โดย : อายาตุลลอฮ์ ชาฮีด ซัยยิด อับดุลฮุเซน ดัสท์ฆัยบ์
เมื่อวิญญาณที่เป็นเสมือนอีกร่างหนึ่งไปอยู่ในที่พักอันสงบแล้ว ทำไมเราจึงยังต้องไปเยี่ยมสุสาน (เพื่ออ่านโองการฟาติฮะห์และขอพร)? และวิญญาณเหล่านั้นจะเข้าใจได้อย่างไรว่ามีผู้มาเยี่ยมพวกเขาในเมื่อพวกเขาไม่ได้ปรากฏตัวอยู่ในสุสานนั้น?
คำตอบได้มาจากคำบรรยายของอิมามญะอฺฟัร ศอดิก(อ.) ว่า ถึงแม้วิญญาณจะอยู่ในที่พักอันสงบแล้ว แต่ความสัมพันธ์กับสุสานยังคงอยู่ และพวกเขารู้ว่ามีคนมาเยี่ยม และยังจำพวกเขาได้ ท่านอิมาม(อ.) กล่าวว่าวิญญาณก็เหมือนกับดวงอาทิตย์ ดวงอาทิตย์อยู่บนท้องฟ้า แต่แสงรัศมีของมันปกคลุมไปทั่วโลก เช่นเดียวกัน ความครอบคลุมและการวนเวียนของวิญญาณคือ อิลมี (เกี่ยวกับความรู้และความเข้าใจ)
เหมือนภาพและเงาสะท้อนที่มีความสัมพันธ์กันมากยิ่งขึ้นในกระจก ความสนใจของวิญญาณและการครอบคลุมของพวกมันก็มีมากขึ้นในสุสาน เป็นเพราะวิญญาณได้อยู่ในร่างกายมาเป็นเวลาหลายปี และได้รับประโยชน์มากมายจากร่างนั้น จึงทำให้วิญญาณเพ่งความสนใจมายังที่ที่ร่างกายนอนอยู่
นี่ยังเป็นการให้คำตอบสำหรับผู้ที่สงสัยว่าทำไมเราจึงต้องไปยังสุสานของศาสดา(ศ.) และบรรดาอิมาม (อ.) ไม่ต้องสงสัยเลยว่า สุสานของพวกท่านผู้บริสุทธิ์ และผู้นำศาสนา เป็นศูนย์กลางความสนใจของวิญญาณอันบริสุทธิ์ และเป็นสถานที่ซึ่งความโปรดปรานจากพระผู้เป็นเจ้าจะโปรยปรายลงมา มลาอิกัต (เทวทูต) ก็ไปกลับจากที่นั่นเสมอ
หลังจากความตาย วิญญาณของมนุษย์เปลี่ยนไปสู่สภาพเดียวกับร่างกายทางโลกของเขา แต่ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับร่างกายภายนอกแต่อย่างใด มันเพียงแต่เริ่มเข้าสู่รูปแบบของร่างกาย หรืออาจเรียกได้ว่าวิญญาณเสมือนร่าง หรือร่างในโลกแห่งสุสาน หรือวิญญาณ/จิต แต่เนื่องจากมันเป็นเนื้อแท้ จึงไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยดวงตาที่เป็นวัตถุทางโลก
เนื้อแท้ซึ่งเป็นวิญญาณหรือจิตนี้เท่านั้นที่ได้ประกอบความดีและความชั่ว เมื่อครั้งที่ยังอยู่ในร่างวัตถุบนโลก ดังนั้น มันจึงเป็นสิ่งที่จะได้รับรางวัลตอบแทน หรือได้รับการลงโทษหลังจากความตาย ไม่ว่าจะเป็นการได้รับโดยการเชื่อมโยงกับร่างทางวัตถุ หรือได้รับด้วยตัวมันเองอย่างเดียวเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ในวันแห่งการพิพากษา มนุษยชาติทั้งหมดจะถูกเรียกให้ลุกขึ้นมารวมตัวกันในรูปของร่างของวัตถุทางโลกเช่นนี้เท่านั้น