การวิงวอน
การวิงวอนขอให้พระผู้เป็นเจ้าทรงปลดเปลื้องความต้องการทั้งทางวัตถุและจิตวิญญาณ และการระบายความในใจกับพระองค์นั้น ถือเป็นจารีตประเพณีที่ถือปฏิบัติกันอย่างเคร่งครัดในหมู่ศาสนิกชนของศาสนาใหญ่ๆ ของโลก
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ศาสนาอิสลามซึ่งประกาศตนว่าเป็นระบอบแห่งวิถีชีวิตของมนุษย์ จารีตอันทรงคุณค่าดังกล่าวได้ถูกกำหนดให้เป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตของมุสลิมเลยทีเดียว
บทขอพรอันทรงคุณค่ามากมายที่ได้รับการร้อยเรียงจากท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ) และครอบครัวผู้บริสุทธิ์ของท่าน (อ) และส่งทอดเป็นมรดกอันล้ำค่าผ่านชนรุ่นแล้วรุ่นเล่ามาจนถึงทุกวันนี้ นอกจากเป็นเครื่องยืนยันถึงข้อเท็จจริงข้างต้นแล้ว สารัตถะอันลุ่มลึกของบทขอพรเหล่านั้นยังสำแดงให้เป็นที่ประจักษ์อีกเช่นกันว่า สิ่งเหล่านี้มิใช่ผลผลิตของปัญญาของมนุษย์อย่างแน่นอน แต่มันคือการวิวรณ์และการประพันธ์จากฟากฟ้า
“ดุอากุเมล” ซึ่งเป็นบทขอพรที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย และเป็นบทขอพรที่ท่านผู้นำมวลศรัทธาชน อะลี บุตรของ อะบูฏอลิบ (อ) ได้สอนให้กับ กุเมล บุตรของ ซิยาด อันนะคออีย์ และบรรดามุสลิมต่างพากันรักษาการอ่านบทขอพรบทนี้ในคืนวันศุกร์อย่างเคร่งครัดนั้น คือมรดกอันล้ำค่าอีกชิ้นหนึ่งของครอบครัวแห่งนุบูวะฮฺนี้
สารัตถะของดุอากุเมลอุดมไปด้วยแนวคิดเกี่ยวกับการถวายกายและใจเป็นข้าทาสของพระผู้เป็นเจ้า (อุบูดียะฮฺ) การขอลุแก่โทษ (เตาบะฮฺ) การนอบน้อมถ่อมตน ณ เบื้องพระพักตร์ของพระองค์ และยังเปี่ยมล้นไปด้วยการยึดพระผู้เป็นเจ้าเป็นที่พึ่ง การขอความช่วยเหลือ และการบากหน้ากลับมาหาพระองค์ สารัตถะทั้งมวลนี้ได้รับการร้อยเรียงไว้ในสามขั้นตอน ซึ่งแต่ละขั้นตอนคือการปูทางและบันไดที่ทอดขึ้นไปสู่ขั้นที่สูงกว่า และการทำความเข้าใจขั้นตอนทั้งสามนี้จะมีส่วนช่วยอย่างมากต่อการอ่านและเข้าถึงแนวคิดต่างๆ ของดุอากุเมล
ขั้นตอนที่หนึ่ง
ขั้นตอนนี้อยู่ในฐานะของบทนำเข้าสู่การขอพรที่จะเตรียมความพร้อมให้กับผู้วอนขอสำหรับการยืนอยู่ ณ เบื้องพระพักตร์ของพระผู้เป็นเจ้าและวิงวอนขอจากพระองค์ เพราะบาปและอกุศลกรรมนั้นคือม่านกั้นระหว่างมนุษย์กับพระผู้เป็นเจ้าและเป็นตัวสกัดกั้นการขอพร ดังนั้น มนุษย์จะต้องก้าวข้ามปราการนี้ไปก่อนเป็นลำดับแรก
อิมามอะลี (อ) ได้เริ่มขั้นที่หนึ่งด้วยกับการวอนขอสิ่งสองประการจากพระผู้เป็นเจ้า ประการแรกคือการวิงวอนขอการอภัยจากพระองค์
اللهم اغفر لی الذنوب التی تهتک العصم ، اللهم اغفر لی الذنوب التی تنزل النقم ...
“โอ้อัลลอฮฺ โปรดทรงอภัยแก่ฉันในความผิดบาปที่ฉีกม่าน (แห่งการครองตนให้บริสุทธิ์ของฉัน)
โอ้อัลลอฮฺ โปรดทรงอภัยแก่ฉันในความผิดบาปที่หลั่งการลงโทษ (ลงมายังฉัน)”
ส่วนอีกประการหนึ่ง อิมามอะลี (อ) ได้วอนขอความสามารถในการเข้าใกล้ชิดพระผู้เป็นเจ้า และความสัมฤทธิผลในการขอบคุณและการรำลึกถึงพระองค์ เพื่อที่จะสามารถยืนขึ้น ณ เบื้องพระพักตร์ของพระองค์ในการวิงวอนขอต่อพระองค์ได้ว่า
و أسألک بجودک أن تدنینی من قربک و أن توزعنی شکرک و أن تلهمنی ذکرک
“และด้วยกับความโอบอ้อมอารีของพระองค์ ฉันร้องขอต่อพระองค์ได้โปรดทรงนำฉันเข้าใกล้ชิดพระองค์
โปรดทรงประทานให้ฉันมีวาสนาในการขอบคุณ (ต่อความโปรดปรานของ) พระองค์
และโปรดทรงดลใจให้ฉันรำลึกถึงพระองค์ด้วยเถิด”
หลังจากนั้น อิมามอะลี (อ) ได้เผยให้เห็นถึงความขาดแคลน ความต้องการและความหวังของท่านต่อพระผู้เป็นเจ้าว่า
اللهم و أسألک سؤال من اشتدت فاقته ، و أنزل بک عند الشدائد حاجته ، و عظم فیما عندک رغبته
“โอ้อัลลอฮฺ ฉันร้องขอต่อพระองค์เฉกเช่นการร้องขอของผู้ที่มีความขัดสนอย่างที่สุด
เฉกเช่นผู้ที่เอ่ยปากขอต่อพระองค์เท่านั้นในยามตกยาก
และเฉกเช่นผู้ที่มีความหวังอันแรงกล้าในสิ่งที่มีอยู่ ณ พระองค์”
อิมามอะลี (อ) ได้เผยให้เห็นถึงความจริงสองประการที่ว่าไม่มีทางหลบหนีไปจากพระผู้เป็นเจ้าได้
اللهم عظم سلطانک و علا مکانک و خفی مکرک و ظهر أمرک و غلب قهرک و جرت قدرتک و لایمکن الفرار من حکومتک
“โอ้อัลลอฮฺ อำนาจครอบครองของพระองค์นั้นยิ่งใหญ่นัก ฐานันดรขอพระองค์ช่างสูงส่งยิ่ง
แผนการของพระองค์นั้นซ่อนเร้น ส่วนพระบัญชาของพระองค์นั้นชัดแจ้ง
การกำราบของพระองค์พิชิตทุกสิ่ง พลานุภาพของพระองค์แทรกซึมอยู่ในทุกอณู
และไม่มีทางหลบหนีไปจากปริมณฑลแห่งอำนาจปกครองของพระองค์ได้”
และความจริงที่ว่าอื่นจากพระผู้เป็นเจ้ามิใช่ที่พึ่งพิงสำหรับมนุษย์
اللهم لاأجد لذنوبی غافرًا و لالقبائحی ساترًا و لا لشیء من عملی القبیح بالحسن مبدلاً غیرک لا إله ألا أنت
“โอ้อัลลอฮฺ ฉันไม่พบว่าจะมีผู้ใดสามารถลบล้างความผิดบาปของฉัน ปกปิดการกระทำอันน่ารังเกียจของฉัน
และเปลี่ยนการงานที่น่ารังเกียจของฉันให้เป็นความดีงามได้ นอกจากพระองค์
ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์เท่านั้น”
ความอับโชคและชะตากรรมอันเลวร้ายของของมนุษย์คืออีกสิ่งหนึ่งที่อิมามอะลี (อ) นำมากล่าวถึงในบทนำเข้าสู่การวิงวอนของท่านว่า
اللهم عظم بلائی و أفرط بی سوء حالی و قصرت بی أعمالی و قعدت بی أغلالی و حبسنی عن نفعی بعد أملی و خدعتنی الدنیا بغرورها
و نفسی بجنایتها و مطالی یا سیدی
“โอ้อัลลอฮฺ ความอัปมงคลและภัยพิบัติที่มาประสพกับตัวฉันนั้นช่างมหันต์เหลือเกิน
สภาพของฉันก็เลวร้ายเกินขีดขั้นของมันไปแล้ว ส่วนกุศลกรรมของฉันก็ขาดตกบกพร่อง
โซ่ตรวนแห่งความเสน่หาและผูกพัน (อยู่กับโลกียะ) ได้ทำให้ฉันลุกไม่ไหวแล้ว
ความหวังลมๆ แล้งได้กักกันฉันจากคุณานุประโยชน์ที่ฉันควรจะได้รับในชีวิต
โลกนี้ก็ได้ใช้รูปโฉมภายนอกอันงดงามของมันหลอกลวงฉัน
และฉันได้ใช้ชีวิตให้หมดไปอย่างเลินเล่อกับการก่อกรรมทำเข็ญ
โอ้ นายของฉัน”
ความอับโชคและชะตากรรมอันเลวร้ายเหล่านี้คือผลพวงของสิ่งที่น้ำมือของมนุษย์ได้ประกอบขึ้นเอง ดังนั้น เขาจึงร้องขอให้พระผู้เป็นเจ้าทรงลบล้างความชั่วดังกล่าว และอย่าทรงปล่อยให้มันปิดกั้นเขาจากการดุอา
فأسألک بعزتک أن لا یحجب عنک دعائی سوء عملی و فعالی و لا تفضحنی بخفی ما اطلعت علیه من سری
و لا تعاجلنی بالعقوبة علی ما عملته فی خلواتی من سوء فعلی و إساءتی و دوام تفریطی و جهالتی و کثرة شهواتی و غفلتی
“ดังนั้น ด้วยกับเกียรติของพระองค์ โปรดอย่างทรงให้การกระทำและความประพฤติชั่วของฉันขัดขวางฉันจากการขอพร
โปรดอย่าทรงทำให้ฉันอับอายขายหน้าด้วยกับ (การเปิดเผย )ความลับเกี่ยวกับตัวฉันที่พระองค์ทรงตระหนักดี
โปรดอย่าทรงด่วนลงโทษฉันเนื่องจากการกระทำและพฤติกรรมชั่วที่ฉันได้กระทำมันอย่างลับๆ
รวมทั้งการยืนกรานอยู่ในความเลินเล่อ ความเขลา ตัณหาราคะอันมากมาย และการหลับใหล”
และในที่สุด หลังจากบ่าวได้ยอมรับความผิดบาป การฝ่าฝืน และความโชคร้ายของตน และประกาศว่าเขาไม่อาจหลบหนีไปจากพระผู้เป็นเจ้าได้ และต้องพึ่งพิงพระองค์เท่านั้น และร้องขอให้พระองค์อย่างได้ทรงลงโทษเขาเนื่องจากการกระทำชั่วและบาปกรรมของตนแล้ว บ่าวจะประกาศว่าเขาได้บากหน้ากลับมาหาพระผู้ทรงเป็นนายและเจ้าชีวิตของเขาแล้วอย่างผู้สำนึกผิดที่หัวใจแตกสลาย และร่ำร้องขอการอภัยโทษ และตระหนักดีว่าไม่มีทางหนีพ้นไปจากพระองค์ได้ นอกจากต้องบากหน้ากลับมาหาพระองค์ และไม่มีที่พึ่งใดๆ ในยามอัปโชคเช่นนี้นอกจากพระผู้เป็นเจ้าเท่านั้น
و قد أتیتک یا الهی بعد تقصیری و إسرافی علی نفسی معتذرًا نادمًا منکسرًا مستقیلاً مستغفرًا منیبا مقرًا مذعنًا معترفًا
لا أجد مفرًا مما کان منی و لا مفزعًا أتوجه إلیه فی أمری غیر قبولک عذری و إدخالک إیای فی سعة رحمتک
“และบัดนี้ โอ้พระเจ้าข้า ฉันได้บากหน้ามาหาพระองค์แล้ว ในขณะที่ได้ละเลยเพิกเฉยเกี่ยวกับพระองค์ เลยเถิดต่อตนเอง ร้องขอความเห็นใจ สำนึกผิด หัวใจแตกสลาย ร่ำร้องขอการอภัย ถวิลหาการลบล้างความผิด บากหน้ากลับมายอมรับและสารภาพผิด และฉันไม่พบทางหนีรอดไปจากสิ่งที่ฉันได้ก่อไว้ อีกทั้งไม่มีที่พึ่งใดๆ ที่จะหันไปพึ่งพิงในเรื่องของฉันได้อีกแล้ว นอกจากพระองค์จะทรงยอมรับคำแก้ตัวของฉัน และนำฉันเข้าไปอยู่ในความไพศาลแห่งพระเมตตาของพระองค์เท่านั้น”
ขั้นตอนที่สอง
หลังจากสิ้นสุดบทนำเข้าสู่ดุอากุเมล อิมามอะลี (อ) ได้ใช้อานิสงส์จากสื่อกลางทั้งสี่ประการในการสร้างสายสัมพันธ์กับพระผู้เป็นเจ้า ซึ่งสื่อกลางดังกล่าวประกอบด้วย
สื่อที่หนึ่ง ได้แก่ความโปรดปราน ความเมตตา และความรักที่พระผู้เป็นเจ้าทรงมอบให้กับบ่าวของพระองค์เสมอมาในอดีต
یا من بدأ خلقی و ذکری و تربیتی و برّی ، هبنی لابتداء کرمک و سالف برّک بی
“โอ้ผู้ทรงสร้างฉัน คิดถึงฉัน อบรมสั่งสอนฉัน หยิบยื่นความดีงามแก่ฉัน
และให้ข้าวให้น้ำแก่ฉันมาตั้งแต่แรกเริ่ม โปรดทรงยกโทษให้ฉันดังที่พระองค์เคยทรงเอื้ออาทรฉันมาแล้วแต่เก่าก่อน
และทรงหยิบยื่นความดีงามต่างๆ แก่ฉันเสมอมา”
สื่อที่สอง ได้แก่ความรักของเราที่มีต่อพระองค์และการยอมรับความเป็นเอกะของพระองค์
أتراک معذبی بنارک بعد توحیدک و بعد ما انطوی علیه قلبی من معرفتک و لهج به لسانی من ذکرک
و اعتقده ضمیری من حبک و بعد صدق اعترافی و دعائی خاضعًا لربوبیتک
“หลังจากที่ฉันได้ยอมรับในความเป็นเอกะของพระองค์ และหลังจากที่รัศมีแห่งการรู้จักพระองค์ได้สถิตอยู่ในใจฉัน
และลิ้นของฉันก็ง่วนอยู่กับการรำลึกถึงพระองค์ และจิตใจของฉันผูกพันอยู่กับความรักของพระองค์อย่างเหนียวแน่น
และหลังจากการยอมรับด้วยความสัจจริงและการวอนขออย่างนบนอบต่อสถานภาพแห่งการอภิบาลของพระองค์
พระองค์จะทรงลงโทษฉันด้วยไฟนรกอีกกระนั้นหรือ ?”
สื่อที่สาม ได้แก่ความอ่อนแอและความเปราะบางของสรีระของเราต่อการแบกรับการลงโทษ
و أنت تعلم ضعفی عن قلیل من بلاء الدنبا و عقوباتها و ما یجری فیها من المکاره علی أهلها علی أن ذلک بلاء و مکروه
قلیل مکثه یسیر بقائه قصیر مدته ، فکیف احتمالی لبلاء الآخرة و جلیل وقوع المکاره فیها ...
یا الهی و ربی و سیدی و مولای ، لأیّ الامور إلیک أشکو و لما منها أضج و أبکی
لألیم العذاب و شدته أم لطول البلاء و مدته
“พระองค์ทรงตระหนักดีถึงการไร้ความสามารถของฉันในการอดทนต่อภัยพิบัติ
และการลงโทษอันน้อยนิดของโลกนี้ และเหตุการณ์อันไม่พึงปรารถนาที่มักจะประสพกับชาวโลกอยู่เสมอ
ในขณะที่ภัยพิบัติและสิ่งอันไม่พึงปรารถนาเหล่านี้เกิดขึ้นเพียงประเดี๋ยวเดียว คงอยู่ไม่นาน และมีช่วงเวลาสั้นๆ
แล้วฉันจะอดทนต่อภัยพิบัติของปรโลกและความมหันต์ของสิ่งอันไม่น่าพึงปรารถนาในโลกนั้นได้อย่างไร? ...
โอ้พระเจ้าของฉัน พระผู้อภิบาของฉัน นายของฉัน และเจ้าชีวิตของฉัน
ฉันจะร้องเรียนสิ่งใดต่อพระองค์ดี และฉันจะฟูมฟายและร่ำไห้ให้กับสิ่งใดดี
ระหว่างความเจ็บปวดและความสาหัสสากรรจ์ของการลงโทษ
หรือความยาวนานของภัยพิบัติ ?”
สื่อที่สี่ สิ่งสุดท้ายที่อิมามอะลี (อ) ยึดเอาเป็นสื่อกลางในการเข้าหาพระผู้เป็นเจ้าได้แก่ การบากหน้ากลับมาหานายของบ่าวที่หนีไปจากนายของตนด้วยการฝ่าฝืน และการขอความช่วยเหลือจากนายของตนในยามที่ไม่มีหนทางใดๆ สำหรับเขาอีกแล้วนอกจากต้องหวนกลับมาพึ่งพิงนายของตนเท่านั้น อิมามอะลี (อ) ได้พรรณนาสื่อที่สี่นี้ไว้ให้เห็นภาพพจน์อย่างชัดเจนว่า
فبعزتک یا سیدی و مولای اقسم صادقًا لإن ترکتنی ناطقاً لأضجن إلیک بین أهلها ضجیج الآملین
و لأصرخن إلیک صراخ المستصرخین و لأبکین علیک بکاء الفاقدین و لأنادینک این کنت یا ولی المؤمنین
یا غایة آمال العارفین یا غیاث المستغیثین یا حبیب قلوب الصادقین و یا إله العالمین
“ขอสาบานด้วยเกียรติยศของพระองค์ โอ้นายและเจ้าชีวิตขอฉัน
ฉันขอสาบานด้วยความสัจจริงว่า หากพระองค์ทรงให้ฉันพูดได้ (ในนรก)
แน่นอนที่สุด ฉันก็จะกู่ร้องถวิลหาพระองค์ในท่ามกลางชาวนรกด้วยความหวัง
และจะร้องขอความช่วยเหลือจากพระองค์ และจะร้องไห้คร่ำครวญให้กับความห่างไกลของฉัน
จากพระองค์เหมือนผู้สูญเสียคนที่ตนรัก และฉันจะเรียกหาพระองค์ว่า
โอ้มิตรและผู้คุ้มครองมวลศรัทธาชน โอ้ผู้ทรงเป็นความหวังสูงสุดสำหรับผู้ที่รู้จักพระองค์
โอ้ผู้ทรงหยิบยื่นความช่วยเหลือให้แก่ผู้จนตรอก โอ้ผู้ทรงเป็นที่รักยิ่งในดวงจิตของผู้สัจจริง
และโอ้พระผู้เป็นเจ้าแห่งชาวโลกทั้งผอง พระองค์ทรงอยู่ที่ไหนเล่า ?”
ขั้นตอนที่สาม
บัดนี้ เราจะก้าวเข้าไปสู่ขั้นตอนที่สามของดุอากุเมลพร้อมกับอิมามอะลี (อ) ในขั้นตอนนี้ ท่านอิมามได้แจกแจงความต้องการของท่านต่อพระผู้เป็นเจ้าทีละประการ โดยเริ่มจากจุดที่ต่ำที่สุดอันได้แก่ตัวของบ่าวเองและการกระทำของเขา
أن تهب لی فی هذه اللیلة و فی هذه الساعة کل جرم أجرمته و کل ذنب أذنبته و کل قبیح أسررته
“โปรดอภัยแก่ฉันในคืนนี้และในยามนี้ ซึ่งทุกๆ บาปกรรมที่ฉันได้ก่อไว้ ทุกๆ ความชั่วที่ฉันได้ประกอบไว้
และทุกๆ งานอันน่ารังเกียจที่ฉันได้ปกปิดไว้”
จนถึงจุดสูงสุดอันได้แก่ความปรารถนาของบ่าวในความไพศาลแห่งพระเมตตาของนายของตน
و اجعلنی من أحسن عبیدک نصیباً عندک و أقربهم منزلة منک و أخصهم زلفة لدیک
“โปรดบันดาลให้สิ่งที่ฉันจะได้รับ ณ พระองค์มีความเลอเลิศกว่าสิ่งที่ปวงบ่าวคนอื่นๆ
ของพระองค์จะได้รับ และโปรดบันดาลให้ฉันมีฐานันดรใกล้ชิดพระองค์มากกว่าพวกเขา
และโปรดบันดาลให้ตำแหน่งฐานะของฉันในท้องพระโรงของพระองค์นั้น
มีความพิเศษมากกว่าพวกเขาด้วยเถิด”
ในระหว่างนั้น อิมามอะลี (อ) ได้วอนขอความต้องการต่างๆ ของท่านจากพระผู้เป็นเจ้า ซึ่งแบ่งออกเป็นสี่ประเภทด้วยกัน
ก) ความต้องการให้พระผู้เป็นเจ้าทรงอภัยโทษความผิดบาปและทรงมองข้ามความชั่วที่เราได้ประกอบไว้
أن تهب لی فی هذه اللیلة و فی هذه الساعة کل جرم أجرمته و کل ذنب أذنبته و کل قبیح أسررته
و کلی جهل عملته کتمته أو أعلنته أخفیته أو أظهرته ، و کل سیئة أمرت بإثباتها الکرام الکاتبین
الذین وکلتهم بحفظ ما یکون منی و جعلتهم شهوداً علی مع جوارحی
“โปรดอภัยแก่ฉันในคืนนี้และในยามนี้ ซึ่งทุกๆ บาปกรรมที่ฉันได้ก่อไว้ ทุกๆ ความชั่วที่ฉันได้ประกอบไว้
ทุกๆ งานอันน่ารังเกียจที่ฉันได้ปกปิดไว้ และทุกๆ ความเขลาที่ฉันได้กระทำขึ้น ทั้งโดยลับหรือเปิดเผย
ทั้งที่ฉันได้ปิดบังมันไว้หรือกระทำต่อหน้าธารกำนัล และทุกๆ ความชั่วที่พระองค์ทรงบัญชาให้บรรดาอาลักษณ์
ผู้ทรงเกียรติของพระองค์จดบันทึกมันไว้ พวกเขาคือบรรดาอาลักษณ์ที่พระองค์ทรงมอบหมายให้บันทึก
การกระทำของฉัน และทรงทำให้พวกเขาเป็นพยานต่อต้านฉันร่วมกับอวัยวะต่างๆ ในเรือนร่างของฉัน”
ข) ความต้องการให้พระผู้เป็นเจ้าทรงประทานความเมตตาและความดีงามแก่เราอย่างมากมาย
و أن توفر حظیّ من کل خیر أنزلته أو إحسان فضّلته أو بر نشرته أو رزق بسطته
“โปรดเพิ่มพูนส่วนที่ฉันจะได้รับจากทุกๆ ความดีงามที่พระองค์ทรงหลั่งลงมา
หรือทุกๆ ความกรุณาที่พระองค์ทรงโปรดปราน หรือทุกๆ ความดีที่พระองค์ทรงแพร่กระจายมันออกไป
หรือทุกๆ ปัจจัยยังชีพที่พระองค์ทรงแผ่ขยายมัน”
ค) ความปรารถนาที่จะผูกพันอยู่กับพระผู้เป็นเจ้าและถวิลหาพระองค์ตลอดเวลา ซึ่งความต้องการในประเภทที่สามนี้เป็นส่วนที่ยาวที่สุดของดุอากุเมล และเป็นสิ่งที่อิมามอะลี (อ) ได้ให้ความสำคัญสูงสุดในการวอนขอ โดยท่านได้วอนขอให้พระผู้เป็นเจ้าทรงบันดาลให้ชีวิตของท่านได้รับการหล่อเลี้ยงด้วยการรำลึกถึงพระองค์และรับใช้พระองค์อยู่เสมอ ท่านได้วอนขอให้พระองค์ทรงประทานความอุตสาหะเพื่อให้บรรลุสู่ความเกรงกลัวพระองค์ให้แก่ท่าน และวอนขอให้ท่านได้อยู่ใกล้ชิดพระองค์
أسألک أن تجعل أوقاتی من اللیل و النهار بذکرک معمورة و بخدمتک موصولة ...
قوّ علی خدمتک جوا رحی واشدد علی العزیمة جوانحی و هب لی الجدّ فی خشیتک و الدوام فی الاتصال بخدمتک
حتی أسرح إلیک فی میادین السابقین و أشتاق إلی قربک فی المشتاقین و أدنو منک دنوّ المخلصین
و أخافک مخافة الموقنین و أجتمع فی جوارک مع المؤمنین
“ฉันวอนขอให้พระองค์โปรดทรงบันดาลให้วันเวลาของฉันทั้งกลางวันและกลางคืน
ได้รับการปรับปรุงให้มีชีวิตชีวาด้วยกับการรำลึกถึงพระองค์ และถูกใช้ไปในการรับใช้พระองค์อยู่เสมอ ...
โปรดเสริมสรีระของฉันให้เข้มแข็งในการรับใช้พระองค์ โปรดทำให้จิตใจของฉันมั่นคงในการเดินทางไปสู่พระองค์
และโปรดประทานแก่ฉันซึ่งความอุตสาหะในบรรลุสู่ความเกรงกลัวพระองค์และความต่อเนื่องในการรับใช้พระองค์อยู่เสมอ
จนกระทั่งฉันสามารถที่จะขับเคลื่อนร่างกายและจิตใจให้อยู่ในสนามของผู้รุดหน้าไปสู่พระองค์
และรีบเร่งไปหาพระองค์ในท่ามกลางผู้รีบเร่งทั้งหลาย และถวิลหาความใกล้ชิดพระองค์ในหมู่ของผู้ถวิลหาทั้งหลาย
และใกล้ชิดพระองค์ดั่งความใกล้ชิดของผู้บริสุทธิ์ทั้งหลาย และเกรงกลัวพระองค์เฉกเช่นผู้เชื่อมั่นทั้งหลาย
และอยู่ร่วมกับศรัทธาชนทั้งหลายเคียงข้างความเมตตาของพระองค์”
ง) ความต้องการให้พระผู้เป็นเจ้าทรงขจัดปัดเป่าแผนร้าย กลอุบาย และความชั่วร้ายของผู้กดขี่ และให้พระองค์ทรงทำให้แผนร้ายนั้นบังเกิดขึ้นกับตัวพวกเขาเอง
اللهم و من أرادنی بسوء فأرده و من کادنی فکده
“โอ้อัลลอฮฺ ผู้ใดที่ประสงค์ร้ายต่อฉัน โปรดทรงทำให้เขาได้รับความเลวร้ายนั้น
และผู้ใดใช้กลอุบายล่อลวงฉัน โปรดทำให้เขาประสพกับกลอุบายนั้นเสียเอง”
واکفنی شرّ الجن و الانس من أعدائی
“และโปรดทรงปัดเป่าความชั่วร้ายของศัตรูของฉันทั้งจากญิน
และมนุษย์ให้พ้นไปจากฉันด้วยเถิด”
และทั้งหมดนี้คือภาพรวมของสารัตถะอันสูงส่งของดุอากุเมล
บทความโดย Saleh
ขอขอบคุณ www.islamichomepage.com