อีดฆอดีร วันแห่งการประกาศผู้สืบทอดอำนาจ ตอนที่สาม
ฟะกีฮฺ อำนาจการปกครองของพระเจ้า
บรรดาศัตรูของศาสนา ความพยายามหลักๆ ที่เขาต้องทำลายมีอยู่ 2 หลัก คือ
1.บิดเบือนคำสั่งสอนด้วยรูปแบบและวิธีการต่างๆ
2.ทำลายระบบการปกครองในศาสนา
อย่างอื่นเขาไม่ได้สนใจ ไม่สำคัญ บิดเบือนศาสนา ทำลายระบบการปกครองของพระเจ้า ทำอย่างไรให้ศาสนานี้ เป็นการปกครองของมนุษย์ เช่นอิสลามปกครองแบบประชาธิปไตย เพราะกระแสอื่นๆตอนนี้โลกทิ้งไปแล้ว อิสลามแบบประชาธิปไตยก็คือ อิสลามภายใต้การปกครองของมนุษย์ กับอิสลามยังคงอยู่ภายใต้การปกครองของพระเจ้า บางครั้งการปกครองของพระเจ้ามาในรูปแบบของนบี
บางครั้งการปกครองของพระเจ้ามาในรูปแบบของอิมาม บางครั้งการปกครองของพระเจ้ามาในรูปแบบของฟะกีฮ์ ทั้งสามสิ่งนี้คือการปกครองของพระเจ้า บรรดาศัตรูของศาสนาเป็นศัตรูกับวิลายัตของอัลลอฮฺ (ซบ) นั่นคือ เมื่อวิลายัตของอัลลอฮฺอยู่กับนบีของอัลลอฮฺ (ซบ) เขาก็เป็นศัตรูกับนบี เมื่อวิลายัตของอัลลอฮฺอยู่กับบรรดาอิมาม
เขาก็เป็นศัตรูกับอิมาม เมื่อวิลายัตของอัลลอฮฺอยู่กับฟะกีฮ์ เขาก็เป็นศัตรูกับฟะกีฮ์กับระบอบวิลายะตุลฟะกีฮ์ ไม่มีความแตกต่าง อุลามาอฺชีอะฮ์ที่เปี่ยมด้วยจิตวิญญาณอันบริสุทธิ์ทุกคนมีทัศนะตรงกันว่า ระบบการปกครอง วิลายะตุลฟะกีฮ์ก็คือระบบการปกครองของอะอิมมะฮ์(อ) โลกจะต้องไม่เว้นว่างจากการปกครองโดยอำนาจของอัลลอฮฺ ไม่มีวัน! คนจะตาม คนจะไม่ตามอีกเรื่อง ซึ่งได้เกริ่นนำไปแล้วอย่างสมบูรณ์ ไม่ต้องหวั่นไหวตรงนั้น แต่สิ่งที่ยืนยันก็คือ ไม่มีวันที่โลกนี้จะเว้นว่างจากการปกครองของอัลลอฮฺ ตั้งแต่มีโลกนี้มา จะต้องมีตัวแทนของอัลลอฮฺ(ซบ)ปกครอง บางครั้งตัวแทนที่ปกครอง ตัวแทนที่มีอำนาจวิลายัตอันนั้นคือ บรรดานบี บางครั้งเข้มข้นกว่าคือ บรรดารอซูล เราต้องยอมรับว่า รอซูลต้องเข้มข้นกว่านบี อำนาจก็จะยิ่งเข้มข้นกว่า บางครั้งตัวแทนของอัลลอฮฺที่ปกครองอยู่บนโลกนี้เข้มข้นกว่ารอซูลคือบรรดาอิมาม เข้มข้นกว่าการปกครองครองของรอซูลคือการปกครองของอิมาม วิลายัตก็เหมือนกัน ตัวแทนเข้มข้นกว่า อำนาจของการปกครองก็เข้มข้นกว่า และสถานที่สุดท้ายที่วิลายัตของอัลลอฮฺ(ซบ)จะถูกมอบก็คือ ให้กับบรรดาฟะกีฮ์ซึ่งเข้มข้นน้อยกว่าในสามตัวอย่างที่ได้ยกมา คือบรรดาฟะกีฮ์ที่ได้ปกครองอยู่ ปัญหาคือการต่อต้านวิลายัตของอัลลอฮฺ(ซบ) ก็เลยต่อต้านผ่านตัวบุคคล ผ่านตัวแทนของพระองค์ ศัตรูเราที่มีอยู่นั้น ยกตัวอย่าง ยุคหนึ่งสมัยหนึ่งอาจจะปล่อยให้การปฏิบัติอิสลามเป็นไปอย่างเคร่งครัด แต่เราไม่สามารถจะเคร่งครัดทั้งหมด อิสลามแบบนี้ฝืนไป ไม่จำเป็นต้องปฏิบัติ เหมือนที่เราพูดอยู่เสมอๆว่า ยุคหนึ่งสมัยหนึ่งอเมริกา ยังสร้างมัสญิดหนึ่งให้มุสลิมเหล่านี้ เดือนรอมฎอนปีที่แล้ว สถานทูตอเมริกาที่กรุงเทพได้เลี้ยงละศีลอดให้กับพวกแขกที่ถือบวช เลี้ยงมุสลิมละศีลอด ไม่ได้กลัวการถือศีลอดของมุสลิม บางประเทศมันสร้างมัสญิด ถ้ามันหยุดนมาซไม่ได้มันจะปล่อยให้นมาซ จนถึงการถือบวช เพราะการนมาซ ถือบวชไม่มีผลใดๆ แต่ถ้าการนมาซ การถือบวชมีผลต่อมนุษยชาติ มันก็จะหยุดนมาซ
อีกหนึ่งตัวอย่าง ยุคหนึ่งสมัยหนึ่ง การคลุมฮิญาบ การคลุมผ้า คลุมอะไรไม่มีผลใดๆกับมวลมนุษยชาติในอาหรับ ในแอฟริกา โอบผ้าห่มกันเลย เราจะเห็นภาพก็ไม่มีอะไร แต่เมื่อใดก็ตามการแต่งกายของมุสลิมะฮ์มีผลต่อมวลมนุษยชาติ ดึงดูดเชิญชวนอิสลาม มันก็ประกาศสงครามกับฮิญาบ เหมือนที่เราเห็นทุกๆวันนี้ มันก็ประกาศ ตราบใดที่อิสลามยังไม่เป็นการปฏิบัติในข้อหนึ่งข้อใด ยังไม่เป็นอันตรายสำหรับพวกเขา มันก็จะปล่อยให้ปฏิบัติ มันอาจจะส่งเสริม มันอาจจะสนับสนุนให้ ไม่ได้ผลนมาซไม่ได้ไปถึงเป้าหมายก็นมาซไปมันก็ปล่อย มันก็จะไม่ต่อต้าน แต่ถ้ามีผลมันก็จะทำการต่อต้าน ไม่มีผลมันก็จะปล่อย แต่ปัจจัยที่จะทำให้การปฏิบัติทุกข้อในศาสนามีผลตรงตามเป้าหมายของอิสลามคือ ปฏิบัติตามการชี้แนะ ปฏิบัติตามการชี้นำของตัวแทนของอัลลอฮฺ(ซบ)บนหน้าแผ่นดินนี้ ยกให้เห็นยุคหนึ่งสมัยหนึ่ง
ทำไมสหรัฐอเมริกา หรือบรรดายาฮูดีนัศรอนี ไม่ได้เป็นศัตรูกับชีอะฮ์เท่าไรนัก ? อันนี้เป็นเรื่องจริง ไม่เป็นศัตรูกับชีอะฮ์เท่าไร กษัตริย์ชาห์ก็เป็นชีอะฮ์ คนอิหร่านยุคก่อนการปฏิวัติอิสลามก็เป็นชีอะฮ์ จัดงานมุฮัรรอม จัดอะไรๆเคร่งครัดมาก กรีดหัวด้วย ไม่ใช่แค่บอก ยิ่งเคร่งยิ่งคลั่ง มันไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วย แต่ว่ามันไม่ได้มองชีอะฮ์แบบนั้น แต่มันมอง ชีอะฮ์อีกแบบหนึ่ง ก่อนการปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่านมีทั้งหมด ในซาอุฯ ก็มีชีอะฮ์ ที่ไหนในโลกนี้ก็มีชีอะฮ์อยู่อย่างอ่อนแอ อยู่แบบไม่มีศักยภาพ อยู่แบบไม่สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรได้ ไม่สามารถที่จะไปนำเสนอได้ ไม่สามารถจะไปแสดงศักยภาพอะไรได้ แต่ก็เป็นชีอะฮ์ที่พวกมันก็ไม่กลัว แต่หลังจากการปฏิวัติอิสลามในอิหร่าน ความหมายที่แท้จริงของการเป็นชีอะฮ์ถูกเปลี่ยนแปลง ใครเป็นผู้เปลี่ยนแปลง?? เมื่อตัวแทนของอัลลอฮฺ (ซบ) บนหน้าแผ่นดิน ในยุคนี้ แสดงบทบาทของการเป็นผู้ปกครองของพระผู้เป็นเจ้าอย่างแท้จริง อิสลามที่พวกมันหวาดกลัวก็ปรากฏให้มันเห็นอย่างชัดเจน เราก็เห็น ในทุกวันนี้ มันทุ่มเทความพยายามทั้งหมด เพื่อที่จะโค่นอิสลามแบบนี้ เพื่อที่จะโค่นชีอะฮ์แบบนี้ให้ได้ ประเทศอิรักก็เป็นประเทศที่คนส่วนมากเป็นชีอะฮ์ ทำไม??ไม่มีการบอยคอต ไม่มีการแซงชั่น ไม่มีอะไรเลย เพราะชีอะฮ์แบบนั้นมันไม่กลัว มันไม่เป็นห่วง ทำไม?? ชีอะฮ์ในอิรักจึงไม่น่ากลัว ไม่น่าเป็นห่วง เพราะชีอะฮ์ในอิรักยังไม่ชัด ยังไม่เด่น ยังไม่รู้จะเอาอย่างไรเกี่ยวกับระบบการปกครองที่ถูกต้อง ที่สมบูรณ์ ที่ตรงตามพระประสงค์ของอัลลอฮฺ (ซบ) อเมริกาให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ ส่งกองทัพไปช่วยด้วย เพราะเป็นศาสนาที่ไม่มีผู้ปกครอง ไม่มีผู้กำกับดูแล มันง่ายต่อการที่จะบิดเบือน มันง่ายที่จะชี้นำ มันง่ายที่จะจูงจมูก มันง่ายที่บรรดาศัตรูของศาสนาจะสั่ง จะชี้ เหตุการณ์ในวันนี้ พิสูจน์สิ่งเหลือเชื่อต่างๆอย่างมากมาย เมื่อที่ผ่านมานี้ มุฟตีย์ใหญ่ของซาอุฯ อาลิอัชชัยค์ นี่คือมุฟตีย์ประจำอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ได้ออกมาฟัตวาห้ามและถือว่าเป็นฮะรามสำหรับมุสลิมที่ทำการดุอาอฺสาปแช่งให้โทษกับอเมริกา
มีทั้งเว็บของพี่น้องอะฮ์ลิซสุนนะฮ์ในประเทศไทยก็เอาฟัตวานี้มาเผยแพร่
คำว่า วิลายัตแปลว่าอะไร? คืออำนาจของพระเจ้า และถ้าอยู่ในมือของมนุษย์ และตัวแทนของพระองค์แล้ว สิ่งต่างๆเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้น คำว่าฮะรามนี้แปลว่าอะไร? แปลว่า อัลลอฮฺไม่อนุญาตให้ประณามอเมริกา(ละนะตุลลอฮฺ อะลัยฮิม) คำพูดที่ปกป้องอเมริกา ยังมีอีกมากมาย ศาสนาเมื่อไม่รู้ว่าใครเป็นตัวแทน?? ศาสนาเมื่อไม่รู้ว่าใครคือผู้มีอำนาจที่จะพูด? ศาสนาที่ไม่รู้ว่าใครที่มีอำนาจที่จะแสดงทัศนะ มันจึงมั่วไปหมด จับต้นชนปลายไม่ถูก มุฟตีย์ที่ยิ่งใหญ่ของซาอุฯ อาลิอัชชัยค์ บอกว่า เป็นฮะราม นี่เป็นศาสนาที่ไม่มีวิลายัตจากพระเจ้า แต่มีวิลายัตของชัยตอน ศาสนาจะกลายเป็นอย่างนี้ มุฟตีย์ของซาอุดีบอกว่า ฮะราม และเป็นบาป อัลลอฮฺจะลงโทษ ลงนรกคนที่สาปแช่งอเมริกา นั่นคือความหมายของคำว่า ฮะราม มันพูดในนามศาสนา
อีกด้านหนึ่งเชคยูซุฟ ก็อรฎอวี รู้จักกันในนามพวกที่นิยมวะฮาบี คนที่เขียนหนังสือฮาลาล ฮะราม แปลเป็นภาษาไทยหลอกมวลมุสลิมมานานแสนนานในหน้าประวัติศาสตร์ เหมือนกับที่ยัสเซอร์ อารอฟัต เคยหลอกลวงนักสู้ในอิสลามมามากต่อมาก เหมือนกับกัดดาฟีเคยหลอกลวงโลกอิสลามมามากต่อมาก เหมือนกับซัดดัมเคยหลอกลวงมวลมุสลิมมามากต่อมาก และอีกหลายๆฏอฆูตที่ได้พังพินาศไปแล้ว อันนี้คือสายการเมืองพังพินาศ ตอนนี้สายการเมืองก็กำลังเข้าคิวที่จะพังพินาศ ที่กำลังจะพิสูจน์มวลมุสลิมที่ไม่เคยรู้อะไรเลยว่า โอ้พินาศแล้ว ตามของปลอมมาเป็นครึ่งศตวรรษ เชคคนนี้ เมื่อวานบอกว่า ฮะราม เป็นบาป อัลลอฮฺจะทรงโกรธ ห้ามสาปแช่งอเมริกา เข้าไปดูได้เลยฟัตวาที่เป็นทางการของ เชคยูซุฟ ก็อรฎอวี ซึ่งเมื่อก่อนยังมีคนนิยมชมชอบว่าเป็นอุลามาอฺในสายอิสลามอันบริสุทธิ์ของซุนนี ในระหว่างประกอบ พิธีฮัจญ์ เมื่อมวลมุสลิมเริ่มเข้าสู่มักกะฮ์ เริ่มเข้าสู่แผ่นดินฮิญาสเพื่อประกอบพิธีฮัจญ์ ยูซุฟก็อรฎอวี ก็มีคำฟัตวาว่า ให้ทุกคนที่ไปทำฮัจญ์ ดุอาอฺ สาปแช่งอิหร่าน รัสเซีย และจีนให้พังพินาศ ให้ล่มสลาย หากมันจะเล่นอิหร่านประเทศเดียว มันก็น่าเกลียด อุลามาอฺสุนัขรับใช้คนนี้ก็บอกว่า มุสลิมทุกคนที่ไปประกอบพิธีฮัจญ์นั้น ดุอาอฺของฮุจญาตนั้นมุสตะญับ ต้องร่วมกันสาปแช่ง ให้อิหร่านล่มสลาย เราตัดจีน รัสเซียออกไป เพราะถ้าสาปแช่งอเมริกาไม่ได้ ก็สาปแช่งรัสเซียไม่ได้ ศาสนาออกมาจากปากสุนัขรับใช้เหล่านี้ในนามของอัลลอฮฺ ให้เราอย่าสาปแช่งศัตรูของพระองค์
และในปากสุนัขรับใช้อีกตัวหนึ่ง อีกมุมหนึ่งออกมาบอกว่า ให้สาปแช่งพี่น้องมุสลิม ให้สาปแช่งประเทศอิหร่าน และกระทำอย่างท้าทาย ไม่ได้เกรงต่อกลัวมวลมุสลิม ไม่ได้สนใจเลยว่ามุสลิมจะคิดอย่างไร ! จะลุกขึ้นมาฆ่ามันไหม? จะทำอะไร มันไม่ได้สนใจ มันออกมาฟัตวา ให้ดุอาอฺกับอัลลอฮฺ ก็แสดงว่าอัลลอฮฺต้องการสิ่งนี้ เพราะอะไร ? นี่แค่ยกตัวอย่าง มีเรื่องราวอีกมากมาย ฉะนั้นถ้าคนที่ไม่ติดตาม ก็อาจจะโง่ มีเรื่องราวอีกมากมาย วันนี้ประเทศซาอุฯ ทำรองเท้าผ้าใบเอง มีชื่อของท่านนบีมุฮัมมัด(ศ็อลฯ) อยู่ใต้รองเท้าผ้าใบ เข้าไปดูได้ในโซเชียลมีเดียได้เลยพี่น้อง เป็นแผนการ มันบอกไม่มีปัญหา
ชื่อของนบีมุฮัมมัด(ศ็อลฯ)ไม่ได้มีอะไร อุลามาอฺคอยฟัตวา ซึ่งไม่ได้สนใจต่อสายตามวลมุสลิมทั้งโลก เพราะอะไร ? เพราะมวลมุสลิมทั้งโลกไม่รู้ว่าอำนาจอยู่ที่ใคร ! ใครมีอำนาจในการตัดสินชี้ขาด ? ใครคือผู้ที่มีอำนาจได้รับฉันทานุมัติจากอัลลอฮฺ (ซบ) ในการที่จะหยุดปัญหาในแต่ละปัญหา และเราเรียกอำนาจนี้ว่า “วิลายัต” ตราบใดที่มวลมนุษยชาติยังไม่เข้าใจในวิลายัตของอัลลอฮฺ และยังไม่เข้าใจอีกว่า วิลายัตของอัลลอฮฺนั้นถูกมอบให้กับใคร? ในแต่ละยุค ในแต่ละสมัย จวบถึงวันกิยามัต มวลมุสลิมก็จะตกอยู่ในสภาพนี้ ในทางตรงกันข้าม คนที่ยึดมั่นในวิลายัตอันนี้ มีแต่ความเข้มแข็ง เข้มแข็งถึงขั้นสามารถที่จะเผชิญหน้ากับศัตรูได้อย่างโดดเดี่ยว และเดียวดาย โดยไม่หวาดกลัวใดๆ ศัตรูของอิสลามนั้นไม่ว่าจะทำอะไร มันจะมีความกลัวต่อประเทศที่เชื่อในวิลายัตที่ถูกต้องและสมบูรณ์ จนกระทั่งออกมาบอยคอต ออกมาแซงก์ชั่น นักวิชาการทั้งตะวันตก ทั้งตะวันออกบอกว่า การแซงก์ชั่น การบอยคอตในรอบนี้ ของชาติตะวันตกคือ การฆ่าตัวตาย เหตุผลหนึ่งที่เศรษฐกิจล่มและทรุดอย่างหนัก ก็เพราะมัน บอยคอตอิหร่าน น้ำมันถูกมันไม่ซื้อ แต่มันไปซื้อน้ำมันแพง เพื่อที่จะทำยังไงก็แล้วแต่ จะต้องโค่นอิสลามให้ได้ เพราะที่อิหร่านมีอิสลามที่สมบูรณ์สะอาดบริสุทธิ์ ได้รับการกำกับควบคุมดูแลจากตัวแทนของพระเจ้า ทุกยุคทุกสมัยตัวแทนของอัลลอฮฺต้องต้องปรากฏตัว ต้องอยู่กับมวลมนุษยชาติ ต้องแก้ไขปัญหาของมวลมนุษยชาติโดยได้ยินเสียง โดยเห็นหน้า นั้นคือความหมายของฮุจญาตของอัลลอฮฺ (ซบ) บนหน้าแผ่นดินนี้ ตอนนี้อิมามมะฮฺดี (อ) เร้นกาย อำนาจในการปกครองมอบให้กับตัวแทนของท่านทำหน้าที่ก่อน เพราะปัญหาในโลกอิสลามนั้นเกิดขึ้นในทุกยุคทุกสมัย ดังนั้นฆอดีรกุมคือความศรัทธาในอำนาจของอัลลอฮฺ (ซบ) มาอยู่ที่รอซูล (ศ็อลฯ) เมื่อรอซูล (ศ็อล) มอบอำนาจนี้ให้กับอะลี อิบนิ อาบีฏอลิบ เราก็จะต้องศรัทธาต่อสิ่งนี้ต่อไป แล้วก็เข้ามาสู่บรรดาอะอิมมะฮฺ (อ) ต่างๆ จนกระทั่งถึงยุคของท่านอิมามมะฮฺดี(อ) ท่านเร้นกาย อำนาจยังเป็นของท่านอยู่
แต่ปัจจุบันนี้ ท่านได้มอบให้กับบรรดาฟะกีฮ์ที่มีคุณสมบัติตามที่ได้กำหนดไว้ในอายะฮ์ ในฮะดีษต่างๆ ทำหน้าที่แทนท่าน ดังนั้นเราดูในโลกนี้ ณ ปัจจุบัน เฉพาะบุคคลที่ยึดมั่นในแนวทางของวิลายะตุ้ลฟะกิฮ์เท่านั้นที่ไม่ถูกหลอก หลังจากการปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่าน ทำให้เรารู้ว่า กัดดาฟีเป็นใคร…เรารู้แล้วว่า ยัสเซอร์ อารอฟัต เป็นใคร…และบรรดาผู้นำจอมปลอมในศาสนาเป็นใคร…และไปจนถึงอาลิมอุลามาอฺอันจอมปลอมทั้งหมดคือใคร…ได้ ค่อยๆถูกเผยแพร่ออกมาหลังจากที่เรามีผู้นำ มีตัวแทนของพระผู้เป็นเจ้าอย่างแท้จริงบนหน้าแผ่นดินนี้ ภาษาอาหรับว่า ปรากฏตัวหน่อย คอยบอกคอยชี้แนะ คอยชี้ถึงแผนร้ายต่างๆของบรรดาศัตรู บารอกัตแห่งวิลายะตุลฟะกีฮ์ ก็คือ บารอกัตจากฆอดีรคุมที่เราได้รับมา เหตุการณ์ฆอดีรคุมจึงเป็นหลักประกันที่สำคัญที่จะบอกกับมนุษยชาติ จะบอกมุสลิม บอกกับผู้ศรัทธาอย่างแท้จริงว่า เหตุการณ์ในวันนี้นั้นจะเป็นหลักประกันอันยิ่งใหญ่ สำหรับบุคคลที่ใฝ่หาคำสั่งสอนที่บริสุทธิ์ แผนร้ายของศัตรูเกือบทั้งหมดถูกทำลายโดยตัวแทนของอัลลอฮฺ(ซบ) วิลายะตุลฟะกีฮ์ก็เป็นหนึ่งในบารอกัตที่เกิดในฆอดีรคุม ค่อยๆถูกถ่ายทอดอำนาจขึ้นมา ดังนั้นพวกเราทุกๆจึงมีหน้าที่ในการนำเสนอ ทำการชี้แจงเชิญชวนเรียกร้องมวลมนุษยชาติให้เข้าใจถึงอำนาจอันนี้ ให้มีความเข้าใจถึงบารอกัตในวิลายัตอันนี้ ปัญหาของมวลมนุษยชาติไม่มีวันที่จะได้รับทำการแก้ไขจากที่อื่น นอกจากตัวแทนของอัลลอฮฺ(ซบ)เท่านั้น
นาง ออง ซาน ซูจี เมื่อก่อนอาจจะมีพวกเราชมชอบ นักต่อสู้ประชาธิปไตยชมชอบ องค์กรอิสระชมชอบ สุดท้ายพิสูจน์ได้ว่า อันนี้ก็ของปลอมเช่นกัน จนถึงวันนี้ นาง ออง ซาน ซูจี ไม่พูดอะไรสักคำเดียวเลยในการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์พี่น้องมุสลิมของเรา พี่น้องมุสลิมโรฮิงยา ออง ซาน ซูจีไม่ส่งเสียงแม้แต่สักคำเดียว สหประชาชาติยังไม่พูดอะไรแม้แต่สักคำเดียว และแน่นอนเมื่อสถานการณ์บีบบังคับ เขาก็จะต้องพูด แต่เป็นการพูดที่ไม่สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรได้ และถ้าจะมีอะไรเกิดขึ้นในการปกป้องพี่น้องมุสลิมอย่างแท้จริง ไม่ว่าพี่น้องของเราจะเป็นชีอะฮ์ หรือจะเป็นซุนนี ก็จะต้องมาจากตัวแทนของอัลลอฮฺ (ซบ) เท่านั้นในการแก้ไขปัญหา นี่คือบารอกัต ถ้าตัวแทนของอัลลอฮฺยังมีอยู่ สิ่งต่างๆเหล่านี้มีหลักประกัน ปัญหาของพี่น้องชาวปาเลสไตน์ซึ่งลืมไปแล้ว ลืมจนเกือบจะจบไปแล้ว ไม่เคยมีผู้นำมุสลิมคนไหนที่แก้ไขปัญหาพี่น้องมุสลิมชาวปาเลสไตน์อย่างจริงจังก่อนการปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่าน จนกระทั่งการปรากฏตัวของการปฏิวัติ จนกระทั่งการปรากฏตัวของท่านอิมามโคมัยนี(รฎ) สถานการณ์ปาเลสไตน์ถูกเปลี่ยนไป นี่คือศักยภาพของผู้นำของอัลลอฮฺ ผู้นำที่เป็นตัวแทนของพระผู้เป็นเจ้า
ด้วยเหตุนี้เอง วันแห่งฆอดีรคุมจึงเป็นวันแห่งตัวแทนของพระผู้เป็นเจ้า หลังจากยุคแห่งศาสดานั้นจะต้องสิ้นสุดลง แล้วเหตุการณ์นั้นถูกสานต่อจากระบบวิลายัตของบรรดาอะอิมมะฮฺ (อ)เข้ามาสู่ระบบของวิลายะตุลฟะกีฮฺในปัจจุบันเพื่อรองรับการมาปรากฏของอิมามมะฮ์ดี (อ)
ขอขอบคุณเว็บไซต์ซัยยิดสุไลมาน
source : alhassanain