทำให้ฉันรำลึกถึงความทุกข์โศกแห่งการจากไปของท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์(ซ็อลฯ)อีกครั้งหนึ่ง และการจากลาและการสูญเสียเธอไปอีกนั้นย่อมเป็นเรื่องที่หนักหน่วงยิ่งนักสำหรับฉัน
"แท้จริงเราเป็นกรรมสิทธิ์ของอัลลอฮ์ และแท้จริงเราย่อมกลับคืนไปสู่พระองค์!"
ช่างเป็นความเจ็บปวดและความทุกข์โศกที่หนักหน่วงเสียนี่กระไร ขอสาบานต่ออัลลอฮ์ มันคือความทุกข์โศกที่ไม่มีสิ่งใดจะมาทดแทนมันได้เลย!
ในส่วนถัดไปของหะดีษบทนี้ได้กล่าวว่าเมื่อถึงจุดนี้บุคคลทั้งสองต่างร่ำไห้น้ำตานองใบหน้า ต่อจากนั้นท่านอิมาม(อ.)ได้ยกศรีษะของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ขึ้นมาแนบไว้ที่หน้าอก และได้กล่าวต่อท่านหญิงว่า : มีสิ่งใดจะสั่งเสียต่อฉันก็บอกมาเถิด ฉันจะปฏิบัติตามที่เธอต้องการ
ท่านหญิงฟาฏิมะฮ์(อ.)ได้กล่าวว่า : ขออัลลอฮ์ทรงตอบแทนรางวัลที่ดีงามแก่ท่าน โอ้บุตรแห่งลุงของท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ คำสั่งเสียแรกของฉันคือ หลังจากที่ฉันจากไปแล้ว ขอให้ท่านจงแต่งงานกับ"อะมามะฮ์"บุตรีของน้องสาวของฉัน เพราะเธอเป็นผู้ที่มีจิตใจเมตตาต่อลูกๆของฉันเหมือนกับตัวฉัน และผู้ชายนั้นจำเป็นจะต้องมีคู่ครอง
คำสั่งเสียอีกประการหนึ่งของฉันคือว่าในหมู่คนเหล่านี้ที่อธรรมต่อฉันและละเมิดสิทธิของฉัน อย่าให้คนใดจากพวกเขาเข้าร่วมในการส่งศพและในพิธีกรรมอื่น ๆ (เกี่ยวกับศพ)ของฉัน เพราะพวกเขาเหล่านั้นเป็นศัตรูของฉันและเป็นศัตรูของท่านศาสนฑูตแห่งอัลลอฮ์ และอย่าได้ปล่อยให้คนใดจากพวกเขา หรือพวกพร้องของพวกเขากระทำนมาซต่อศพของฉัน...
และจงฝังศพของฉันในช่วงเวลาที่ดวงตาทั้งหลายได้หลับลงหมดแล้ว (2)
และในอีกคำรายงานหนึ่งได้กล่าวว่าท่านหญิงฟาฏิมะฮ์(อ.)ได้เขียนวะซียัต(คำสั่งเสีย)ไว้ในกระดาษแผ่นหนึ่งและได้วางมันไว้ใต้ศีรษะของตน และเมื่อท่านหญิงได้เสียชีวิตลงท่านอิมามอะลี(อ.)จึงได้นำกระดาษแผ่นนั้นออกมาและท่านได้พบเห็นประโยคต่างๆดังต่อไปนี้:
بسم الله الرحمن الرحیم، هذا ما اوصت به فاطمة بنت رسول الله، اوصت وهی تشهد ان لا اله الا الله، وان محمداً عبده و رسوله ، و ان الجنة حق و النار حق، و ان الساعة آتیة لا ریب فیها، و ان الله یبعث من فی القبور
یا علی انا فاطمة بنت محمد زوجنی الله منک لا کون لک فی الدنیا و الآخرة، انت ولی بی من غیری، حنطنی و غسلنی و کفنی با للیل، و صل علی و ادفنی باللیل و لا تعلم احدا، و استودعک الله و اقرء علی ولدی السلام الی یوم القیامة
"ด้วยพระนามของอัลลอฮ์ผู้ทรงเมตตายิ่งผู้ทรงกรุณายิ่ง, นี่คือสิ่งที่ฟาฏิมะฮ์บุตรีของท่านศาสนฑูตแห่งอัลลอฮ์ได้สั่งเสียไว้ เธอได้สั่งเสียในขณะที่กล่าวคำปฏิญาณว่า ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮ์ และแท้จริงมุฮัมมัดนั้นคือบ่าวของพระองค์และเป็นศาสนทูตของพระองค์ และแท้จริงสวรรค์นั้นคือสัจธรรมและนรกนั้นคือสัจธรรม และแท้จริงวันกิยามะฮ์นั้นจะต้องมาถึงโดยไม่มีข้อสงสัยใดๆในมัน และแท้จริงอัลลอฮ์จะทรงทำให้ผู้ที่อยู่ในหลุมฝังศพฟืนคืนชีพ
โอ้ท่านอะลี ฉันคือฟาฏิมะฮ์บุตรีของมุฮัมมัด อัลลอฮ์ได้ทรงสมรสแนให้กับท่านเพื่อที่ฉันจะได้เป็นกรรมสิทธิ์ของท่านตลอดไปทั้งในโลกนี้และในปรโลก ท่านคือผู้ทรงสิทธิ์ในตัวฉันยิ่งกว่าตัวฉัน ท่านจงทำฮะนูฏ(ใส่เครื่องหอมศพ)ให้แก่ฉัน จงอาบน้ำศพให้แก่ฉัน และจงห่อศพให้แก่ฉันในยามค่ำคืน จงนมาซให้แก่ฉันและจงฝังร่างของฉันในยามค่ำคืนและอย่าให้ผู้ใดได้ล่วงรู้ ฉันขออำลาท่านโดยฝากท่านไว้ให้อยู่ในการคุ้มครองของอัลลอฮ์ และได้โปรดนำสลาม(จากฉัน)ไปยังลูกๆของฉันจวบจนถึงวันกิยามะฮ์ "(3)
แหล่งอ้างอิง :
(1) บิฮารุลอันวาร, เล่มที่ 43, หน้าที่ 179
(2) บิฮารุลอันวาร, เล่มที่ 43, หน้าที่ 191 และ 192
(3) บิฮารุลอันวาร, เล่มที่ 43, หน้าที่ 214
ขอขอบคุณเว็บไซต์ซอฮิบซะมาน